Tip:
Highlight text to annotate it
X
เมืองบอสตันตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำชาร์ลส์และแม่น้ำมิสติก
ที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
ด้วยตำแหน่งที่ตั้งบนฝั่งของอ่าวแมสซาชูเซตส์ บอสตันจึงมีท่าเรือตามธรรมชาติที่ดีเยี่ยม
ทะเลได้มีส่วนช่วยหล่อหลอมเมืองบอสตัน
และชาวบอสตันก็มีส่วนช่วยหล่อหลอมประวัติศาสตร์อเมริกาขึ้น
ตั้งแต่การสถาปนาเมืองในปี 1630 บอสตันก็ได้เป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ของการเมือง สังคม และวัฒนธรรมอเมริกามาตลอด
ทุกมุมถนนเป็นราวกับเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงบทบาทของบอสตัน
เมื่อครั้งปฏิวัติอเมริกา
บอสตันเป็นเมืองขนาดเล็กที่น่าอยู่มาก
คุณจะสำรวจบอสตันได้หลายวิธี
แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการเดิน
การที่เมืองนี้มีชื่อเล่นว่า "เมืองคนเดิน" ก็มีเหตุผลอยู่นะ
ฟรีดอมเทรลเป็นเส้นทางเดินเที่ยวชมด้วยตนเองที่เดินตามได้ง่าย
เพียงสังเกตจากเครื่องหมายสีแดงที่ปรากฏเด่นบนทางเท้า
เส้นทางสองไมล์ครึ่งนี้จะนำคุณผ่านสถานที่ทางประวัติศาสตร์สิบหกแห่ง
ที่สำคัญต่อการเดินทางสู่อิสรภาพของอเมริกา
เส้นทางนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการที่บอสตันคอมมอน
สวนในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา สวนนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุด
ในกลุ่มสวนที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างน่ารักว่า "สร้อยมรกตของบอสตัน"
สถานที่เด่นๆ บนเส้นทางนี้ ได้แก่ สเตทเฮาส์
ที่มีโดมสีทองเป็นประกาย และสุสานเกรนารี
ที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ของซามูเอล อดัมส์, พอล รีเวียร์
และวีรชนอีกหลายท่านของบอสตัน
Faneuil Hall หรือที่มักเรียกกันว่า "จุดกำเนิดแห่งเสรีภาพ"
เป็นเวทีที่ซามูเอล อดัมส์ และเจมส์ โอทิส ได้โหมไฟแห่งการปฏิวัติให้ลุกโชน
และด้านหลังก็เป็นตลาด Quincy และ Faneuil Hall
แหล่งดื่มกินและเที่ยวเล่นยอดนิยมสองแห่งของบอสตัน
แวะชมบ้านยุคศตวรรษที่ 17 ของพอล รีเวียร์
ผู้กล้าที่ผู้คนยังคงจดจำเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เขาได้ขี่ม้าทั้งคืนไปถึงเล็กซิงตัน
เพื่อประกาศเตือนว่า "ทัพอังกฤษกำลังมา"
เมื่อเดินตามฟรีดอมเทรลข้ามแม่น้ำชาร์ลส์ไปจะพบกับอนุสรณ์บังเคอร์ฮิลล์
ที่ซึ่งทัพชาวอาณานิคมที่เพิ่งตั้งขึ้นได้ต่อสู้กับทัพอังกฤษเป็นครั้งแรก
ในสงครามปฏิวัติอเมริกา
เส้นทางนี้จะจบลงที่เรือซึ่งผู้คนนิยมที่สุดลำหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
นั่นคือ USS Constitution
"เจ้าเรือเหล็กเก่า" ที่เริ่มใช้งานในปี 1797 นี้ เป็นเรือเก่าแก่ที่สุดในโลกของกองทัพเรือ ที่ได้ขึ้นระวางเป็นเรือประจำการ
ตลอดแนวชายฝั่งของบอสตัน
ได้ย้ำเตือนให้เราเห็นความเชื่อมโยงกับทะเลของเมืองนี้
นับเป็นเมืองที่มีน้ำทะเลในสายเลือดอย่างแท้จริง
ท่าเรือยังเป็นที่ให้คุณได้ขึ้นเรือล่อง
โดยมีทริปล่องเรือชมวิวและชมวาฬมากมายให้คุณเลือก
หรือจะไปชิมอาหารทะเลก็ได้ อาหารซีฟู้ดของบอสตันสดมาก
ราวกับกระโดดขึ้นมาบนจานให้ชิมเองเลยทีเดียว
เมื่อได้ตามรอยฟรีดอมเทรลแล้ว ก็ได้เวลาเที่ยวไปตามที่ใจคุณต้องการ
เพียงได้สัมผัสเมืองนี้แล้วคุณจะหลงรัก!
ย่านบีคอนฮิลล์ยังมีถนนที่สว่างด้วยไฟตะเกียง และห้องแถวสไตล์เฟเดอรัล
นับเป็นย่านที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของบอสตัน
ส่วนที่ถนนชาร์ลส์ คุณจะเพลิดเพลินไปกับการหาของที่ระลึกสไตล์บอสตันโบราณ
ได้เป็นชั่วโมงๆ ในร้านของเก่า
ถนนนิวบูรีในย่านแบ็กเบย์ที่อยู่ใกล้ๆ
เป็นถนนช้อปปิ้งใหญ่แห่งหนึ่งของอเมริกา
มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ตั้งแต่ศูนย์การค้าหรูไปจนถึงร้านค้าริมทาง
นอกจากนี้ ย่านแบ็กเบย์ยังมีสถานที่นั่งเล่นสบายๆ หลายแห่ง เช่น คอพลีย์ สแควร์
หรือจะไปร่วมนมัสการพระเจ้าในโบสถ์ทรินิตี้ก็ยังได้
โบสถ์นี้ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสิบสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญที่สุดในสหรัฐฯ
หรือถ้าอยากเข้าใกล้สวรรค์มากขึ้นไปอีกนิด พร้อมชมวิวบอสตัน
ขอแนะนำให้ขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิว Skywalk Observatory ในตึกพรูเดนเชียลทาวเวอร์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ
เมืองบอสตันเป็นหนี้บุญคุณชาวต่างถิ่นที่มาอยู่อาศัยมาก
คนเหล่านี้เข้ามาพร้อมกับความหวัง ความฝัน และประเพณีของตัวเอง
วัฒนธรรมเหล่านี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบบอสตัน
ตั้งแต่อาหารเลิศรสในย่านลิตเติ้ลอิตาลี
ไปจนถึงผับไอริชที่ช่วยดับกระหายให้ชาวเมืองที่ทำงานหนักมาทั้งวัน
ชาวบอสตันเต็มที่กับเรื่องความสนุก และในเมืองที่คลั่งไคล้กีฬานี้
ไม่มีสนามใดจะคึกคักไปกว่าเฟนเวย์พาร์ค
ซึ่งเป็นถิ่นของทีม Boston Red Sox มาเป็นเวลา 100 ปีแล้ว
คนบอสตันยังให้ความสนใจกับศิลปวัฒนธรรมด้วย
พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ซึ่งมีคอลเล็กชั่นอิมเพรสชันนิสม์อันน่าประทับใจนี้
เป็นที่จัดแสดงผลงานของโมเนต์จำนวนมากที่สุดนอกเหนือจากฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม ชาวบอสตันไม่ได้พอใจอยู่กับอดีตอันรุ่งเรืองเท่านั้น
บริเวณเมืองบอสตันและพื้นที่โดยรอบมีวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยถึงกว่า 50 แห่ง
มีสถาบันอันทรงเกียรติ เช่น ฮาร์วาร์ด และ MIT
ที่สร้างคนระดับประธานาธิบดีและผู้ได้รับรางวัลโนเบลอย่างต่อเนื่อง
บอสตันจึงไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่หล่อหลอมอเมริกา แต่ยังหล่อหลอมโลกอีกด้วย