Tip:
Highlight text to annotate it
X
Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Pathumjit Atikomkamalasai
ในตอนที่ผมเป็นนักเรียนผู้มีเคราะห์กรรม
ผมฉงนสงสัยมาเป็นเวลาหลายปี
กับคนบางคน
ที่ความท้าทาย
ได้ดึงความแข็งแกร่งออกมาจากพวกเขา
และผมก็เคยได้ยินปรัชญาที่พูดกัน
ว่านั่นมันเกี่ยวกับการหาความหมาย
และเป็นเวลานาน
ที่ผมคิดถึงว่า ความหมายมันอยู่ข้างนอกนั่น
ความจริงอันยิ่งใหญ่ที่กำลังรอการค้นพบ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็รู้สึกว่า
ความจริงนั่นมันผิดฝาผิดตัว
เราเรียกมันว่าการตามหาความหมาย
แต่เราน่าจะเรียกกันว่า การหล่อหลอมความหมาย
หนังสือเล่มล่าสุดของผมเกี่ยวกับว่า
ครอบครัวทำอย่างไร ในการจัดการกับความท้าทายหลากรูปแบบ
หรือลูกหลานที่ต่างไปจากคนทั่วไป
และหนึ่งในคุณแม่ที่ผมสัมภาษณ์
ผู้ซึ่งมีลูกสองคน ที่มีความผิดปกติหลายประการ
เธอบอกกับผมว่า "ผู้คนมักจะพูดกับเรา
แบบนี้เสมอๆ ว่า
"พระเจ้าไม่ได้ให้อะไร เกินกว่าที่คุณจะสามารถจัดการได้"
แต่เด็กๆ อย่างลูกของเรา
ไม่ได้ถูกฟ้ากำหนดมาให้มีพรสวรรค์
พวกเขามีพรสวรรค์ เพราะพวกเขาได้เลือกทางของเขา"
พวกเราทำการตัดสินใจเลือกตลอดชีวิตเรา
เมื่อผมเรียนอยู่เกรดสอง
บ๊อบบี ฟินเคิล มีงานเลี้ยงวันเกิด
และเชิญทุกๆ คนในชั้นเรียน ยกเว้นผม
คุณแม่ของผมเดาเอาว่า มันคงเป็นความผิดพลาด
และเธอโทรหา คุณนายฟินเคิล
ผู้ซึ่งบอกว่า บ๊อบบี้ไม่ชอบผม
และไม่อยากให้ผมไปงานเลี้ยงของเขา
และวันนั้น แม่ผมพาผมไปที่สวนสัตว์
และออกไปกินไอศกรีมซันเดย์ฮอทฟัดจ์
เมื่อผมอยู่เกรดเจ็ด
เด็กคนหนึ่งในรถโรงเรียน
เรียกผมว่า "เพอร์ซี่"
ซึ่งย่อมาจากชื่อพฤติกรรมของผม
และบางที เขาและพรรคพวก
ก็ร้องประสานเสียงคำยั่วยุนั่น
ไปตลอดทางที่รถโรงเรียนแล่นไป
45 นาทีขาไป 45 นาทีขากลับ
"เพอร์ซี่! เพอร์ซี่! เพอร์ซี่! เพอร์ซี่!"
เมื่อผมอยู่เกรดแปด
ครูสอนวิทยาศาสตร์ของเราบอกเราว่า
ชายรักร่วมเพศทุกคน
จะมีอาการกลั้นอุจจาระไม่ได้
เพราะแผลบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหูรูดของพวกเขา
และผมก็จบมัธยมมา
โดยไม่เคยไปโรงอาหาร
ที่ซึ่งผมอาจไปนั่งกับเด็กผู้หญิง
และโดนหัวเราะเยาะใส่ถ้าผมทำเช่นนั้น
หรือนั่งกับเด็กผู้ชาย
และโดนหัวเราะเยาะใส่ว่าทำตัวเป็นเด็กผู้ชาย
ทั้งที่น่าจะไปนั่งอยู่กับเด็กผู้หญิง
ผมรอดชีวิตผ่านวัยเด็กนั่น
ด้วยการหลบเลี่ยงและใช้ความอดกลั้น
ที่ผมไม่รู้ในตอนนั้น
และรู้ในตอนนี้
คือการหลบเลี่ยงและความอดกลั้น
สามารถเป็นหนทาง สู่การหล่อหลอมความหมาย
หลังจากที่คุณได้หล่อหลอมความหมาย
คุณต้องการที่จะนำความหมายนั้น เข้ามาโยงกัน
ให้เป็นตัวตนใหม่
คุณต้องการที่จะนำความเจ็บปวด และทำให้มันเป็นส่วนหนึ่ง
ของตัวตนที่กลายมาเป็นคุณ
และคุณต้องการที่จะขมวดเหตุการณ์ ที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต
เป็นเรื่องราวแห่งความสำเร็จ
แสดงตัวตนที่ดีกว่าออกมาอย่างชัดแจ้ง
สนองตอบโต้สิ่งที่เจ็บปวด
คุณแม่อีกคนหนึ่งที่ผมสัมภาษณ์
ตอนที่ผมกำลังทำหนังสือของผม
เคยถูกกระทำชำเราข่มขืนในวัยเยาว์
และมีลูกที่เกิดจากการถูกข่มขืนในครั้งนั้น
ซึ่งนั่นได้ทำให้แผนการงานของเธอสิ้นสลาย
และได้ทำลายความสัมพันธ์ทางความรู้สึก ของเธอไปหมดสิ้น
แต่เมื่อผมได้พบเธอ เธอมีอายุ 50 ปี
และผมบอกกับเธอว่า
"คุณนึกถึงชายที่ข่มขืนคุณบ้างหรือเปล่า?"
และเธอก็บอกว่า "ฉันเคยคิดถึงเขาด้วยความโกรธ
แต่ตอนนี้ ด้วยความเวทนาเพียงเท่านั้น"
และผมคิดว่าเธอสงสารเวทนาจริงๆ เพราะเขาคนนั้น
ไร้การพัฒนาซะจนต้องทำสิ่งเลวร้ายนี้
และผมก็บอกว่า "เวทนาหรือ ?"
และเธอก็ตอบว่า "ใช่"
เพราะว่าเขามีลูกสาวสวย
และหลานๆ ที่น่ารักสองคน
และเขาก็ไม่รู้เรื่องนั้น และฉันรู้
เลยกลายเป็นว่า ฉันเป็นคนโชคดี
เราเกิดมาเพื่อเจออุปสรรคบางอย่างของเรา
เพศ เพศสภาพ เชื้อชาติ ความผิดปกติของเรา
และบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
อย่างการเป็นนักโทษการเมือง เป็นเหยื่อผู้ถูกขืนใจ
เป็นผู้รอดชีวิตจากพายุแคทรีนา
เอกลักษณ์ตัวตนนั้น เกี่ยวข้องการการเข้าสู่สังคม
เพื่อดึงเอาความแข็งแกร่งจากสังคมนั้น
และเพื่อที่จะให้ความกล้ากลับไปเช่นกัน
มันเกี่ยวข้องการการเติมคำว่า "และ" ลงไปแทนคำว่า "แต่"
ไม่ใช่ว่า "ฉันอยู่ตรงนี้แต่ฉันเป็นมะเร็ง"
แต่ควรจะเป็น "ฉันเป็นมะเร็งและฉันอยู่ตรงนี้"
เมื่อเรารู้สึกละอาย
เราไม่สามารถบอกเรื่องราวของเราออกไปได้
และเรื่องราวต่างๆ ก็เป็นรากฐานของตัวตน
หล่อหลอมความหมาย สร้างเอกลักษณ์ตัวตน
หล่อหลอมความหมาย และสร้างเอกลักษณ์ตัวตน
นั่นกลายมาเป็นคาถาของผม
การหล่อหลอมความหมายนั้น เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนตัวคุณ
การสร้างเอกลักษณ์ตัวตน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโลก
พวกเราทุกคนที่มีตัวตนที่หมองมลทิน
เผชิญกับคำถามนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน
จะจัดระเบียบสังคมให้เหมาะสมได้แค่ไหน
จากการบังคับจำกัดตัวเราเอง
และจะแหกขอบเขต
สิ่งที่ประกอบเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ได้แค่ไหน
หล่อหลอมความหมาย และสร้างเอกลักษณ์ตัวตน
ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนถูกเป็นผิด
มันแค่ทำให้สิ่งที่ผิดมีค่า
เดือนมกราคมปีนี้
ผมไปที่พม่าเพื่อสัมภาษณ์นักโทษทางการเมือง
และผมก็ประหลาดใจ ที่พบว่าพวกเขาดูทุกข์ระทม
น้องกว่าที่ผมคาดเอาไว้
พวกเขาส่วนใหญ่รู้อยู่แก่ใจ
ว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาติดคุก
และพวกเขาก็เดินเข้าคุกไป อย่างอกผายไหล่ผึ่ง
และพวกเขาก็เดินกลับออกมา อย่างอกผายไหล่ผึ่ง
ในอีกหลายปีถัดมา
ดร. มา ทิดา (Ma Thida) ผู้นำการเคลื่อนไหวทางมนุษย์ธรรม
ผู้เกือบจะเสียชีวิตในคุก
และได้ใช้เวลาหลายปีอย่างโดดเดี่ยว ในที่กักขัง
บอกผมว่า เธอซึ้งในบุญคุณของผู้คุม
สำหรับเวลาที่เธอได้ใช้ความคิด
สำหรับปรัชญาที่เธอได้มา
สำหรับโอกาสในการฝึกปรือการทำสมาธิ
เธอได้ตามหาความหมาย
และตรากตรำในการตามหา สาระสำคัญของตัวตน
แต่ถ้าคนที่ผมได้พบ
ขมขื่นน้อยกว่าที่ผมคาดเอาไว้
ในเรื่องการถูกกักอยู่ในที่จองจำ
พวกเขายังดูตื่นเต้นน้อยกว่าที่ผมคาดเอาไว้
ในเรื่องกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น
ในประเทศของพวกเขา
มา ทิดาบอกว่า
"เราชาวพม่าถูกจดจำ
ในเรื่องความงามอันน่าทึ่งภายใต้แรงกดดัน
แต่เราก็มีความสลดเศร้าหมอง ใต้ความงามเช่นกัน"
เธอบอกว่า "และความจริงที่ว่า
มันมีความเปลี่ยนแปลงโยกย้ายเหล่านี้
ก็ไม่ได้บรรเทาปัญหาที่ต่อเนื่องกันมา
ในสังคมของเรา
ที่เราเรียนรู้ในการจะมองมันในแง่ดี
ในขณะที่เราอยู่ในที่กักขังจองจำ"
และผมเข้าใจเธอที่บอกว่า
การผ่อนปรนนั้นให้เกียรติกับมนุษยธรรม เพียงเล็กน้อย
ที่ซึ่งมนุษยธรรมนั้นเป็นต้องที่หมาย
ที่ซึ่งเศษอาหารไม่ได้เป็นอย่างเดียว
กับที่นั่ง ณ โต๊ะอาหาร
ซึ่งจะว่าไปคุณสามารถ ที่จะหล่อหลอมความหมาย
และสร้างเอกลักษณ์ตัวตนและยังคงอยากจะบ้าตาย
ผมไม่เคยถูกข่มขืน
และไม่เคยที่จะเข้าไปเฉียด
คุกพม่า
แต่ในฐานะเกย์ชาวอเมริกัน
ผมถูกตั้งแง่อคติลำเอียง และกระทั่งถูกเกลียดชัง
ผมได้ก่อร่างสร้างความหมายและสร้างตัวตน
ซี่งเป็นก้าวหนึ่งที่ผมเรียนรู้
จากคนที่มีประสบการณ์ที่ย่ำแย่เสียยิ่งกว่า
ที่ผมเคยได้รับรู้
ในช่วยวัยรุ่นของผม
ผมพยายามมากมายเพื่อที่จะเป็นผู้ชาย
ผมลงทะเบียนสำหรับสิ่งที่เรียกว่า
การบำบัดด้วยตัวแทนทางเพศ
ซึ่งคนที่ส่งเสริมให้ผมติดต่อแพทย์
สั่งในสิ่งที่ผมทำในสิ่งที่ผมถูกส่งเสริม ให้เรียกว่าการฝึกหัด
กับผู้หญิงที่ผมถูกส่งเสริมให้เรียกว่า ตัวแทน
ผู้ซึ่งไม่ได้เป็นกระหรี่จริงๆหรอก
แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรอย่างอื่นอีกเหมือนกัน
(เสียงหัวเราะ)
ที่ผมชอบเป็นพิเศษ
คือสาวผมบลอนด์จากดีพเซาท์ (Deep South)
ผู้ซึ่งที่สุดแล้วบอกกับผม
ว่าเธอเป็นพวกคนที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับศพ
และมารับงานนี้หลังจากเธอถูกจับ
ที่ห้องเก็บศพ
(เสียงหัวเราะ)
ประสบการณ์นี้ที่สุดแล้ว
ทำให้ผมมีความสุขกับความสัมพันธ์ทางกาย กับผู้หญิง
ซึ่งผมก็รู้สึกซึ้งใจ
แต่ผมทำสงครามกับตัวเอง
และผมบ่งแผลน่าเกลียดนั่น ให้ลึกลงไปในจิตวิญญาณของผม
เราไม่ได้ตามหาประสบการณ์ที่เจ็บปวด
ที่ปั้นอัตลักษณ์ตัวตนของเรา
หากแต่เราตามหาตัวตนของเรา
ในประสบการณ์อันเจ็บปวดที่เรารับรู้
เราไม่สามารถที่จะทนความทารุณที่ไร้เหตุผลได้
แต่เราสามารถที่จะทนต่อความเจ็บปวดอันสาหัสได้
ถ้าเราเชื่อว่ามันมีวัตถุประสงค์ที่ควร
ความง่ายดายให้ความประทับใจกับเรา
น้อยกว่าอุปสรรค
เราอาจเป็นตัวของตัวเองที่ปราศจากความสุข
แต่มือาจเป็นหากปราศจากความอับโชค
ที่ผลักดันให้เราตามหาความหมาย
"ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเป็นสุขกับความเจ็บป่วย"
เซนส์ พอล บันทึกไว้ในคำภีร์โครินธ์ฉบับที่สอง
"เพราะเมื่อผมได้ตื่นขึ้น ผมจะเข้มแข็ง"
ในปี 1988 ผมไปที่มอสโคว
เพื่อสัมภาษณ์ศิลปินใต้ดินแห่งโซเวียต
และคาดว่างานของเขาจะเป็นอะไรที่
แตกต่างและเกี่ยวกับการเมือง
แต่แก่นในงานของพวกเขาที่จริงแล้วตั้งอยู่บน
การนำมนุษยธรรมกลับเข้าไปในสังคม
ที่ซึ่งได้ทำลายมนุษยธรรมนั้น
ในบางแง่มุม สังคมรัสเซีย
กำลังทำสิ่งนี้อีกครั้ง
หนึ่งในบรรดาศิลปินที่ผมพบบอกผมว่า
"เรากำลังฝึกไม่ใช่เพื่อที่จะเป็นศิลปิน แต่เป็นเทวดา"
ในปี 1991 ผมกลับไปหาศิลปิน
ที่ผมกำลังเขียนเกี่ยวกับเขา
และผมก็อยู่กับพวกเขา ในระหว่างเกิดเหตุเคลื่อนไหวทางทหาร
ที่เป็นจุดจบของสหภาพโซเวียต
และพวกเขาก็อยู่ในบรรดาหัวหน้ากลุ่ม
ที่ต่อต้านการเคลื่อนไหวนั้น
และในวันที่สามของการเคลื่อนไหว
หนึ่งในพวกเขาแนะให้เราเดินขึ้นไปยัง สโมเลนส์คายา (Smolenskaya)
เราไปที่นั่น
และเราก็เรียงแถวอยู่หน้าด่านกั้น
และต่อมาอีกสักพัก
แถวขบวนรถถังก็เคลื่อนขึ้นมา
และทหารที่หน้ารถถังก็พูดว่า
"เราได้รับคำสั่งแบบไม่มีเงื่อนไข
ให้ทำลายแนวกั้น
ถ้าคุณออกไปให้พ้นทาง
คุณก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
แต่ถ้าคุณไม่เคลื่อนไปไหน เราก็ไม่มีทางเลือกใด
นอกจากจะทับคุณ"
และเหล่าศิลปินที่ผมอยู่ด้วยก็บอกว่า
"ขอเวลาสักนาทีนะ
ขอเวลาสักนาที ให้เราได้บอกคุณว่าทำไมเรามาที่นี่"
และทหารก็กอดอก
และเหล่าศิลปินก็บรรยายเรื่องประชาธิปไตย แบบคำกล่าวของโทมัส เจฟเฟอร์สัน
ราวกับพวกเราที่ใช้ชีวิต
อยู่ในประชาธิปไตยแบบเจฟเฟอร์สัน
ถูกผลักเข้ามาในปัจจุบัน
และพวกเขาก็พูดต่อไปเรื่อยๆ
ทหารก็มอง
และจากนั้นเขาก็นั่งตรงนั้นหนึ่งนาทีเต็มๆ
หลังจากที่พวกเขาพูดจบแล้ว
และมองไปยังพวกเรา เปียกโชกในสายฝน
และบอกว่า "ที่คุณพูดมานั้นเป็นความจริง
และเราก็ต้องยอมอ่อนข้อให้กับความปรารถนาของคน
ถ้าคุณจะให้พื้นที่เรามากพอ เพื่อให้เราหมุนกลับ
เราจะกลับไปตามทางที่เรามา"
และนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาทำ
บางครั้ง การหล่อหลอมความหมาย
สามารถมองคำศัพท์ที่คุณต้องการให้กับคุณ
ที่จะใช้สู้เพื่ออิสรภาพสูงสุดของคุณ
รัสเซียปลุกผมให้ตื่นมาพบแนวคิดหอมหวาน
ที่ผู้คัดค้านขยายอำนาจเพื่อจะต่อต้านมัน
และผมก็ค่อยๆ เข้าใจว่านั่นเป็นดั่งเสาหลัก
ของตัวตน
มันต้องใช้ตัวตนเพื่อที่จะป้องกันผมจากความเศร้า
การเคลื่อนไหวทางสิทธิของเกย์ให้จุดยืนกับโลก
ที่ซึ่งความผิดปกติของผมนั้นเป็นชัยชนะ
ตัวตนทางการเมืองทำงานในสองวิถี
คือให้ความภาคภูมิกับคนผู้ซึ่งได้รับข้อกำหนด
หรือคุณลักษณะ
และทำให้โลกภายนอก
ให้การปฏิบัติต่อผู้คนอย่างสุภาพและอ่อนน้อมมากขึ้น
ทั้งสองนั้นอยู่กันคนละโลก
แต่ดำเนินไปในกรอบ
ที่พันเกี่ยวกันและกัน
ตัวตนทางการเมืองอาจเป็นความหลงตน
คนเราสรรเสริญความแตกต่าง เพียงเพราะมันเป็นของพวกเขา
คนเราทำให้โลกแคบลง ทำให้หน้าที่แคบลง
จำเพาะแต่ในกลุ่ม โดยปราศจากความเข้าอกเข้าใจกัน
แต่อาจเป็นที่เข้าใจได้
และฝึกฝนอย่างชาญฉลาดได้
สำหรับเรื่องตัวตนทางการเมือง
ที่ควรขยายความคิดของเรา ว่าการเป็นมนุษย์นั้นคืออะไร
ตัวตนเองนั้น
ไม่ควรที่จะเป็นตราบาป
หรือเหรียญเกียรติยศ
แต่เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลง
ผมคงจะมีชีวิตที่เรียบง่ายกว่านี้ ถ้าผมชายแท้
แต่นั่นก็คงจะไม่ใช่ผม
และตอนนี้ผมอยากที่จะเป็นตัวเองมากกว่า
จะมีความคิดเป็นใครคนอื่น
ใครสักคนผู้ซึ่ง
ผมไม่มีตัวเลือกที่จะเป็น
หรือความสามารถที่จะจินตนาการได้อย่างเต็มที่
แต่ถ้าคุณไล่มังกร
คุณก็ไล่ผู้กล้า
เราก็จะถูกชักจูง
เข้าไปสู่คราบวีรบุรุษในชีวิตของเราเอง
บางครั้งผมก็คิดเล่นๆ
ว่าผมจะหยุดเกลียดตัวเอง
ที่ปราศจากความภาคภูมิในความเป็นเกย์ไหม
ที่ซึ่งการบรรยายนี้เป็นหนึ่งในการแสดงความเปิดเผย
ผมเคยคิดว่าผมจะรู้จักตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่
เมื่อผมเป็นเกย์ได้โดยไม่ต้องพยายาม
แต่ช่วงเวลาแห่งความเกลียดชังตนเอง ได้ทิ้งความว่างเปล่าเอาไว้
และการเฉลิมฉลองต้องเข้ามาแทนที่มัน
และแม้ว่าผมจะตอบแทนหนี้ส่วนตัว แห่งความเศร้าแล้ว
มันก็ยังคงมีโลกข้างนอกนั่น ที่รังเกียจพวกรักร่วมเพศ
ที่มันคงใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี ก่อนจะเป็นที่พูดถึงกัน
สักวัน การเป็นเกย์จะเป็นข้อเท็จจริงธรรมดา
ปลอดจากหมวกตัวประหลาด และการกล่าวโทษ
แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
เพื่อนของผมผู้คิดว่า ความภาคภูมิในความเป็นเกย์
กำลังจะเกินเลยไป
เคยแนะนำว่าเราควรจัด
สัปดาห์เกย์นอบน้อม (Gay Humility Week)
(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
เป็นความคิดที่ดีครับ
แต่เวลายังมาไม่ถึงครับ
(เสียงหัวเราะ)
และด้วยธรรมชาติ ที่อาจจะอยู่ระหว่าง
ความหดหู่และการเฉลิมฉลอง
ที่จริงแล้วเป็นบทส่งท้าย
ใน 29 รัฐ ในสหรัฐฯ
ผมอาจถูกไล่ออกหรือปฏิเสธให้พักอาศัย อย่างถูกกฎหมาย
เพราะผมเป็นเกย์
ในรัสเซีย กฎหมายต่อต้านโฆษณาชวนเชื่อ
ได้นำไปสู่การที่ผู้คนถูกทำร้ายบนถนน
ประเทศในทวีปแอฟริกา ยี่สิบเจ็ดประเทศ
ได้ออกกฎหมายต่อต้าน การร่วมเพศทางทวารหนัก
และในไนจีเรีย
เกย์อาจถูกปาหินจนตาย
การฆ่าแขวนคอเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อไม่นานมานี้ในซาอุดิอาระเบีย ชายสองคน
ซึ่งถูกจับขณะที่มีการร่วมเพศกัน
ถูกตัดสินให้ถูกโบยตีคนละ 7,000 ที
และตอนนี้ก็กลายเป็นคนพิการ
แล้วใครล่ะจะสามารถหล่อหลอมความหมาย
และสร้างเอกลักษณ์ตัวตนได้
สิทธิของชาวเกย์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สิทธิในการแต่งงาน
และสำหรับคนอีกเป็นล้าน ที่ใช้ชีวิตในที่ซึ่งยากจะรับได้
ซึ่งไม่มีสิ่งรองรับ
และศักดิ์ศรีของพวกเขายังคงเลือนราง
ผมโชคดีที่ได้หล่อหลอมความหมาย
และสร้างเอกลักษณ์ตัวตน
แต่นั่นยังคงเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
และชาวเกย์ก็สมควรได้รับ
มากกว่าเศษเสี้ยวความยุติธรรม
แต่กระนั้น ทุกก้าวที่ย่างไปข้างหน้า
ก็ช่างหอมหวาน
ในปี 2007 หกปีหลังจากที่เราพบกัน
คู่ของผมและผม ตัดสินใจ
ที่จะแต่งงาน
การได้พบจอห์นเป็นการค้นพบ
แห่งความสุขที่ยิ่งใหญ่
และยังเป็นการกำจัดความไม่เป็นสุขที่มากมาย
และบางครั้ว ผมก็มัวแต่ยุ่ง
กับการสูญหายไปของความเจ็บปวดทั้งหมด
จนผมลืมนึกถึงความสุข
ซึ่งแต่แรก มันเป็นจุดสังเกต ที่น่าสนใจน้อยกว่านี้สำหรับผม
การแต่งงานเป็นหาทาง ที่จะประกาศความรักของเรา
แบบเปิดเผยมากกว่าที่จะปกปิด
การแต่งงานนำเราไปสู่การมีเด็กๆ
และนั่นหมายถึงความหมายใหม่
และตัวตนเอกลักษณ์ใหม่ของเราและพวกเขา
ผมต้องการให้ลูกๆ ของผมมีความสุข
และผมรักพวกเขามากเหลือเกิน เมื่อพวกเขาเป็นทุกข์
ในฐานะที่เป็นพ่อที่เป็นเกย์ ผมสอนพวกเขา
ให้ครอบครองสิ่งที่ผิดในชีวิต
แต่ผมเชื่อว่าถ้าผมทำสำเร็จ
ในการปกป้องพวกเขาจากเรื่องร้ายๆ
ผมจะเป็นผู้ปกครองที่ล้มเหลว
นักวิชาการศาสนาพุทธที่ผมรู้จัก อธิบายให้ผมฟังว่า
ชาวตะวันตกเข้าใจผิด คิดว่า
การนิพพานเป็นอะไรที่มาหาคุณ
เมื่อความทุกข์ทั้งหมดนั้นถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
และคุณมีเพียงแต่ความสุขสราญ ณ เบื้องหน้า
แต่เขาบอกว่า นั่นคงจะไม่ใช่นิพพาน
เพราะความสุขในปัจจุบัน
จะถูกบดบังโดยเงาของความสุขจากอดีตเสมอ
เขาบอกว่า นิพพานนั้น คือสิ่งที่คุณเข้าถึง
เมื่อมีแต่เพียงความสุขเท่านั้นที่คุณเฝ้ารอ
และหามันในสิ่งที่ดูเหมือนความหมองเศร้า
ต้นกล้าของความสุข
และบางครั้งผมก็คิดว่า
ผมเจอสิ่งที่เติมเต็มที่ว่าแล้วหรือยัง
ในชีวิตคู่ และลูกๆ
ถ้าพวกเขามาอย่างพร้อมกว่านี้
ถ้าผมเป็นชายแท้ในวัยเยาว์ หรือถ้าตอนนี้ยังเด็กอยู่
ไม่ว่าจะในกรณีใด มันน่าจะง่ายขึ้น
บางที ผมอาจ
บางทีจินตนาการซับซ้อนทั้งหมดที่ผมได้มี
อาจนำมาปฏิบัติกับเรื่องอื่นๆ
แต่ถ้าตามหาความหมาย
มีความสำคัญมากกว่าหาความหมาย
คำถามไม่ใช่ว่า ผมจะมีความสุขมากขึ้นหรือเปล่า
ที่ถูกรังแก
แต่การให้ความหมาย
กับประสบการณ์เหล่านั้น
ได้ทำให้ผมเป็นพ่อที่ดีขึ้นหรือเปล่า
ผมมักจะพบกับความปลื้มปิติ ที่ซ่อนอยู่ภายในความสุขแสนธรรมดา
เพราะผมไม่ได้คาดหวังความสุขเหล่านี้
ว่ามันจะธรรมดาสำหรับผม
ผมรู้จักผู้ที่รักเพศตรงข้ามมากมาย
ที่มีชีวิตแต่งงานและครอบครัว ที่มีความสุขเท่าๆ กัน
แต่ชีวิตคู่ของเกย์เป็นอะไรที่ใหม่เหลือเกิน
และครอบครัวเกย์ก็เป็นสิ่งใหม่ที่น่าชื่นใจ
และผมก็ได้พบกับความหมาย ในความน่าประหลาดใจนั้น
ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นวันเกิดครอบ 50 ปี
และครอบครัวของผมได้จัดงานเลี้ยงให้ผม
และช่วงกลางงาน
ลูกชายของผมก็บอกสามีผมว่า
เขาอยากจะพูดสุนทรพจน์สักหน่อย
และจอห์นบอกว่า
"จอร์จ เธอจะพูดอะไร เธอสี่ขวบนะ"
(เสียงหัวเราะ)
"มีแค่คุณตา คุณลุงเดวิด และฉัน
ที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในคืนนี้"
แต่จอร์จยืนกรานและยืนยัน
และในที่สุด จอห์นก็นำเขาขึ้นไปที่ไมโครโฟน
และจอร์จก็พูดเสียงดังว่า
"ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ
ผมขอความกรุณาฟังทางนี้หน่อยครับ"
และทุกคนก็หันมาอย่างรวดเร็วด้วยความสนใจ
และจอร์จก็บอกว่า
"ผมดีใจมากที่มันเป็นวันเกิดของพ่อ
ผมดีใจที่ทุกคนได้เค้ก
และคุณพ่อครับ ถ้าคุณยังเด็กอยู่
ผมอยากจะเป็นเพื่อนด้วยครับ"
และผมก็คิด - ขอบคุณ
ผมคิดว่าผมนั้นได้เป็นหนี้บุญคุณ
แม้กระทั่งต่อ บ๊อบบี้ ฟินเคล
เพราะประสบการณ์ทั้งหลายก่อนหน้านี้
เป็นสิ่งที่ผลักดันผมมาถึงวินาทีนี้
และผมก็รู้สึกตื้นตันอย่างไม่มีเงื่อนไข
สำหรับชีวิตที่ครั้งหนึ่งผมเคยคิด ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนมัน
ฮาร์วีย์ มิวค์ (Harvey Milk) นักเคลื่อนไหวชาวเกย์
ครั้งหนึ่งเคยถูกถามโดยเกย์วัยเยาว์
ว่าเขาจะทำอย่างไรได้ เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวนี้
และ ฮาร์วีย์ มิวค์ บอกว่า
"ออกไปและบอกทุกๆ คน"
มีใครสักคนเสมอ ที่ต้องการจะริดรอน
มนุษยธรรมของเรา
และก็มีเรื่องราวที่จะช่วยฟื้นฟูมันเสมอ
ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย
เราสามารถที่จะเอาชนะความชัง
และขยายชีวิตของทุกๆ คน
หล่อหลอมความหมาย
หล่อหลอมความหมาย
สร้างเอกลักษณ์ตัวตน
และจากนั้นเชื้อเชิญโลก
ให้เข้ามาแบ่งรับความสุขของคุณ
ขอบคุณครับ
(เสียงปรบมือ)
ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)
ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)
ขอบคุณครับ (เสียงปรบมือ)