Tip:
Highlight text to annotate it
X
Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut
ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา
เราได้ทำการศึกษาวิธี ที่คนจัดระเบียบและสร้างภาพข้อมูล
และผมได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
ตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน
เราเชื่อในอันดับตามธรรมชาติ ของโลกรอบตัวเรา
ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ โซ่ใหญ่ของการมีอยู่ หรือ "สเกลล่า เนทูเรย์" ในภาษาละติน
โครงสร้างจากบนลงสู่ล่างที่ปกติแล้ว จะเริ่มด้วยพระเจ้าที่ส่วนบน
ตามมาด้วยเทวดา, คนสูงศักดิ์,
คนทั่วไป, สัตว์ต่างๆ และอื่นๆ
อันที่จริงแล้วแนวคิดนี้มีรากฐานมาจาก การศึกษาภาวะการมีอยู่ของอริสโตเติล
ซึ่งจัดจำแนกทุกสิ่งที่คนรู้จัก เป็นชุดของกลุ่มที่ตรงข้ามกัน
อย่างเช่นที่คุณได้เห็นด้านหลังผม
แต่เมื่อเวลาผ่านไป น่าสนใจนะครับ
แนวคิดนี้รับเอาแผนภาพต้นไม้ ที่แตกกิ่งก้านนี้
ที่ต่อมารู้จักกันว่า พอร์ไฟริน ทรี (Porphyrin tree)
ยังถูกจัดว่าเป็นต้นไม้แห่งความรู้ ที่เก่าแก่ที่สุด
กิ่งก้านของรายการของต้นไม้ อันที่จริงแล้ว
เป็นการอุปมาที่ทรงประสิทธิภาพ ในการสื่อถึงข้อมูล
ที่มันกลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่สำคัญ ในเวลาต่อมา
ในการทำแผนที่ความหลากหลาย ของระบบความรู้
เราสามารถเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนที่จริยธรรม
ด้วยต้นไม้ความดีที่เป็นที่รู้จักกันดี และต้นไม้แห่งความฉลาด
ดังที่คุณเห็นได้ตรงนี้ ด้วยภาพที่สวยงามเหล่านี้ จากยุโรปยุคกลาง
พวกเราเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนผังเครือญาติ
สายโลหิตที่ผูกพันระหว่างบุคคล
พวกเรายังเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนผังชาติวงศ์
บางทีมันต้นแบบที่โด่งดังที่สุด ของแผนภาพต้นไม้
ผมคิดถึงว่า ผู้ฟังหลายท่านในที่นี้ อาจเคยเห็นต้นไม้เครือญาติ
พวกคุณหลายคนอาจเคยมีภาพวาด ต้นไม้เครือญาติไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
พวกเราเห็นต้นไม้ที่เป็นแผนที่ ระบบกฎหมาย
ฎีกาและการปกครองหลากหลาย ของกษัตริย์และผู้ปกครอง
และในที่สุด แน่นอน มันยังมีอุปมาทางวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังมาก
เราสามารถเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนที่สายพันธุ์ทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก
และต้นไม้สุดท้ายก็กลายเป็นอุปมาเชิงภาพ ที่มีศักยภาพ
เพราะว่าในหลายๆ แง่ พวกมันเป็นตัวแทนทางความคิดมนุษย์จริงๆ
สำหรับลำดับ สำหรับสมดุล สำหรับความเป็นเอกภาพ สำหรับความสมมาตร
อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ พวกเรากำลังเผชิญหน้า กับความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อน
ที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้โดยแค่การใช้ แผนภาพต้นไม้ง่ายๆ
และอุปมาใหม่ก็กำลังถือกำเนิดขึ้น
และมันกำลังแทนที่ต้นไม้ในตอนนี้
ในการแสดงภาพระบบของความรู้ต่างๆ
มันทำให้เรามีมุมมองใหม่ ในการทำความเข้าใจโลกรอบๆ ตัวเราจริงๆ
และอุปมาใหม่นี้ เป็นอุปมาของเครือข่าย
และเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ จากต้นไม้ไปสู่เครือข่าย
ในหลายๆ ขอบเขตความรู้
เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ในวิธีที่เราพยายามเข้าใจสมอง
ในขณะที่ก่อนหน้านี้ เราเคยที่จะคิดว่าสมอง
เป็นอวัยวะศูนย์กลาง ที่มีสัดส่วนต่างๆ
ที่บริเวณต่างๆ นั้น ทำหน้าที่รับผิดชอบ การกระทำและพฤติกรรมต่างๆ
และยิ่งเรารู้เกี่ยวกับสมองมากเท่าไร
เรายิ่งคิดว่ามัน เป็นเหมือนกับวงซิมโฟนีขนาดใหญ่
ที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรี นับน้อยนับพัน
มันเป็นภาพนิ่งที่สวยงามที่ถูกสร้างโดย โครงการบลูเบรน (Blue Brane Project)
ซึ่งคุณสามารถเห็นเซลล์ประสาท 10,000 เซลล์ และการเชื่อมต่อ 30 ล้านจุด
และมันเป็นเพียงการทำแผนที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของนีโอคอร์เท็กซ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
พวกเรายังสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลง ในวิธีที่เราพยายามทำให้ได้มาซึ่งความรู้
นี่เป็นต้นไม้แห่งความรู้ที่น่าสนใจ หรือต้นไม้แห่งวิทยาศาสตร์
โดยนักวิชาการชาวสเปน รามอน ยัลล์ (Ramon Llull)
และยัลล์ก็เป็นต้นกำเนิด
คนแรกๆ ที่สร้างอุปมาทางวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นดังต้นไม้
อุปมาที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราพูดว่า
"ชีววิทยาเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์"
เมื่อเราพูดว่า
"พันธุศาสตร์เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์"
แต่บางที ต้นไม้แห่งความรู้ที่งดงามที่สุด อย่างน้อยก็สำหรับผม
ถูกสร้างขึ้นโดยสารานุกรมฝรั่งเศส โดย ดิเดอโร และ ดาลัมเบอร์ช ใน ค.ศ. 1751
มันเป็นปราการของยุคเรืองปัญญาแห่งฝรั่งเศส อย่างแท้จริง
และภาพที่อลังการนี้ ปรากฎอยู่ในตารางสารบัญ
ของสารานุกรม
และอันที่จริงมันทำแผนที่ส่วนต่างๆ ของความรู้ทั้งหมด
เป็นดังสาขาต่างๆ ของต้นไม้
แต่ความรู้ก็ละเอียดอ่อนมากกว่านี้
มีแผนที่สองอันในวิกิพีเดีย ที่แสดงความเชื่อมโยงลิงก์ระหว่างหัวข้อ
ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางซ้าย และคณิตศาสตร์ทางขวา
และจากการดูที่แผนที่เหล่านี้
และแผนที่ที่สร้างในวิกิพีเดีย
ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในโครงสร้างรากที่ใหญ่ที่สุด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์อย่างไม่อาจเถียงได้
เราเข้าใจได้จริงๆ ว่าความรู้มนุษย์ ละเอียดอ่อน
และต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันกับเครือข่าย
พวกเรายังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจนี้
ในวิธีที่เราทำแผนที่เงี่อนสังคม ระหว่างบุคคล
นี่เป็นแผนภูมิองค์กรทั่วๆ ไป
ผมคิดว่าพวกคุณส่วนใหญ่ เคยเห็นแผนภูมิคล้ายๆ กันนี้
ในบริษัทของคุณเอง หรือบริษัทอื่นๆ
มันเป็นโครงสร้างจากบนลงล่าง
ที่ปกติแล้วเริ่มด้วยประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ทางตอนบนสุด
และคุณสามารถเจาะลงมาตามทาง จนไปถึงคนงานแต่ละคนทางด้านล่าง
แต่บางครั้ง ที่จริง คนทุกคน ก็มีความเป็นอัตลักษณ์ในแบบของตัวเอง
และบางครั้ง คุณก็แสดงบทบาทได้ไม่ค่อยดี ภายใต้โครงสร้างที่ไม่ยืดหยุ่นนี้
ผมคิดว่า อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงกรอบแนวคิด ไปค่อนข้างมาก
นี่เป็นแผนที่ที่ยอดเยี่ยน ของความร่วมมือทางสังคมออนไลน์
ระหว่าง ผู้พัฒนาเพอร์ (Perl)
เพอร์เป็นภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยม
และที่นี่ คุณสามารถได้เห็นว่า นักเขียนโปรแกรม
กำลังแลกเปลี่ยนไฟล์ และกำลังทำงานด้วยกันในงานที่ได้รับมอบหมาย
และที่นี้ คุณสังเกตได้ว่า นี่เป็นกระบวนการที่ถูกกระจายออกอย่างสมบูรณ์ --
มันไม่มีผู้นำในองค์กรนี้
มันเป็นเครือข่าย
เรายังสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เมื่อพวกเราดูการก่อการร้าย
หนึ่งในความท้าทาย ในการทำความเข้าใจการก่อการร้ายในปัจจุบัน
คือพวกเรากำลังเผชิญกับการกระจายอำนาจ หน่วยที่เป็นอิสระ
ที่ซึ่งไม่มีผู้นำที่จะกำกับทั้งกระบวนการ
และในที่นี้ คุณสามารถเห็นได้ ว่าการแสดงภาพถูกใช้อย่างไร
แผนภาพที่คุณเห็นข้างหลังผม
แสดงผู้ก่อการร้ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ในการโจมตีที่มาดริดใน ค.ศ. 2004
และที่เขาทำตรงนี้คือ พวกเราแบ่งเครือข่ายเป็นส่วนๆ
เป็นสามปี
ที่แทนด้วยชั้นแนวตั้ง ที่คุณเห็นข้างหลังผม
และเส้นสีฟ้าพัน
คนที่ปรากฏอยู่ในเครือข่ายปีแล้วปีเล่า เข้าด้วยกัน
ฉะนั้น แม้ว่ามันจะไม่มีผู้นำด้วยตัวมันเอง
คนเหล่านี้อาจเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ในองค์กรนั้นๆ
คนที่รู้มากเกี่ยวกับแผนและเป้าหมาย
ในอดีตและในอนาคต ของหน่วยดังกล่าว
เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ จากต้นไม้ในเครือข่าย
ในวิธีที่เราจำแนกและจัดระเบียบสปีชีส์
ภาพทางด้านขวา เป็นเพียงภาพ
ที่ดาวินรวมเอาไว้ใน "กำเนิดสปีชีส์"
ซึ่งดาวินเรียกมันว่า "ต้นไม้แห่งชีวิต"
นี่คือจดหมายจริงๆ จากดาวิน ถึงสำนักพิมพ์
ที่ขยายความสำคัญของแผนภาพดังกล่าว
มันสำคัญสำหรับทฤษฎีวิวัฒนาการของดาวิน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า สิ่งที่ซ้อนทับต้นไม้แห่งชีวิตนี้
คือเครือข่ายแน่นหนาของแบคทีเรีย
และแบคทีเรียเหล่านี้ เชื่อมโยงกัน
มันเป็นสปีชีส์ที่แยกกันอยู่มาก่อน
ตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เรียกมันว่า ต้นไม้แห่งชีวิต
แต่เป็นใยแห่งชีวิต เป็นเน็ตเวิร์คแห่งชีวิต
และท้ายที่สุด เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลง อีกครั้ง
เมื่อเรามองที่ระบบนิเวศรอบๆ โลกของเรา
ไม่มีอีกแล้วที่เราจะมีแผนภาพง่ายๆ ของผู้ล่าและเหยื่อ
แบบที่เรียนที่โรงเรียน
นี่คือภาพที่ถูกต้องมากกว่าของระบบนิเวศ
นี่คือแผนภาพที่ถูกสร้าง โดยศาสตราจารย์ เดวิด ลาวิกนี
การทำแผนที่เกือบ 100 สปีชีส์ ที่มีความสัมพันกับปลาค๊อด
นอกฝั่งนิวฟาวแลนด์ ในแคนาดา
และผมว่า พวกเราสามารถเข้าใจได้จริงๆ ว่า ธรรมชาติที่ต้องพึ่งพากันและละเอียดอ่อน
ของระบบนิเวศส่วนใหญ่ที่ผูกพันกับโลกของเรา
แต่แม้ว่าเร็วๆ นี้ อุปมาของเครือข่ายนี้
ก็พัฒนาปรับรับเอารูปร่างรูปทรง
และก็เกือบกลายเป็น อนุกรมวิธานเชิงภาพที่กำลังเติบโต
มันเกือบที่จะกลายเป็นไวยกรณ์ ของภาษาใหม่
และนี่ก็เป็นมุมมองหนึ่ง ที่น่าสนใจสำหรับผม
และนี่ก็เป็นการจัดกลุ่มต่างๆ 15 กลุ่ม
ที่ผมได้รวบรวมมา
และมันแสดงความแตกต่างเชิงภาพ ของอุปมาใหม่นี้
และนี่ก็คือตัวอย่าง
ที่แถบด้านบน เรามีการลู่เข้าเชิงรัศมี
แบบจำลองการมองภาพที่เป็นที่นิยม ตลอดห้าปีที่ผ่านมา
ตอนบนทางด้านซ้าย โครงการแรก คือเครือข่ายยีน
ที่ตามมาด้วยเครือข่ายของ ที่อยู่ ไอพี -- เครื่องยนต์, เซอร์ฟเวอร์ --
ตามมาด้วยเครือข่ายของเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค
คุณอาจไม่พบหัวข้อ ที่แตกต่างกันไปมากกว่านี้
แต่พวกเขาก็ใช้อุปมาเดียวกัน แบบจำลองเชิงภาพเดียวกัน
เพื่อทำแผนที่ความซับซ้อนที่ไม่มีวันสิ้นสุด ของศาสตร์ของมันเอง
และนี่คือตัวอย่างอีกบางส่วน ของอีกหลายๆ งานที่ผมได้เก็บข้อมูล
ของการเติบโตของอนุกรมวิธานเชิงภาพ ของเครือข่าย
แต่เครือข่ายไม่ได้เป็นแค่อุปมา
นักออกแบบ นักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ พยายาม ทำแผนที่ความหลากหลายของระบบที่ซับซ้อน
พวกเขาได้ให้แรงบันดาลใจ กับศาสตร์ของศิลปะดั้งเดิม
เช่นการวาดภาพ การปั้นขึ้นรูป
และให้แรงบันดาลใจศิลปินหลายคน
และบางที เพราะว่าเครือข่าย มีพลังอันงดงามที่ยิ่งใหญ่ --
พวกมันอลังการอย่างมาก --
พวกมันกลายเป็นกระแสทางวัฒนธรรม
และขับเคลื่อนศิลปะกระแสใหม่ ซึ่งเรียกว่า "ศิลปะเครือข่าย"
และพวกเราสามารถเห็นแรงบันดาลใจ ที่มีต่อกระแสนี้ในหลายๆ ทาง
นี่เป็นแค่บางส่วนของตัวอย่าง
ที่คุณสามารถเห็นแรงบันดาลใจนี้ จากวิทยาศาสตร์ไปยังศิลปะ
ตัวอย่างทางซ้ายคือ การทำแผนที่ไอพี
แผนที่ ไอพี ที่ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์
และทางด้านขวาของคุณ
คุณมี "โครงสร้างชั่วคราวและเครือข่ายที่ไม่เสถียร" โดย ชารอน มอลลี่
ที่ใช้นำมันและสารเคลือบบนผ้าใบ
และนี่คือภาพวาดอีกจำนวนหนึ่ง โดย ชารอน มอลลี่
ภาพวาดที่อลังการ และละเอียดอ่อน
และนี่คืออีกตัวอย่าง ของการถ่ายเทข้ามกันอย่างน่าสนใจ
ระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ
ทางด้านซ้าย คุณมี "ปฏิบัติการยิ้ม"
มันเป็นแผนที่โลกโซเชียวเน็ตเวิร์ค ที่ถูกสร้างโดยคอมพิวเตอร์
และทางด้านขวา คุณมี "สนาม 4" โดย เอ็มมา แม็คแนลลี่
ที่ใช้เพียงรอยดินสอบนกระดาษ
เอ็มมา แม็คเนลลี่ เป็นหนึ่งในผู้นำหลัก ของแนวคิดนี้
และเธอสร้างสรรค์แผนภาพจินตนาการ ที่น่าทึ่งเหล่านี้
ที่คุณสังเกตเห็นแรงบันดาลใจ จากการสร้างภาพเน็ตเวิร์คแบบดั้งเดิม
แต่ความเป็นเน็ตเวิร์คไม่ได้เกิดเพียงแค่สองมิติ
บางที่นี่อาจเป็นหนึ่งในโครงการที่ผมชอบที่สุด
ของแนวคิดใหม่นี้
และผมคิดว่าหัวข้อช่างสมบูรณ์แบบ --มันถูกเรียกว่า
"กาแล็คซี่ที่เกิดขึ้นตามเส้นใย
เช่นเดียวกับหยดน้ำตามสาย ของใยแมงมุม"
และผมก็คิดว่าโครงการดังกล่วนี้ มีพลังอย่างมาก
มันถูกสร้างขึ้นโดย โทมัส ซาราสิโน
และเขาใช้พื้นที่กว้างเหล่านี้
สร้างงานชิ้นใหญ่เหล่านี้ โดยใช้เพียงเชือกรัดของ
เสมือนคุณนำทางพื้นที่ และเด้นไปตามเชื่อกรัดของ
เครือข่ายทั้งหมดเคลื่อนไหว เกือบเหมือนกับเครือข่ายอินทรีย์จริงๆ
และนี่ก็ยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
ของการเชื่อมต่อในอีกระดับ
มันถูกสร้างโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น ชิฮารุ ชิโอตะ
ในชิ้นงานที่เรียกว่า "ในความเงียบ"
และชิฮารุ เช่นเดียวกับ โทมัส ซาราสิโน ที่เติมเต็มห้องนี้ด้วยเครือข่ายหนาแน่นนี้
เว็ปไซด์ที่หนาแน่นของเชือกรัดของ และขนสัตว์สีดำ และเส้นสายนี้
บางครั้งมีวัตถุอย่างที่คุณได้เห็นตรงนี้
บางครั้งมีคน ในงานอื่นๆ ของเธอ
แต่เครือข่ายไม่ได้เป็นเพียงกระแสใหม่
และมันก็ง่ายเกินไปสำหรับเรา ที่จะปฏิเสธว่ามันเป็นอย่างนั้น
เครือข่ายเป็นตัวแทน ของความเข้าใจการกระจาย
ของความเชื่อมโยง ของการพึ่งพากัน
และวิธีการคิดใหม่นี้ก็สำคัญมาก
สำหรับเราในการแก้ปัญหาซับซ้อนมากมาย ที่เรากำลังเผชิญหน้าในปัจจุบัน
สำหรับการถอดรหัสสมองมนุษย์
เพื่อที่จะเข้าใจ จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ข้างนอกนั่น
และทางด้านซ้ายมือของคุณ คุณมีภาพถ่ายของเครือข่ายธรรมชาติของหนู --
ที่คล้ายกันกับของเราในระดับนี้
และทางด้านขวาของคุณ คุณมีแบบจำลองสหัสวรรษ
มันเป็นแบบจำลองที่ใหญ่ที่สุด และเหมือนจริงที่สุด
ของการเติบโตของโครงสร้างอวกาศ
มันสามารถที่จะสร้างประวัติศาสตร์ ของกาแล็คซี่ 20 ล้านกาแล็คซี่ ขึ้นใหม่
ในประมาณผลที่ได้ประมาณ 25 เทระไบต์
และไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่
ผมเพิ่งได้พบข้อเปรียบเทียบ
ระหว่างระดับที่เล็กที่สุดของความรู้ -- สมอง --
และระดับที่ใหญ่ที่สุดของความรู้ -- จักรวาลเอง --
ว่ามันช่างน่าทึ่งและน่าสนใจยิ่งนัก
เพราะว่า บรูส มัว (Bruce Mau) เคยกล่าวไว้ว่า
"เมื่อทุกสิ่งเชื่อมต่อกันกับทุกๆ สิ่ง
ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกอย่างก็มีความหมาย"
ขอบคุณมากครับ
(เสียงปรบมือ)