Tip:
Highlight text to annotate it
X
Translator: Sritala Dhanasarnsombut Reviewer: PanaEk Warawit
ผมมาเพื่อแชร์การถ่ายภาพของผมครับ
นี่เป็นภาพถ่ายจริงๆ หรือเปล่า
เพราะแน่นอน ว่านี่คือรูปภาพ
ที่คุณไม่สามารถถ่ายได้ ด้วยกล้องของคุณ
แต่กระนั้น ความสนใจถ่ายภาพของผม เริ่มขึ้น
เมื่อตอนที่ผมได้กล้องดิจิตอลตัวแรก
ตอนอายุ 15
ผสมเข้ากับความชอบวาดภาพของผมก่อนหน้านั้น
แต่การถ่ายภาพก็ต่างออกไป
เพราะการใช้กล้อง
ขั้นตอนต่างๆ ไปอยู่ที่การวางแผนเสียมากกว่า
และเมื่อคุณใช้กล้องถ่ายภาพ
ขั้นตอนก็จบลงเมื่อคุณกดชัตเตอร์
โดยส่วนตัวผมคิดว่าการถ่ายภาพเหมือนกับ
การอยู่ในที่และเวลาที่ถูกมากกว่า
ผมรู้สึกว่าใครๆ ก็ทำได้
ผมเลยอยากลองทำอะไรที่มันต่างออกไป
อะไรก็ได้ที่ขั้นตอนเริ่มจากการ
กดปุ่มถ่ายภาพ
ภาพแบบนี้
การก่อสร้างที่อยู่บนถนนแสนวุ่นวาย
แต่มีสิ่งซึ่งไม่คาดคิดอยู่
แม้จะเป็นเช่นนั้น
ภาพก็ยังมีความเหมือนจริงเหลืออยู่มาก
หรือภาพต่างๆ แบบนี้
ทั้งที่ออกโทนมืด หรือสีสันจัดจ้าน
แต่ทั้งหมด มีจุดร่วมกันคือ
การคงไว้ซึ่งของระดับความเป็นจริง
เมื่อผมพูดว่า ความเป็นจริง
ผมหมายถึงรูปเสมือนจริง
เพราะ แน่นอน
ว่าคุณคงจับภาพแบบนี้จริงๆ ไม่ได้หรอก
แต่ผมคิดเสมอ ว่าอยากให้มันดูเหมือนว่าคุณสามารถ
ถ่ายภาพแบบนี้ได้นะ
รูปต่างๆ ที่คุณต้องหยุดสักนิดเพื่อคิด
ว่าเขาทำได้ยังไงนะ
ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนการจับภาพไอเดีย
มากกว่าการจับภาพเฉพาะช่วงเวลาหนึ่ง
แต่ว่า เทคนิคทำยังไง
ให้รูปดูเหมือนจริงที่สุดล่ะ
มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับรายละเอียด
หรือสีหรือเปล่า
หรือเป็นเรื่องของแสง
อะไรกันที่สร้างภาพมายาได้
บางครั้งมุมมองที่มีก็เป็นภาพลวงได้
แต่ในที่สุด มันขึ้นอยู่กับเราจะแปลความหมายของโลก
และทำให้มันออกมาในพื้นผิว 2 มิติได้อย่างไร
ที่จริงมันไม่เกี่ยวกับความเหมือนจริง
มันเกี่ยวกับว่าอะไรที่เรา "คิด" ว่ามันเหมือนจริงต่างหาก
ผมเลยคิดว่าโดยพื้นฐานแล้ว
มันค่อนข้างเรียบง่ายมาก
ผมมองว่ามันเป็นเหมือนภาพปริศนาของความจริง
ที่คุณสามารถนำส่วนต่างๆ ของความจริงมารวมกัน
เพื่อสร้างความเป็นจริงใหม่ขึ้นมา
ผมขอโชว์ตัวอย่างง่ายๆ ให้พวกคุณดู
เรามีวัตถุรูปร่างธรรมดามาก สามชิ้น
เป็นอะไรที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในโลกจริง 3 มิติ
แต่เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกันในรูปแบบหนึ่ง
มันสามารถสร้างบางอย่างที่ยังคงดูเหมือนวัตถุ 3 มิติ
ดูเหมือนเกือบจะมีอยู่จริงได้
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ซึ่งเรากำลังหลอกสมองอยู่
เพราะสมองของเราไม่ยอมรับกับความจริง
ที่ว่ามันดูไม่มีเหตุผล
และผมเห็นสิ่งเดียวกับ
การรวมภาพต่างๆ
มันก็แค่จับรูปความจริงที่ต่างกันมารวมกัน
ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ภาพดูเหมือนจริง
ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้คิดถึง
สิ่งต่างๆ รอบตัว ในชีวิตประจำวันเรา
แต่เมื่อเรารวมรูปต่างๆ เข้าด้วยกัน
ต้องคำนึงอย่างมาก
เพราะไม่งั้นมันจะดูเหมือนอะไรมันผิดปกติไป
ดังนั้นผมคิดว่ามีกฎง่ายๆ 3 ข้อที่ต้องทำตาม
เพื่อให้ดูเหมือนจริง
อย่างที่คุณเห็น รูปเหล่านี้ไม่ได้ดูพิเศษอะไร
แต่เมื่อนำมารวมกัน มันสามารถสร้างบางสิ่งแบบนี้
ดังนั้นกฎข้อแรกคือ ภาพที่นำมารวมกัน
ควรมีมุมมองหรือสัดส่วนที่เหมือนกัน
ข้อที่สอง การรวมรูป
ควรมีลักษณะแสงที่เหมือนกัน
และสองภาพนี้ ก็มีลักษณะทั้งสองอย่างดังกล่าว
ถ่ายที่ระดับความสูง และใต้แสงแบบเดียวกัน
ข้อที่ 3 คือการทำให้ส่วนที่เป็นไปไม่ได้ให้กลมกลืน
ในจุดที่ภาพเชื่อมต่อกัน
โดยทำให้มันไม่มีรอยต่อ
ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่า
รูปนี้ประกอบกันได้อย่างไร
โดยการปรับ สี ความเข้ม และความสว่าง ให้เท่ากัน
ในส่วนขอบภาพที่มาบรรจบกัน
เพิ่มข้อบกพร่องของภาพอย่าง
ความชัดลึก
ลดความเข้มสี และเพิ่มเกรนภาพ
เราลบรอยต่อระหว่างภาพ
และทำให้ดูเหมือนภาพเดียว
แม้ว่าความจริงแล้วในหนึ่งภาพ
สามารถมีชั้นเลเยอร์ต่างๆ ได้นับร้อย
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง
(เสียงหัวเราะ)
บางคนอาจคิดว่านี่เป็นแค่รูปวิวรูปหนึ่ง
และในส่วนล่างนั้นคือส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมา
แต่ความจริงแล้ว รูปนี้ถูกประกอบขึ้นมา
จากรูปภาพที่ถ่ายจากสถานที่หลากหลายแห่ง
ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การสร้างสถานที่ขึ้นมา
นั้นง่ายกว่า การหาสถานที่
เพราะคุณสามารถ ทำตามไอเดีย
ที่อยู่ในหัวของคุณได้เต็มที่
แต่มันจะต้องใช้การวางแผนมาก
และผมได้ไอเดียนี้ตอนช่วงหน้าหนาว
ผมรู้ว่าผมมีเวลาหลายเดือนในการวางแผน
เพื่อหาสถานที่แบบต่างๆ
สำหรับนำมาต่อเป็นจิ๊กซอว์ต่อภาพ
ตัวอย่างเช่น
ปลานี่ถูกจับตอนไปทริปตกปลา
หาดพวกนี้ ถ่ายมาจากต่างที่กัน
ส่วนภาพใต้น้ำถ่ายได้จากแอ่งน้ำ
ผมถึงกับเปลี่ยนบ้านบนยอดเกาะ ให้เป็นสีแดง
เพื่อสร้างให้ดูเหมือนในสวีเดนมากขึ้น
ดังนั้น เพื่อบรรลุถึงผลลัพธ์ที่ดูเหมือนจริง
ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับการวางแผน
มันเริ่มจากการร่างภาพ ไอเดีย ก่อนเสมอ
แล้วก็เป็นการรวมภาพต่างๆ เข้าด้วยกัน
และทุกชิ้นส่วนนั้นถูกวางแผนมาอย่างดี
และถ้าคุณถ่ายภาพได้ดี
ผลที่ออกมาจะสวยมาก
และเหมือนจริงมาก
ดังนั้นเครื่องมือต่างๆ ก็มีอยู่พร้อมแล้ว
สิ่งเดียวที่จะจำกัดเราไว้ก็คือ
จินตนาการของเราเอง
ขอบคุณครับ
(เสียงปรบมือ)