Tip:
Highlight text to annotate it
X
สวัสดี ผมชื่อพอล แอนเดอเสน ส่วนนี่คือวิชา disciplinary core idea ESS2C ว่าด้วยเรื่อง
บทบาทของน้ำในกระบวนการบนพื้นผิวโลก เรามาเริ่มกันตรงที่ว่า โลกนี้นับว่าเป็นโลกของน้ำจริงๆ
อย่างตอนที่เรามองลงมาจากอวกาศ ก็จะเห็นว่ามีน้ำเป็นส่วนใหญ่ แล้วน้ำนี่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
โมเลกุลของน้ำก็มีลักษณะเฉพาะตัวเป็นพิเศษ มีความจุความร้อนสูง หมายความว่ามีความสามารถในการเก็บ
พลังงานมาก และสามารถปล่อยออกมาได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสถานะ มีลักษณะโปร่งใส
แสงสว่างจึงส่องผ่านได้ จะเกิดการขยายตัวเมื่อเกิดการแข็งตัว เมื่อเย็นลงก็จะมีขนาด
ใหญ่ขึ้น นับว่าไม่เหมือนโมเลกุลชนิดอื่นในโลกนี้ เป็นตัวทำละลายที่มีความสามารถเป็นพิเศษ สามารถ
ละลายสารต่างๆได้มากมายหลายชนิด และในปริมาณที่มากด้วย แล้วก็ยัง
เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก หมายความว่าอย่างไร? ก็คือเมื่อน้ำไหลไปตามที่ต่างๆ
ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงความหนืด การไหลจะเร็วช้าต่างกันไป จุดหลอมละลายก็เช่นกัน
ซึ่งเกิดขึ้นมากมายใต้ผิวโลกที่เรามองไม่เห็น เมื่อพูดถึงวัฏจักรของน้ำ
นักเรียนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันดีอยูแล้ว เริ่มจากการระเหยของน้ำจากแหล่งต่างๆ
อย่างมหาสมุทร กลายเป็นไอ แล้วก็จับตัวเป็นก้อนเมฆ แล้วก็อาจจะตกลงมาเป็นฝน
มากน้อยต่างกัน ไหลไปตามส่วนต่างๆของผิวโลก แล้วก็อาจซึมลงไปใต้ผิวโลกกลายเป็นน้ำใต้ดิน
จากนั้นก็เริ่มวัฏจักรรอบใหม่อีกที เป็นภาพรวมของที่มาของน้ำ
บนผิวโลกผ่านทางวัฏจักรของน้ำนี่เอง แหล่งน้ำต่างๆก็น่าสนใจ
แม้จะบอกไปแล้วว่าโลกนี้เป็นโลกของน้ำ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นส่วนที่เราไม่สามารถใช้ได้โดยตรง
เพราะว่าน้ำนั้น ไปอยู่ในมหาสมุทรถึง 97% นั่นคือน้ำส่วนใหญนั้น จะอยู่ในมหาสมุทร และ
เพียง 3% เท่านั้น ที่เป็นน้ำจืด และจากส่วนที่เป็นน้ำจืดนี้ ส่วนใหญ่ของมันก็จะยัง
ไปอยู่กับภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งอย่างในกรีนแลนด์หรือแอนตาร์กติกาเข้าไปอีก แล้วส่วนใหญ่ก็ยังเป็น
น้ำใต้ดินด้วย เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็น
น้ำผิวดินที่เราสามารถเอามาใช้ได้ น้ำผิวดินส่วนใหญ่นั้น
จะอยู่ในทะเลสาบ แล้วก็มีส่วนน้อยตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ
ดังนั้นแม้ว่าจะมีน้ำมากมายบนโลกของเรานี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเอามาใช้ได้ทั้งหมด
น้ำ มีส่วนในการกำหนดลักษณะทางกายภาพของโลกด้วย ไม่ว่าจะโดยตัวของมันเองหรือผ่านทางบรรยากาศ
ที่จะไปเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นผิวโลก ตัวอย่างที่เห็นของการกัดกร่อนของหินนี่ก็มาจาก
การกัดชะของฝน คลื่นก็ทำให้เกิดทราย ทำให้เกิดชายฝั่ง อย่างที่เห็นในรูปนี้
ขวาที่นี่ เมื่อเวลาผ่านไป นานเข้าๆ มันก็สามารถที่จะทำให้เกิดรอยแยกขนาดใหญ่ได้
ที่เห็นนี่คือแกรนแคนยอนที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำโคโลราโดที่มีขนาดเล็กนิดเดียว
แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน มันก็สามารถที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกได้ แล้วเราจะสอนเรื่องนี้
ในห้องเรียนอย่างไรดี? แนะนำว่าในชั้นประถมต้น เราก็อาจจะเริ่มพูดเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับน้ำ
เกี่ยวกับแหล่งน้ำต่างๆ การใช้แผนที่ประกอบก็จะช่วยได้มาก
แสดงให้เห็นมหาสมุทรต่างๆ ที่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก แล้วก็มีแม่น้ำสายต่างๆ
ที่ไหลไปตามผิวโลก มีทะเลสาบ แล้วก็มีแหล่งน้ำอื่นๆ ก็จะเห็นว่า น้ำนั้นสามารถพบได้เกือบทุกที่
บนโลกของเรา สามารถใช้แผนที่แสดงให้เห็นได้ นักเรียนควรจะเข้าใจว่า น้ำนั้นสามารถเป็นของแข็งได้
เป็นของเหลวก็ได้ คือมีทั้งสถานะที่เป็นได้ทั้งของแข็งหรือของเหลว
ยังสามารถใช้ขนย้ายสิ่งต่างๆ จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ดี
ลองง่ายๆโดยการโยนอะไรสักอย่างลงไปในน้ำ ก็จะเห็นว่ามันเคลื่อนที่ได้ดีแค่ไหน ทีนี้พอเลื่อนขึ้นมา
ถึงชั้นประถมปลาย เราก็น่าจะอธิบายว่าเราสามารถที่จะพบแหล่งน้ำได้เกือบจะทุกแห่งบนพื้นผิวโลก
แล้วน้ำยังเป็นตัวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกด้วย แต่ต้องไม่ลืมย้ำ โดยเฉพาะกับนักเรียนในระดับนี้ว่า
ไม่ใช่ว่าเราจะเอาน้ำที่เราพบเห็นในที่ต่างๆนั้น มาใช้ได้ทันที ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นนั้น เป็นน้ำในมหาสมุทร
ซึ่งเป็นน้ำเค็ม มีส่วนน้อยมาก และน้อยจริงๆ ของน้ำบนผิวโลก
ที่เราสามารถเอามาใช้ได้ พอขึ้นมาถึงชั้นมัธยมต้น เราควรจะเริ่มอธิบายด้วยเรื่อง
วัฏจักรของน้ำ เน้นความคิดว่าน้ำนั้น สามารถเอากลับมาใช้ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก น้ำที่เราดื่มนั้น
เคยเป็นส่วนหนึ่งของน้ำในมหาสมุทรมาก่อน แล้วก็คงจะไปเป็นน้ำดื่มของใครอีกคนหนึ่งในอนาคตข้างหน้า
น้ำในแก้วก็เหมือนกัน เพราะว่ามันจะมีการหมุนเวียนเป็นวัฏจักรนั่นเอง สิ่งที่เป็นตัวผลักดันให้เกิดวัฏจักรของน้ำ
ก็คือพลังงานจากแสงอาทิตย์ ที่ทำให้น้ำมีความร้อนสูงขึ้น ทำให้เกิดการระเหย
แล้วก็ยังมีแรงโน้มถ่วงที่จะดึงมันกลับลงมาอีกครั้ง ดังนั้นเราจึงมี
วงจรซ้ำแล้วซ้ำอีกอันนี้ เราอาจจะพูดถึงกระแสน้ำต่างๆ ซึ่งเป็น
การเคลื่อนที่ของน้ำในมหาสมุทร เกิดจากอะไร? ก็เพราะความแตกต่างของ
อุณหภูมิในที่ต่างๆ ส่วนที่อุ่นก็จะอยู่แถวๆเส้นศูนย์สูตร ซึ่งก็จะ
มีระดับความเค็มต่างกันด้วย และความเข้มข้นที่ต่างกันนี่แหละ ที่ทำให้เกิด
กระแสน้ำขึ้น และมีความสำคัญมากเสียด้วย พอมาถึงมัธยมปลาย
เราก็อาจจะพูดถึงธรรมชาติของน้ำเอง หลักความคิดก็คือ น้ำนั้นมีความสามารถ
ในการเก็บพลังงานได้เป็นจำนวนมาก แม้พวกเราเองก็อาจจะสังเกตได้ ว่าถ้าเราอยู่ในบริเวณใกล้ทะเล
จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรุนแรง เพราะน้ำนั่นเองที่จะเป็นตัวรักษาสมดุลของอุณหภูมิ
เทียบกับบริเวณที่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน เราจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงกว่า
เพราะไม่มีน้ำที่จะมาเป็นตัวเก็บความร้อน น้ำนั้นมีความโปร่งใส
สามารถให้แสงผ่านไปได้ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตมากมาย
น้ำจะขยายขนาดเมื่อเกิดการแข็งตัว ซึ่งนับเป็นคุณสมบัติเฉพาะทางเคมี เป็นตัวทำละลายที่ดี
สามารถละลายสารต่างๆได้หลากหลายชนิด เป็นสาเหตุที่ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงมีน้ำเป็นส่วนประกอบ
น้ำเป็นตัวการสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก เนื่องจากมันจะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี
ของเปลือกโลก และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เองที่ทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นในโลก
น้ำจึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลดังกล่าว หวังว่าคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย