Tip:
Highlight text to annotate it
X
การสัมมนานานาชาติ
หน้าที่ที่สูงส่งกว่า ของอาจารย์ผู้รู้แจ้ง
15 ธันวาคม 2551 ฝรั่งเศส
ช่วงเวลาที่ดีมาก ว้าว
อากาศช่างวิเศษ
คุณเพลินกับแสงแดด
ใช่ไหม?
ท่านดูงดงามค่ะ
ฉันสวยหรือ?
ใช่ค่ะ
โดยเฉพาะรองเท้าส้นสูง
ใครก็ตามที่คิดค้น
รองเท้าส้นสูง
ควรได้รับรางวัล
โนเบลสันติภาพ
โดยเฉพาะ
ในอากาศแบบนี้
ตอนนี้
น้ำสูงประมาณ 3, 4 นิ้ว และ
ตอนที่ส้นสูง 5
โอเค คุณชนะ!
งดงามค่ะ
เป็นวีแก้น
รักษ์สิ่งแวดล้อม
เพื่อโลกเรา
คุณโอเคไหม?
คุณทุกคน? (ค่ะ)
พวกเขาร้องไห้อย่างเด็กทารก
ครั้งที่แล้ว
“เราไม่อยากกลับบ้าน!
เราไม่อยากกลับบ้าน!”
ฉันบอกว่า
“ฉันไม่อยากให้คุณกลับบ้าน
“ฉันไม่อยากให้คุณกลับบ้าน
แต่คุณต้องกลับบ้าน
ครอบครัวต้องการ
ให้คุณกลับบ้าน
รัฐบาลต้องการ
ให้คุณกลับบ้านและ
กรรมของคุณ
ต้องการให้คุณกลับบ้าน
ร้องไห้กับฉัน
จะมีประโยชน์อะไร?
อะไรก็ตามที่เราสร้าง
เราต้องอยู่ในนั้น ใช่ไหม?
ถ้าคุณมีพลัง
แข็งแรงพอ
คุณสามารถเอาชนะมันได้
แต่ถ้ายังไม่
ก็แค่ยอมรับมัน
คุณทราบ ใช่ไหม?
ใช่ค่ะ
ในโลกนี้
เนื่องจากเราไม่มี
การติดต่อกับพระเจ้า
เราจึงชอบสิ่งนี้และสิ่งนั้น
เราจึงชอบสิ่งนี้และสิ่งนั้น
และพอเรา
มีการติดต่อกับพระเจ้า
เรายังชอบสิ่งนี้สิ่งนั้น
และสิ่งอื่น ๆ
แต่เราสามารถมีมันได้
หรือไม่มีก็ได้
ชาวเอาหลาก (เวียตนาม)
อยู่ที่นี่ใช่ไหม?
มีชาวเอาหลาก (เวียตนาม)
กี่คน
ยกมือขึ้น
สัปดาห์ที่แล้วเป็น
ชาวเอาหลาก (เวียตนาม) ทั้งหมด
สัปดาห์นี้เป็นชาวจีนทั้งหมด
สัปดาห์ก่อนหน้านี้
เป็นชาวยุโรป ใช่
โอ้ ชาวเม็กซิกัน
ฉันไม่ได้ลืมคุณ
คุณเป็นคนที่น่ารัก
คุณน่ารักจริง ๆ
ชาวเม็กซิกัน
จริงใจอย่างมาก ๆ
ฉันประหลาดใจ ฉันไม่ได้
พูดภาษาของพวกเขาด้วยซ้ำ
ครั้งแรก
ที่ฉันไปที่เม็กซิโก
ฉันรู้สึกถึงความรัก
ของพวกเขาทันที
และทุกครั้งที่ฉันไปที่นั่น
มันเหมือนกัน
และชาวคอสตาริก้าก็เช่นกัน
ตอนนี้
ฉันจะเล่าบางเรื่องให้คุณฟัง
เรื่องนี้ มันกล่าวว่า
“ตอนนี้ ฉันตายแล้ว”
อาจารย์ รู้ไหม?
นี่คือหนังสือของซูฟิ
นี่คือหนังสือของซูฟิ
พวกเขาพูดระหว่างอาจารย์
และลูกศิษย์
อาจารย์พูดกับศิษย์ของเขาบางคน
อาจารย์พูดกับศิษย์ของเขาบางคน
“ตอนนี้ ฉันตายแล้ว
คุณอาจจะอ่านอะไรบางอย่าง
เกี่ยวกับความจริงของซูฟิ
ถ้าข้อมูลนี้
ได้ถูกมอบให้คุณ
โดยตรงหรือโดยอ้อม
ตอนที่ฉันเห็นได้ว่าอยู่ในกลุ่มคุณ”
หมายถึง
ตอนที่เขายังมีชีวิต
“เว้นแต่บางคน
คุณจะมีคำถามและ
อยากรู้อยากเห็น
อยากรู้อยากเห็น
จากมัน”
บางที
นี่อาจจะเป็นจดหมายที่เขา
เขียนก่อนที่เขาจะ
นิพพาน
(สวรรค์สูงสุด)
นี่คืออาจารย์มุสลิม
ฉันแน่ใจว่าเขาไปยังนิพพาน
และพระพุทธเจ้า
ไปสวรรค์
พวกเขาแลกที่กัน
ในบางครั้ง ทำไมไม่ล่ะ?
“จงรู้ว่าสิ่งที่
อาจารย์ซูฟิกำลังทำ
เพื่อโลก
และเพื่อผู้คน
ทั้งใหญ่และเล็ก
มักจะไม่ได้เห็น
โดยผู้สังเกตการณ์”
“เห็นคุณเห็น
แต่คุณไม่รับรู้
ฟังคุณฟัง
แต่คุณไม่เข้าใจ”
คุณเข้าใจฉันไหม?
“ครูซูฟิ
ใช้พลังของเขา
เพื่อสอน เพื่อรักษา
เพื่อทำให้มนุษย์มีความสุข
ฯลฯ
ตามเหตุผลที่ดีที่สุด
ในการใช้พลัง
ถ้าเขาไม่แสดง
ปาฏิหาริย์ให้คุณ
ก็ไม่ได้หมายความว่า
เขาไม่ทำมัน
ถ้าเขาปฏิเสธที่จะทำตาม
สิ่งที่คุณปรารถนา
มันไม่ใช่เพราะเขาทำไม่ได้
เขาทำเพื่อคุณ
ตามบุญของคุณ
ตามบุญของคุณ
ไม่ใช่ตาม
คำสั่งของคุณ
เขามีหน้าที่สูงส่ง
นี่คือสิ่งที่เขาทำให้สำเร็จ”
หน้าที่สูงส่ง ไม่ใช่
ทุกเสียงร้องครวญของคุณ
คุณทุกคน
ดูต่างไปเล็กน้อย
จากที่ฉันเคยเห็น
ใช่ ดูดีอยู่แล้ว
โอเค กลับมาที่เรื่องของ
อาจารย์ตรงนี้
เขากล่าวต่อในจดหมาย
“คุณหลาย ๆ คน
ได้เปลี่ยนชีวิต
และได้ถูกช่วย
ให้รอดจากภัยพิบัติ
ได้รับโอกาสใหม่
ซึ่งไม่มีสิ่งใดเลย
ที่คุณคิดได้ว่า
เป็นประโยชน์”
“แต่คุณได้รับการช่วยเหลือ
เหล่านี้เหมือนกัน”
ใช่ อาจารย์ช่วยคุณ
อย่างมองไม่เห็น แต่
คุณไม่ทราบ ใช่ไหม?
จำเรื่องตลก
ที่ฉันอ่านให้คุณ
บนโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์
ได้ไหม?
มีชายคนหนึ่ง
เร่งรีบ
ไปตามนัดธุรกิจ
และเขาไม่สามารถ
หาที่จอดรถได้
จำได้ไหม? (ได้ค่ะ)
เขาเอาแต่ภาวนาถึงพระเจ้า
“โอ้ ได้โปรด ๆ
ผมรีบ
ผมไม่มีเวลา
ได้โปรด ถ้าท่าน
หาที่จอดรถให้ผม
ผมจะไปที่โบสถ์
ทุกวันตลอดชีวิต”
แล้วในทันใด
ที่จอดรถ
อยู่ตรงหน้าเขา เขาบอกว่า
“โอ้ ไม่เป็นไรครับ
ผมหาเจอแล้ว
ผมหาเจอเอง”
และมีอีกเรื่อง
มีนักบวชคริสต์ผู้อุทิศตน
ไปที่ร้านอาหาร
ไปที่ร้านอาหาร
และมันเป็นวันศุกร์
และคุณไม่ควรที่จะ
ทานเนื้อสัตว์ มันเป็นอย่างนั้น
สำหรับชาวคริสเตียน
ชาวคริสต์ส่วนใหญ่
เชื่ออย่างนั้น
ในช่วงของพระเยซู
พวกเขามีระบบแล้ว
เช่นว่า
อย่างน้อยหนึ่งวันในสัปดาห์
ไม่ทานเนื้อสัตว์
และในสมัยของพระพุทธเจ้า
พวกเขาบอกผู้คนแล้ว
ให้ทานสองครั้งต่อเดือน
สี่ครั้งต่อเดือน
มังสวิรัติ
หรือสิบวันต่อเดือน
มันขึ้นอยู่ว่า
คุณต้องการอุทิศตน
มากแค่ไหน
สำหรับความรักที่มีให้สัตว์
และสิ่งแวดล้อมด้วย
พวกเขามีในเวลานั้นแล้ว
พวกเขามีในเวลานั้นแล้ว
อาจารย์ทุกคน
มีระบบอย่างนี้
มันเป็นอย่างนั้น เกี่ยวกับ
การไม่ทานเนื้อสัตว์ในวันศุกร์
หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อย
มังสวิรัติ
มังสวิรัติ
ในศาสนา
ศรัทธาของบาไฮ
“จากการกินเนื้อของสัตว์
และการบังคับใจตนเอง
จากตรงนั้น
คุณรู้อย่างแน่ใจ
หรือไม่ว่า ใน
ตอนเริ่มต้นของการสร้างสรรค์
พระเจ้าได้กำหนดอาหาร
สำหรับตัวตนที่มีชีวิตทุกชนิด
และการกินที่ตรงข้าม
กับการกำหนดนั้น
ไม่ได้รับอนุญาต”
~ คัดเลือกจาก
ข้อเขียนของบาไฮ
บนบางแง่มุมของ
สุขภาพและการรักษา
พุทธศาสนา
...การกินเนื้อทั้งหมด
โดยตัวตนที่มีชีวิต
เป็นญาติๆ
ของพวกเขาเอง
~ ลังกาวตารสูตร
รวมทั้ง
หลังจากเกิดเด็กอ่อน
จะต้องไม่กระทำ
การฆ่าสัตว์ใดๆ
เพื่อที่จะเลี้ยงดูมารดา
ด้วยอาหารพิเศษที่เป็นเนื้อ
และอย่ารวมกลุ่ม
ญาติพี่น้องหลายหลายคน
เพื่อดื่มเหล้า หรือ
กินเนื้อ เพราะว่าใน
เวลาที่ยากลำบากของการเกิด
มีภูติ ผี
ปีศาจชั่วร้าย
จำนวนที่ไม่อาจนับได้
เป็นพวกที่ต้องการมาบริโภค
เลือดที่เหม็น...
โดยโง่เขลา และหันเข้าหา
สิ่งที่ไม่ดี
ไปฆ่าสัตว์
เพื่อกิน ...
พวกเขานำการสาปแช่ง
มาสู่ตัวพวกเขาเอง ซึ่ง
เป็นอันตรายต่อทั้ง
แม่และเด็ก”
~ คสิติการ์บา สูตร
“จงระมัดระวังระหว่าง
วันในทันทีทันใน
หลังจากการตายของผู้หนึ่ง
ไม่ฆ่าหรือทำลาย
หรือสร้างกรรมปีศาจ
โดยการบูชา
หรือเสนอมอบการเสียสละ
ต่อปีศาจและเทพเจ้า...
เพราะว่าการฆ่านั้น
และการฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
ข้อตกลงหรือการ
กระทำการบูชานั้น
หรือการเสียสละเสนอมอบนั้น
จะไม่มีแม้แต่
จำนวนเล็กน้อยของ
แรงเพื่อประโยชน์
ต่อผู้ตายแต่
จะพัวพัน
แม้แต่ มากขึ้น
กรรมที่เป็นบาป
เข้าสู่กรรมเก่า
ทำให้มัน
แม้แต่ลึกขึ้นและ
ร้ายแรงมากขึ้น
...ดังนั้น
จึงชะลอการเกิดของเขา
สู่สภาพที่ดี”
กรรมหมายถึงกรรมสนอง
~ คสิติการ์บา สูตร
เคา ได
“...สิ่งที่สำคัญที่สุด
คือหยุดการฆ่า...
เพราะว่าสัตว์ก็มี
จิตวิญญาณเช่นเดียวกันและ
มีความเข้าใจเหมือนมนุษย์...
ถ้าเราฆ่า
สัตว์และกินพวกเขา
แล้ว เราจะติดหนี้
เลือดพวกเขา
~ คำสอนของนักบุญ
คริสต์ศาสนา
เนื้อสำหรับกระเพาะ
และกระเพาะสำหรับเนื้อ
แต่พระเจ้าจะทำลาย
ทั้งมันและพวกเขา
ไบเบิ้ลศักดิ์สิทธิ์
“และขณะที่เนื้อ
ยังคงอยู่ในระหว่างฟันพวกเขา
ก่อนหน้าที่จะถูกเคี้ยว
ความโกรธของพระผู้เป็นเจ้า
จุดไฟ
ต่อผู้คน
และพระผู้เป็นเจ้า
จะทำให้เกิดขึ้นฉับพลัน
ต่อผู้คนด้วยโรคระบาด”
ไบเบิ้ลศักดิ์สิทธิ์
คำสอนของขงจื้อ
“มนุษย์ทั้งหมดมีจิตใจ
ซึ่งไม่สามารถทนที่จะเห็น
การทนทุกข์ของผู้อื่น
มนุษย์ผู้ดีเลิศ
ซึ่งได้เคยเห็นสัตว์
มีชีวิต ไม่สามารถทน
ที่จะเห็นพวกเขาตาย
ได้เคยได้ยินเสียงร้องของ
พวกเขาเมื่อใกล้ตาย
เขาไม่สามารถทน
ที่จะกินเนื้อของพวกเขา”
~ เม่งจื้อ
เอสเซ้น
ฉันมาเพื่อ
สิ้นสุดการเสียสละ
และงานฉลองเลือด
และถ้าคุณไม่หยุด
เสนอมอบ
และกิน
เนื้อและเลือด
ความโกรธของพระเจ้า
จะไม่หยุดจากคุณ
~ กอสเปล
แห่งสิบสองศักดิ์สิทธิ์
ฮินดู
เนื่องจากคุณไม่สามารถ
นำสัตว์ที่ถูกฆ่า
กลับมามีชีวิต
คุณมีความรับผิดชอบ
ต่อการฆ่าของพวกเขา
ดังนั้นคุณกำลังจะ
ไปนรก ไม่มีหนทางสำหรับ
อิสรภาพของคุณ”
~ เอดิ-ลิลา
“เขาผู้ซึ่งต้องการ
ที่จะเพิ่มพูนเนื้อของเขาเอง
โดยการกินเนื้อ
ของสิ่งสร้างอื่น
มีชีวิตอยู่ในความทุกข์
ในสายพันธ์ชนิดใดๆก็ตาม
เขาอาจเอาการเกิดของเขา”
~ มหาภารตะ อนุ
ศาสนาอิสลาม
อัลเลาะห์
จะไม่ให้ความเมตตา
ต่อใครๆ
ยกเว้นคนผู้ซึ้ง
ให้ความเมตตาต่อ
สิ่งสร้างอื่น
ฮาดิท
อย่าอนุญาตให้
กระเพาะของคุณกลายเป็น
สุสานของสัตว์!
ฮาดิท
ศาสนาเชน
พระที่แท้จริงไม่ควร
ยอมรับอาหาร
และเครื่องดื่มเหล่านั้น
ซึ่งได้เตรียมมา
โดยพิเศษสำหรับเขา
ที่มีความเกี่ยวข้อง
กับโรงฆ่าสัตว์
แห่งตัวตนที่มีชีวิต
~ คริตังสูตร
ศาสนายิว
และมนุษย์ใดก็ตามที่นั่น
เป็นบ้านแห่ง
อิสราเอล หรือคนแปลกหน้า
ที่อยู่ชั่วคราวในคุณ
ที่กิน
รูปแบบใดๆของเลือด*
ฉันจะแม้แต่
หันหน้าต้าน
วิญญาณนั้นซึ่ง
กินเลือด*
และจะตัดเขาออก
จากผู้คนของเขา
ไบเบิ้ลศักดิ์สิทธิ์
*เลือด: หมายถึง “เนื้อ”
ศาสนาซิกห์
ผู้ต้องตายเหล่านั้น
ผู้บริโภคกัญชา
เนื้อและไวน์ -
ไม่สำคัญว่า การแสวงบุญ
การจดจ่อและพิธีกรรมใด
ที่พวกเขาทำตาม
พวกเขาทั้งหมดจะไปยังนรก
~ กูรู กรานท์ ซาฮิบ
เต๋า
อย่าไป
ยังภูเขา
เพื่อจับนกในตาข่าย หรือ
ที่น้ำเพื่อวางยา
ปลาและปลามินโน
อย่าฆ่าวัวขายเนื้อ
ซึ่งไถผืนนาของคุณ
~ บันทึกของหนทางเงียบ
พุทธศาสนา ธิเบต
การบวงสรวง
พระเจ้า
ด้วยเนื้อซึ่งได้จาก
การฆ่าสัตว์
เหมือนกับการให้แก่แม่
ด้วยเนื้อของลูกๆของเธอ
และนี่คือ
ความล้มเหลวร้ายแรง
~ หนทางสูงส่ง
ของความเป็นลูกศิษย์
ศาสนาโซโรแอสเทรียน
“เหล่าต้นพืช
เรา, อาหูระ มาซดา (พระเจ้า)
ฝนตกลงมาสู่โลก
เพื่อนำมาซึ่งอาหาร
เพื่อศรัทธา,และอาหารปศุสัตว์
เพื่อผลประโยชน์ของวัว
~ อาเวสตา
ทุกคนรู้ว่า
การกินอาหารมังสวิรัติ
ดีต่อสุขภาพ
และเป็นการช่วยดาวเคราะห์
พวกเขาจะ
ปลุกความสำคัญตัวเอง
ความเมตตา ความรัก
ธรรมชาติของตัวเองให้ตื่นขึ้น
แล้วระดับ
ของจิตสำนึกรับรู้ของพวกเขา
ก็จะขึ้นไปสูงอย่างอัตโนมัติ
และพวกเขาจะเข้าใจ
มากกว่าที่พวกเขาเคยเข้าใจ
และพวกเขาก็จะเข้าไปใกล้
สวรรค์มากขึ้นมากว่า
ที่พวกเขาเป็นอยู่ในเวลานี้
ตอนนี้เราพูดต่อ
“คุณส่วนใหญ่
แม้ว่าคุณกำลังมองหา
ชีวิตที่สมบูรณ์กว่า...”
หมายถึงชีวิตที่ดีกว่า
“...จะไม่มีชีวิตเลย
เพราะมันไม่ใช่
ความพยายามของ
กลุ่มเพื่อน ๆ”
เขาหมายถึง
กลุ่มเพื่อนบำเพ็ญ
เนื่องจาก
พวกเขาเขียนพิเศษไว้ตรงนี้
ด้วยอักษรตัวใหญ่
“คุณมากมาย
ผู้ที่ยากจน
จะถูกสาปแช่ง
ถ้าคุณร่ำรวย
คุณมากมายยังคงร่ำรวย
เนื่องจาก
การมีผู้มีปัญญา
คุณมากมายผู้ที่
อยู่ที่โรงเรียนของฉัน
คิดว่าคุณถูกสอนโดยฉัน
คิดว่าคุณถูกสอนโดยฉัน
ที่จริงแล้วคุณ
ได้มาอยู่ในที่ชุมนุม
ทางกายของเรา
ขณะที่คุณกำลังถูกสอน
โดยสำนักอื่น
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
แปลกมากสำหรับ
ความคิดเดิม ๆ ของคุณมาก
จนคุณ
ไม่อยู่ในตำแหน่ง
ที่จะเข้าใจมันได้
งานของฉัน
เพื่อประโยชน์ของคุณ
งานแห่งการ
ทำประโยชน์ให้คุณเห็นนั้น
เป็นงานของผู้อื่น
เป็นงานของผู้อื่น
สิ่งน่าเศร้าของคุณก็คือ
ขณะที่กำลังรอฉัน
ให้รับประกันปาฏิหาริย์และ
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่คุณมองเห็นได้
คุณได้ประดิษฐ์ปาฏิหาริย์
ซึ่งฉันไม่ได้แสดง
และได้พัฒนา
ความจงรักภักดีต่อฉัน
ซึ่งไม่มีค่าอะไรเลย
และคุณได้จินตนาการถึงการ
เปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือ
และบทเรียนซึ่ง
ยังไม่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงการช่วยเหลือ
บทเรียน อย่างไรก็ดี
มีอยู่
ตอนนี้ มาดูว่า
พวกเขาจริง ๆแล้วเป็นอย่างไร
ถ้าคุณคิดต่อไป
และทำสิ่งที่
ฉันบอกให้คุณทำและคิด
คุณกำลังทำงานกับ
เรื่องของเมื่อวานนี้
ซึ่งถูกใช้ไปแล้ว
ควรละทิ้งไป”
นั่นคือจดหมายทั้งหมด
ตอนนี้เราจะคุยกัน
ทีละวรรค
วรรคแรก...
บางครั้งมันดีกว่า
ที่จะอ่านทั้งหมด
เพื่อที่จะเข้าใจจริง ๆ ว่า
สิ่งที่เขาต้องการพูดคืออะไร
มิฉะนั้นคุณแค่เดา
และพูดว่า
“อุ๊ย ฉันขอโทษ
มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
ตอนนี้เราไปทีละวรรค
หรือว่าคุณเข้าใจ
ทุกอย่างแล้ว?
มันไม่ยากขนาดนั้น
ที่จะเข้าใจ ใช่ไหม?
บางที มียากบางแห่ง
ตรงนี้และตรงนั้น
ซึ่งต้องการการอธิบาย
“ตอนนี้ฉันตายแล้ว
คุณอาจจะอ่านบางสิ่ง
ที่เป็นเรื่องจริงของซูฟิ
ถ้าข้อมูลนี้
ได้ถูกมอบให้คุณ
โดยตรงหรือโดยอ้อม
ตอนที่ฉันอยู่ในกลุ่มคุณ
อย่างสังเกตเห็นได้
นอกจากไม่กี่คน
คุณทุกคนจะ
มีคำถาม
และอยากรู้
จากมัน”
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ
ตอนที่เขายังมีชีวิต
ถ้าเขาบอกทุกคนอย่างนี้
พวกเขาจะแค่คิดว่า
“โอ้ โอ้โห!”
แค่เห็นว่ามัน
เป็นสิ่งใหม่เพราะเขายังไม่เคย
บอกพวกเขามาก่อน
ดังนั้นพวกเขาจึงแค่เข้าใจว่า
มันเป็นแค่การสอดรู้สอดเห็น
ไม่มีความหมายลึกซึ้ง
เกี่ยวกับมัน
เหมือนเด็ก ๆ
ฟังเรื่องราว
แต่ไม่เข้าใจความหมาย
ที่ลึกซึ้ง
เหมือนเด็กคนหนึ่ง อย่าง
พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเปรย
มีความหมายบางอย่าง
อยู่เบื้องหลัง
และนิยายบางเรื่อง
มีความหมายอยู่เบื้องหลัง
ที่ผู้แต่ง
หรือผู้คิดค้น
อยากจะบอกคุณ
อย่างเรื่อง
“สาวงามและสัตว์ร้าย”
เป็นต้น มันไม่ใช่
เกี่ยวกับสาวสวย
และสัตว์ร้าย มันเกี่ยวกับ
ตัวเราและตัวตนที่แท้จริง
เข้าใจที่ฉันหมายถึงไหม?
หรือบางที บางเรื่อง
อย่างเจ้าชายกบ
หรือเจ้าหญิงกบ
สิ่งเหล่านี้จริง ๆ แล้วไม่ใช่
คุณจุมพิตกบ
และกบ
กลายเป็นเจ้าชาย
มันอาจจะใช่ แต่โดยส่วนใหญ่
มันหมายถึงว่า เมื่อได้
พบกับผู้รู้แจ้ง
คุณถูกเปลี่ยน
คุณกลายเป็น
ตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง
เนื่องจากคุณได้หลง
เนื่องจากคุณได้หลง
ในโลกลวงตา
และตัวคุณไม่เห็น
ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของคุณ
ตัวตนที่งดงาม
ที่ยิ่งใหญ่ของคุณ
และมันต้องการ
เพื่อนที่แท้จริงบางคน
ที่จะปลุกความทรงจำของคุณ
ที่คุณเป็นเจ้าชาย
ที่คุณเป็นเจ้าชายแห่งสวรรค์
ที่คุณเป็นเจ้าชายแห่งสวรรค์
ก่อนที่เขาจะตาย
เขาเขียนจดหมายฉบับนี้
ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับ
ความจริง นอกจาก
ความสุภาพทั้งหมด
และภาพลวงตาทั้งหมด
ของลูกศิษย์
ผู้ที่กำลังคิดว่า
พวกเขาเข้าใจ
และผู้ที่กำลังคิดว่า
พวกเขาอุทิศตน
ผู้ที่กำลังคิดว่า
พวกเขากำลังบำเพ็ญ
สิ่งที่อาจารย์กำลังสอน
ต่อมาเราจะรู้
ถ้าอ่านต่อไป
เขากล่าวมันด้วย
ฉะนั้น ตอนที่เขาเล่า
บางสิ่งแก่พวกเขา ทุกคน
พูดว่า “โอ้ ใช่ ๆ”
แต่พวกเขาไม่เข้าใจ
อย่างแท้จริง
และพวกเขา
ไม่นำมันไปใช้ด้วยซ้ำ
มันเป็นอย่างนั้น
เห็นไหม?
พวกเขาจะไม่ปฏิบัติ
สิ่งที่อาจารย์พูด
ไม่ใช่พวกเขาทุกคน
เขาจึงพูดว่า
ทุกคนเว้นแต่น้อยคน
ที่จะพอใจ
กับคำถามของตน
กับคำถามของตน
แต่ไม่เข้าใจอย่างแท้จริง
หรือไม่ยินดีอย่างแท้จริง
ถึงคุณค่าของบทเรียน
ที่เขาอยากจะสื่อ
ตอนนี้ “จงรู้ว่า
สิ่งที่อาจารย์ซูฟิกำลังทำ
เพื่อโลก
และเพื่อผู้คน
ทั้งใหญ่และเล็ก
มักจะไม่เห็น
โดยผู้สังเกต”
ใช่ ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น
ตอนที่พระเยซูหรือ
พระศาสดาโมฮัมหมัด
ยังมีชีวิต
หรือสมัยที่พระพุทธเจ้ามีชีวิต
หลาย ๆ สิ่งที่พวกท่านทำ
ก็คืออยู่เบื้องหลัง
คนส่วนใหญ่
ไม่เห็นมันด้วยซ้ำ
และถ้าพวกเขาเห็น
ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นที่เหลือ
พวกเขาแค่แต่งมันขึ้น
“อาจารย์ซูฟิ
ใช้พลังของเขาเพื่อสอน
เพื่อรักษา เพื่อทำให้มนุษย์
มีความสุข ฯลฯ ตาม
เหตุผลที่ดีที่สุด
ในการใช้พลัง
ถ้าเขาไม่แสดงให้คุณเห็น
ปาฏิหาริย์ใด
ไม่ได้หมายความว่า
เขาไม่ทำมัน
ถ้าเขาปฏิเสธ
สิ่งที่คุณต้องการ
มันไม่ใช่เพราะเขาทำ
ไม่ได้” - ทำสิ่งที่คุณปรารถนา
นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึง
“เขาช่วยคุณ
ตามบุญของคุณ
ตามบุญของคุณ
ไม่ใช่ตาม
คำสั่งของคุณ
เขามีหน้าที่ที่สูงกว่า นี่คือสิ่ง
ที่เขากำลังทำให้สำเร็จ”
เขากำลังทำให้สำเร็จ
หน้าที่ที่สูงกว่า ไม่ใช่แค่
ความปรารถนาเล็กน้อย
ของคุณ มันเป็นอย่างนั้น
เพราะอาจารย์ท่านนี้
ต้องได้ทำมัน
และในช่วงชีวิตของท่าน
เขาเอาแต่บอกผู้คน
แต่ผู้คนไม่ฟัง
พวกเขาฟังต่างไปและ
พวกเขาทำต่างไป
และพวกเขาเข้าใจต่างไป
และพวกเขาเข้าใจต่างไป
จึงทำให้ฉันบอกว่า
คนที่ประทับจิต
คนที่ประทับจิต
ต้องมีจิตใจที่ปกติ
พวกเขาต้องเข้าใจ
เป้าหมายของคำสอน
และต้องต้องการพระเจ้า
ต้องการที่จะรู้
ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง
คุณไม่สามารถให้อะไรก็ตาม
ยานั้นสำหรับคนต่างที่กัน
ยานั้นสำหรับคนต่างที่กัน
ถ้าคุณปวดศีรษะ
คุณก็ทานยาแก้ปวดศีรษะ
คุณก็ทานยาแก้ปวดศีรษะ
ถ้าคุณปวดท้อง
คุณทานยาที่ต่างไป
คุณไม่สามารถแค่พูดว่า
“โอ้ ฉันรักเขามาก
ฉันมียาแก้ปวดหัว
ฉันควรให้เขา
เราแบ่งกัน
ยาดี ๆ
ถ้าฉันทาน อาการปวดหัว
ของฉันจะหายไป
เขาจึงควรทานมันล่วงหน้า
เผื่อว่าเขาปวดหัว”
เผื่อว่าเขาปวดหัว”
มันไม่ใช่อย่างนั้น
ดังนั้นอาจารย์บอกตรงนี้ว่า
เขาทำ
อะไรก็ตามที่เขาทำ
ตาม
สถานการณ์ที่เหมาะสม
และการจัดการที่เหมาะสม
ของกฎจักรวาล
และขึ้นอยู่กับ
ความจริงใจ
และบุญของคนคนนั้น
เขาไม่ได้ทำมันเพื่ออวด
เขาไม่ได้ทำมันเพื่อ
ความต้องการเล็กน้อยของคุณ
ตามที่คุณสั่ง เพื่อให้
เขาพิสูจน์กับคุณได้ว่า
เขามีปาฏิหาริย์จริง ๆ
เห็นไหม?
ดังนั้นอาจารย์ท่านนี้
ต้องมีมัน
ตอนที่ท่านยังมีชีวิต
ลูกศิษย์มากมาย
มาหาเขาและขอ
ปาฏิหาริย์ตลอดเวลา
เรามีปาฏิหาริย์
เราใช้มัน
ไม่จำเป็นต้องขออาจารย์
ไม่จำเป็นต้องขออาจารย์
คุณขอได้ ขอภายใน
ภาวนา
และถ้าคุณได้มัน
คุณก็ได้มัน
ถ้าคุณไม่ได้มัน คุณ...
ไม่ได้มัน
คุณก็ไม่ได้มัน
ฉลาดมาก
ฉลาดมาก ๆ
นี่คือสิ่งที่เขากำลังทำ
เขาทำให้สำเร็จ
หน้าที่ที่สูงกว่าของเขา
เป้าหมายที่สูงกว่าในชีวิต
ไม่ใช่มาที่นี่
แค่เพื่อเอาใจความปรารถนา
เล็กน้อยของคุณ
ตามความเข้าใจที่ต่ำ
ของคุณ
บางคำปรารถนา
ไม่เหมาะอย่างยิ่ง
และบางคำปรารถนา
สูงส่งกว่า
และยังต้องทำงาน
ตามบุญของคุณด้วย
เป็นต้นว่า
คุณนั่งสมาธิมาก
และคุณขออาจารย์
ให้ช่วยคุณ
แล้วเนื่องจาก
คุณนั่งสมาธิมาก
อย่างคุณเป็นเด็กดี
คุณไปยังระดับที่สูงกว่า
เล็กน้อย
ที่คุณสามารถได้รับพร
อาจารย์ได้
เนื่องจากถ้าคุณยังอยู่
ในระดับต่ำกว่า
พรที่สูงกว่า
ไม่สามารถมาหาคุณได้
หรือคุณไม่สามารถได้รับ
อย่างตอนที่คุณเป็นทารก
แม่ของคุณต้องเคี้ยวอาหาร
ให้คุณและ
ไม่ใช่อาหารที่มีสารอาหารนัก
ต้องอ่อน
อาหารเรียบง่าย เพราะ
ถ้าพวกเขาให้อาหาร
เข้มข้นทันที
และอาหารที่มีสารอาหารมาก
อาหารที่มีสารอาหารมาก
เค้ก และทั้งหมดนั้น
คุณย่อยไม่ได้
กาแฟและทั้งหมดนั้น
“ฉันชอบกาแฟ
ฉันให้ลูกของฉันทาน”
ไม่ มันเป็นไปไมได้
ฉะนั้นตอนที่คุณโต
ทั้งหมดนี้ มีให้คุณ
ตามอายุ
ของคุณด้วย
และแม้ว่า
คุณมีรถมากมาย มากมาย
ที่โรงรถ คุณไม่สามารถ
ให้ลูกของคุณขับ
แม้ว่าเป็นรถที่เล็กที่สุด
ไม่ว่าคุณรักลูกทารก
ของคุณมากแค่ไหน
มันไม่ปลอดภัยสำหรับเขา
ที่จะขับรถของคุณ
แม้ว่าคุณมีมากมายและ
คุณมีสองสามคันด้วย
คุณมีสองสามคันด้วย
แต่ทำไม?
เขายังไม่สามารถขับได้
ฉะนั้น อาจารย์
อธิบายไว้อย่างดีมาก
เขาต้องรู้แจ้ง
มาก ๆ อย่างแน่นอน
ดูซิว่าเขาเป็นใคร
เมอร์ซ่า อับดูล ฮาดิ คาน
แห่งบุคารา
โอ้โห! อาจารย์ผู้รู้แจ้งอย่างมาก
เห็นไหม?
ในทุกประเพณี
ทุกสมัย มีอาจารย์ผู้รู้แจ้ง
ทุกสมัย มีอาจารย์ผู้รู้แจ้ง
อาจจะไม่ได้รู้แจ้ง
ในระดับเดียวกัน
แต่พวกเขา
เป็นอาจารย์ผู้รู้แจ้ง
และก็ตามความสามารถ
ที่จะย่อยของคุณด้วย
ถ้าต่ำกว่า
อาจารย์จะมาหาคุณ
ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย
ไม่มีประโยชน์ต่อ
เด็กอนุบาลมากนัก หรือ
นักเรียนประถม
ใช่ไหม? (ใช่ค่ะ)
เว้นแต่ว่าเขา
เป็นผู้ที่พิเศษจริง ๆ
อัจฉริยะ บางครั้ง
มันมี แต่น้อย
แต่ในกรณีนั้น
นักเรียนคนนั้นกลายเป็น
นักเรียมหาวิทยาลัย
เขาเข้าใจทั้งหมดนั้นแล้ว
เขาจะไปมหาวิทยาลัยอยู่ดี
เขาจะไปมหาวิทยาลัยอยู่ดี
มีอัจฉริยะบางคน
เด็กมาก
แต่เรียนวิทยาลัย
อย่านั้นก็โอเคเช่นกัน
มันเหมือนกับคุณ
บางทีคุณอาจจะดูเหมือน
คนอื่น ๆ
แต่ความเข้าใจของคุณ
สูงกว่า
ความคิดของคุณ
เจิดจ้า ใช่ไหม?
ความฉลาดของคุณ
ถูกทำให้สูงขึ้น
ทุกสิ่งเกี่ยวกับคุณ
ต่างไปจาก
ก่อนประทับจิต
แต่ก่อน
คุณไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณเข้าใจ
ในตอนนี้
และแต่ก่อน
คุณเห็นสิ่งต่าง ๆ
คุณมองชีวิตต่างไป
คุณเข้าใจทุกสิ่ง
ต่างไป
แน่นอน คุณไม่
รู้แจ้งสมบูรณ์หรือเข้าใจทุกสิ่ง
รู้แจ้งสมบูรณ์หรือเข้าใจทุกสิ่ง
อย่างถ่องแท้
แต่คุณเข้าใจ
ต่างไปจากแต่ก่อน
ดีกว่าแต่ก่อนมาก
ดังนั้น
คุณอดทนมากกว่า
คุณรักมากกว่า
อดทนมากกว่าด้วย
อดทนมากกว่าด้วย
แต่ก่อน ในสถานการณ์
ที่คล้ายกัน
คุณอาจจะทนมันไม่ได้
คุณจะระเบิดด้วย
แต่หลังจากประทับจิต
แม้ว่าคุณยังรู้ว่า
มันเป็นความทุกข์
มันเหมือนกัน
แต่คุณทนกับมันได้
และคุณสามารถไปต่อได้
เนื่องจาก
คุณมีพลังที่จะทนทาน
ถูกปลุกในตัวคุณ
มันจึงต่างไป
ใช่ไหม?
และคุณชอบตัวเองมากขึ้น
ในตอนนี้ ใช่ไหม?
ค่ะ!
ดี
ฉะนั้น สรุป
ของวรรคที่สองก็คือ
เราต้องนั่งสมาธิ
ไม่ว่าเราต้องการอะไร
เราทำงานได้มันมา
ฉะนั้นอย่าแค่สรรเสริญ
อาจารย์เท่านั้น
หรือโทษอาจารย์อย่างเดียว
หรือโทษอาจารย์อย่างเดียว
เราเป็นทีม
“อาจารย์”
และศิษย์
เราเป็นเพื่อนกัน
เราร่วมมือกัน
เราต้องทำงานด้วยกัน
คุณเคยเห็นบริษัทไหม
ที่ประธาน
ประธานบริษัท
เหรัญญิก
คณะกรรมการ
ทุกสิ่ง
แค่คนคนเดียว
เขาทำอะไรได้ไหม?
(ไม่ได้ค่ะ)
ไม่!
แม้แต่ทางโลก
ถ้าคุณตั้งบริษัท
อย่างน้อยคุณต้อง
มีคนเข้าร่วม
เพื่อนร่วมทีม
ทำงานด้วยกันหรือไม่ก็ตาม
ยังไม่รู้
แต่อย่างน้อยต้องมี
ชื่อคนร่วมหุ้นในนั้น
เพื่อบริษัท
ตอนนี้คุณทราบ
ฉะนั้น เราเป็นบริษัท
คุณและอาจารย์
ใครก็ตาม
ไม่จำเป็นต้องเป็น
อาจารย์ชิงไห่
มันอาจจะเป็นอาจารย์
เมอร์ซ่า อับดุล ฮาดิ คาน
แห่งบูคารา
ฟังดู
เป็นชื่อที่ดีมาก
ฟังดูเข้าหู
ฉันชอบชื่อเหล่านั้น
อย่างมาก
ฟังดูดี
คาน โมฮัมหมัด
อะไรอย่าง “คาน ๆ”
มุฮัมหมัด เยซูคริสต์
ศากยมุนีพุทธเจ้า
ภาษาบางภาษา
ดีมาก
เหมือนที่ฉันเคยบอก
คุณทุกคนเป็นอนุตราจารย์
คุณทุกคนเป็นอนุตราจารย์
แค่ว่าคุณยังไม่ได้ถึงจุดนั้น
เท่านั้นเอง
อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย
อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย
คุณเรียนอย่างดี
คุณขยัน และ
คุณสามารถเป็นศาสตราจารย์
แล้วอะไรคือหน้าที่ที่สูงกว่า
ที่อาจารย์คนนั้นกำลังทำ?
อะไรคือสิ่งที่เขา
กำลังพูดถึงตรงนี้?
อาจารย์บอกว่า เขามี
หน้าที่ที่สูงกว่า
ไม่ใช่แค่เพื่อเอาใจคุณ
ช่วยกู้จิตวิญญาณ?
ช่วยกู้จิตวิญญาณของคุณ?
เพื่อปลุกเรา
ทำให้คุณตื่น? อะไรอีก
นั่งสมาธิ
สมาธิ ใช่
ความรัก
ความรัก ถูกต้อง
จิตสำนึก
จิตสำนึก ใช่ ๆ
ยกระดับจิตสำนึก
โอเค
ช่วยโลก
ช่วยโลก
ให้ระลึกถึงพระเจ้า
ระลึกถึงพระเจ้า
ใช่แล้ว ๆ
ดังนั้น หน้าที่ที่สูงกว่า
ของอาจารย์
ไม่ใช่เพื่อมาที่นี่...
โอเค ทำให้คุณมีความสุข
และทั้งหมดนั่น
เขาทำให้ความปรารถนาของ
คุณสำเร็จ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่
เป้าหมายหลักของเขา
สำหรับการมายังโลกนี้
ใช่ไหม?
เป้าหมายหลักของก็คือ...?
พาคุณกลับบ้าน
ใช่ เพื่อพาคุณกลับบ้าน
และเพื่อปลุกจิตสำนึก
และเพื่อปลุกจิตสำนึก
และเพื่อยกระดับ
การรับรู้ทางจิตวิญญาณของ
ผู้คน
เพราะการเอาใจคุณ
ตรงนี้และตรงนั้น
ก็แค่สิ่งทางกาย
“โอ้ อาจารย์
ผมไม่มีรถ
ผมต้องการรถ
เพื่อนบ้านของผมมีหนึ่งคัน”
เป็นต้น
โอเค ทำไมไม่ล่ะ?
ถ้าคุณต้องการมันจริง ๆ
ถ้าคุณอยากได้มันจริง ๆ
อาจารย์
จะทำให้มันเกิดขึ้น
แต่ระวัง
สิ่งที่คุณกำลังขอ
ถ้าไม่มีรถ คุณอาจจะ
ไม่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เลย
แต่ถ้ามีรถ
ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
และทุกวันนี้
ราคาน้ำมันสูงมาก
และไม่ใช่แค่แพง
เรากำลังขาดแคลน
น้ำมันด้วย
ทั่วโลก
อย่างนั้นเป็นต้น
ฉะนั้น อาจารย์อาจจะ
ไม่ให้รถกับคุณ เขา
ให้จักรยานแทน
มันช่วยสิ่งแวดล้อมมากกว่า
หรือมันอาจจะปลอดภัยกว่า
ที่คุณจะมีจักรยานสามล้อ
จำเรื่องตลกที่ฉันเคยเล่า
นานมาแล้วได้ไหม?
มีชายคนหนึ่ง
ขับรถเร็ว
บนทางด่วน และ
ตำรวจหยุดเขา
และให้ใบสั่งกับเขา
และคนขับพูดว่า
“เพื่ออะไร?
ผมไม่ต้องการ”
ตำรวจบอกว่า
“ช่างมันเถอะ เก็บมันไว้
หลังจากที่คุณ
ได้สามใบ
คุณจะได้จักรยาน”
เป็นตำรวจที่ ตลกมาก ๆ
เป็นตำรวจที่ ตลกมาก ๆ
ฉันชอบอย่างมาก
ฉันชอบอย่างมากเช่นกัน
คุณไม่สามารถขับรถได้อีกแล้ว
สี่ครั้ง
ก็จบกัน
ฉะนั้น เป้าหมายของอาจารย์
ไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่าเป็น
บางคน
มาหาอาจารย์
แค่เพราะพวกเขาได้ยินว่า
อาจารย์รักษาคนป่วย
รักษาคนตาบอดและ
ทำให้คนพิการเดินได้
และทั้งหมดนั่น
เหล่านี้เป็นเพียง
เรื่องทางโลก
มันอาจจะดี
คุณได้อย่างนั้น แต่
มันไม่ได้พิสูจน์อะไร
และมันไม่ได้มีประโยชน์
ต่อคุณมากนัก
ถ้าคุณไม่พยายาม
ค้นหาแหล่งกำเนิดของ
ปาฏิหาริย์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
เหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย
แม้ว่าอาจารย์ทำอย่างนั้น
มันเป็นไปตาม
ระดับการบำเพ็ญของคุณ
ฉะนั้นตอนที่ใครบางคน
สัมผัสชุดของพระเยซู
และหล่อนหายจากโรค
และหล่อนขอบคุณท่าน
สรรเสริญท่าน ท่านกล่าวว่า
“ศรัทธาของคุณรักษาคุณ”
อาจารย์เช่นนั้น
อ่อนน้อมอย่างมาก
แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
ท่านทราบตลอดเวลา
ถึงพลังมหาศาลของท่าน
ไม่ใช่ว่า ท่านใส่มันไว้
ในกระเป๋าหรือ
เขียนมันไว้ด้านหน้า -
เป็นมังสวิรัติ
รักษ์สิ่งแวดล้อม พวกนั้น
- แต่เรื่องของเรื่องก็คือ
ท่านทราบถึงมัน
ท่านไม่สามารถไม่ทราบได้
แม้ว่าจะไม่ทราบ
อย่าง “โอเค
ท่านรักษาคนคนนั้น
ท่านทำให้คนคนนั้นเดินได้
ท่านรักษาคนตาบอด”
มันไม่ใช่อย่างนั้น
ขาวและดำอย่างนั้น
แต่ท่านตระหนัก
ว่าท่านมีพลังมหาศาล
ท่านต่างไป
ท่านเข้าถึงโกดัง
แห่งพลังของจักรวาล
และท่านสามารถใช้มันได้
ตามต้องการ แต่ก็ตาม
ประสงค์ของจักรวาลด้วย
มันเหมือนประธานาธิบดี
ท่านได้รับการเลือกมา
เป็นต้น
ประธานาธิบดีโอบามา
ท่านยังไม่เข้าทำงาน
แต่ท่านได้รับเลือกและ
ท่านทราบ ท่านจะ
คุ้นเคยกับ
อำนาจของท่านในตอนนี้
และท่านทราบว่า
ท่านมีอำนาจในตอนนี้
ประธานาธิบดีของ
ประเทศที่มีอำนาจที่สุด
ในโลก
คุณเพิกเฉยกับ
พลังของคุณไม่ได้
แม้ว่าท่านจะไม่คิดตลอดว่า
แม้ว่าท่านจะไม่คิดตลอดว่า
“ฉันมีอำนาจ
ฉันมีอำนาจ
ฉันทำสิ่งนี้ได้ ฉันทำสิ่งนั้นได้
ฉันทราบสิ่งนั้น”
เขาทราบ
แต่เขาไม่รู้
เนื่องจาก
พลังไม่ใช่อะไร
ที่สามารถหยิบจับ
อย่างที่คุณจับดอกไม้
คุณสามารถ
ใส่เป็นแหวน
แต่เขาทราบ
และยิ่งเขา
อยู่ในหน้าที่มากเท่าไร
เขาจะยิ่ง
ใช้พลังของเขา
เขายิ่งตระหนักว่า
เขามีอะไร
มันไม่ใช่ขาวและดำ
แต่เขาทราบ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่า
ท่านจะทรงพลังแค่ไหน
ท่านทำงานตาม
กฎหมายของประเทศ
และกฎหมายนานาชาติ
ท่านไม่สามารถพูดว่า “โอ้
ฉันเป็นประธานาธิบดีของ
ประเทศที่มีอำนาจที่สุด
ฉันทำสิ่งที่ฉันต้องการ”
มีขีดจำกัด
ในสิ่งที่ท่านทำได้
และแม้แต่ประธานาธิบดี
ต้องระวัง
เกี่ยวกับอำนาจ
ที่เขาใช้ เนื่องจาก
บ้างครั้งมันอาจเป็นปัญหา
และเสียใจภายหลัง
มันสายเกินไป
อย่างนั้นเป็นต้น
ในทำนองเดียวกัน
ผู้ปฏิบัติธรรม
แม้แต่อาจารย์ต้อง
ทราบถึงการร่วมมือ
ของจักรวาล
และไม่ทำมันเกินไป
อาจารย์ส่วนใหญ่
ตระหนักถึงสิ่งนั้น
จึงทำให้เขาพูดว่า
อาจารย์ไม่สามารถ
แค่รับผิดชอบ
ทุกความต้องการของคุณ
แต่ต้องทำงาน
ตามบุญของคุณด้วย
ตามบุญของคุณด้วย
ฉะนั้นถ้าเราต้องการ
ชีวิตที่สบายกว่า
ปาฏิหาริย์มากกว่า บุญมากขึ้น
ทำให้ความปรารถนา
ของคุณสำเร็จมากขึ้น
แม้ในโลกนี้
แล้วเราต้องทำงานให้ได้มัน
ต้องขยัน
ในการเข้าไป
ที่โกดังแห่งบุญ
และหยิบมันออกมาใช้
อย่างคุณมีเงิน
ในธนาคาร แต่คุณขี้เกียจ
คุณนั่งที่บ้าน และเอาแต่
โทรหาเสมียนที่ธนาคาร
“เอาเงินมาให้ฉันที
เอาเงินมาให้ฉันที”
หล่อนจะไม่เอามาให้
ถ้าคุณมีอำนาจมาก
หล่อนจะทำ ใช่
ถ้าคุณมีเงินมากมาย
ในธนาคาร
ผู้จัดการจะ
ช่วยนำเช็คมาให้คุณ
ช่วยนำเช็คมาให้คุณ
หรือนำเงินมาให้คุณ
แล้วคุณ
เซ็นชื่อที่บ้าน
มันเป็นไปได้
แต่นี่คือตำแหน่ง
ของอาจารย์ เห็นไหม?
อาจารย์ทำได้ทุกอย่าง
ตามต้องการ
ทุกสิ่งมา
ตามที่อาจารย์เรียก
แต่ท่านไม่ใช่มันในทางที่ผิด
เห็นไหม?
ท่านไม่ใช่มันในทางที่ผิด
ตอนนี้ เราไปต่อ
“คุณมากมาย
ชีวิตถูกเปลี่ยน
ได้รับการช่วยชีวิต
จากภัยพิบัติ
ได้รับโอกาสต่าง ๆ
แต่ไม่มีอะไร
ที่คุณคิดว่าดี
แต่คุณ
ก็ได้ประโยชน์เหล่านี้
เหมือนกัน”
ใช่ มันเหมือนกับชายคนหนึ่ง
ที่ร้องขอ
ที่จอดรถ
“ช่างเถอะครับ พระเจ้า
ผมหาพบเองแล้ว”
สองวินาทีที่แล้ว
ไม่มี
และเขาภาวนาและเขาได้มัน
แต่ “ไม่เป็นไร
ผมพบแล้ว” เห็นไหม?
นี่คือเรื่องตลกทางจิตวิญญาณ
รู้ไหม
เรื่องตลกมากมายที่ฉันเล่า
ถ้าคุณคิดถึงมัน
มันใช้กับความเข้าใจทาง
จิตวิญญาณของคุณได้...
ถ้าคุณคิดถึงมันสักหน่อย
ถ้าคุณคิดถึงมันสักหน่อย
มันไม่ใช่แค่เพื่อ ฮาฮา
เราเป็นอย่างนั้น
บางครั้งอาจารย์
หรือพระเจ้าหรือเทวดา
ทำงานเพื่อเรา แต่
เราลืมขอบคุณพวกเขา
เพราะเราไม่เห็นมัน
ด้วยตามนุษย์ของเรา
เราคิดว่า
มันคือเราที่เป็นคนทำ
ที่ทำสิ่งนั้น
หรือแค่บังเอิญ
หรือแค่เหตุบังเอิญ
ไม่มีอะไรบังเอิญในโลก
จริง ๆ นะ
ฉะนั้น อาจารย์จึงกล่าวว่า
คุณหลายคน
ได้ถูกเปลี่ยนชีวิต
ได้รับการช่วยชีวิตจาก
ภัยพิบัติ จาก
สถานการณ์อันตราย
ได้รับโอกาส
ซึ่งคุณไม่รู้เลย
ว่าเป็น
การช่วยเหลือ
แต่อย่างไรก็ดี
คุณยังคงได้มัน
คุณจะรู้หรือไม่ก็ตาม
ว่าสิ่งดี ๆ
ได้ถูกทำเพื่อคุณ
แล้วสิ่งที่อาจารย์หมายถึง
ก็คือว่า คุณบางคน
มาขอปาฏิหาริย์
และพวกนั้น และพูดว่า
“อาจารย์ไม่ช่วยฉัน”
และทั้งหมดนั่น
แต่อาจารย์ช่วยเหมือนกัน
แต่อาจารย์ช่วยเหมือนกัน
อาจารย์ไม่ใช่แค่ร่างกาย
ที่นั่งตรงนั้นและ
ตอบคุณ และพูดว่า
“โอเค ฉันจะทำอย่างนั้น
ฉันจะซ่อมเพดานให้คุณ
ฉันจะซ่อมเพดานให้คุณ
ฉันจะหยุดรถหมุนให้คุณ”
ฉันจะหยุดรถหมุนให้คุณ”
ฉันจะหยุดรถหมุนให้คุณ”
แต่อาจารย์ยังคงทำมัน
คุณทราบหรือไม่ก็ตาม
เขายังคงทำมัน
นี่คือเรื่องของมนุษย์
นี่คือเรื่องของมนุษย์
เรามนุษย์
ไม่ใช่แค่เราตาบอด
หูหนวก เรายัง
ไม่กตัญญู
ไม่ใช่ว่า อย่าง
เรากตัญญูมาก
สำหรับทุกสิ่งเล็กน้อย
และรู้มัน
ซึ่งดีต่อคุณ
อาจารย์ไม่ต้องการ
คำขอบใจจากคุณ
อย่างความกตัญญูจากคุณ
หรืออะไร
หรือคำขอบคุณเลย
พระเจ้า ฉะนั้นคนมากมาย
ถ้าทุกคนมาขอบคุณ
แค่เพื่อฟัง
ทั้งหมดนั่น
คุณจะเสียเวลา
ทั้งวันแล้ว
ฉะนั้น สิ่งที่ท่านหมายถึงก็คือ
อะไรก็ตาม ที่คุณรู้
และไม่รู้
อาจารย์ทำงานเพื่อประโยชน์
ของคุณเสมอ
ถ้าประโยชน์นั้น
ดีต่อคุณ
อาจารย์จะทำมัน
แต่สมองมนุษย์
ไม่รู้ตลอดเวลา
จิตคิด
จำมันไม่ได้
พวกเขาไม่รู้
บางคนพูดว่า
“โอ้ ฉันได้บำเพ็ญ
มานานแล้ว
ฉันไม่เห็นอะไรมากมาย”
แต่น้อยมาก...
โชคดี ที่มีกรณีนี้น้อยมาก
ตรงข้ามนั้นมากกว่า
ในกลุ่มของเรา
เข้ามาตลอดและพูดว่า
“โอ้ อาจารย์
ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้
ขอบคุณสำหรับสิ่งนั้น”
ซึ่งดีต่อคุณ
ไม่จำเป็น
ที่จะขอบคุณอาจารย์
ไม่จำเป็นต้อง
“ขอบคุณ”
แค่ว่า
ขอแต่คุณรู้
หมายถึงอย่างน้อย
จิตสำนึกของเรา
ถูกยกระดับสู่
จุดที่คุณทราบถึง
การทำงานอันลึกซึ้ง
ของปาฏิหาริย์ของจักรวาล
คุณรู้มันได้หรือคุณเห็นมัน
ดีกว่าที่คุณจะเห็นมัน
บ้างก็ชัดเจนเกินไป
จนคุณไม่เห็น ใช่ไหม?
กลุ่มที่แล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า
สามครั้งอย่างน้อย
ตอนที่รถอยู่ในอันตราย
ตอนที่รถอยู่ในอันตราย
และไหลลงธารน้ำแข็ง
ในฤดูหนาว
หล่อนเบรกไม่ได้
เบรกไม่ทำงาน
และหล่อนร้องว่า
“อาจารย์ หยุดรถที”
แล้วรถก็หยุด
ฉันบอกว่า
“ใครกำลังขับรถ?”
ใบขับขี่ควรเป็นของฉัน
ใบขับขี่ควรเป็นของฉัน
อย่างนั้นเป็นต้น
แล้วแน่นอน หล่อนรู้
ครั้งหนึ่ง
อาจจะไม่รู้
สองครั้ง สามครั้ง
ต้องรู้แล้ว
เหล่านี้ชัดเจนเกินไป
และมีอยู่มากมายในกลุ่มเรา
และมีอยู่มากมายในกลุ่มเรา
ไม่เหมือนกัน แต่
ปาฏิหาริย์ที่ชัดเจนเหล่านี้
เรามี
เราจึงพูดว่า “โอเค
ขอบคุณอาจารย์”
และทั้งหมดนั่น
เพียงเพราะว่าคุณเรียก
ชื่อของอาจารย์
ถ้าคุณไม่เรียก
อาจารย์
ก็อาจจะทำมัน
แต่แล้วคุณคิดว่า “โอ้
ฉันแค่หยุดรถ
ขอบคุณ”
อย่างอาจารย์
หยุดรถ
และรถหยุด
ในทันใด เบรกทำงาน
และคุณพูดว่า
“ช่างเถอะ อาจารย์
ฉันหยุดรถแล้ว”
คนอื่นๆ อาจจะพูดว่า
“อาจารย์
ถ้าท่านหยุดรถ
ฉันจะไปนั่งสมาธิกลุ่ม
ทุกสัปดาห์
ฉันจะทำการกุศล
ในวันคริสตมาส
และทั้งหมดนี้
แล้วในทันใด
รถหยุด พูดว่า
“โอ้ ช่างเถอะ
เบรกทำงานแล้ว อาจารย์
เบรกทำงานแล้ว”
ไม่ นี่แค่เรื่องตลก
ฉันยินดีที่พรรคพวก
เห็นปาฏิหาริย์เหล่านี้ได้
ยิ่งคุณกตัญญูเท่าไหร่
คุณจะยิ่งพบกับ
ปาฏิหาริย์
สิ่งที่เหมือนกันดึงดูดกัน
และยิ่งคุณเห็น
และยิ่งคุณเห็น
พลังที่กำลังทำงาน
ของอาจารย์
หรือจักรวาล
คุณจะยิ่งเห็นมัน
แค่คุณจุดฉนวน
ปฏิกิริยาลูกโซ่
แล้วยิ่งคุณ
เห็นมัน
คุณจะยิ่งได้รับ
และยิ่งคุณได้รับ
คุณจะยิ่งเห็น
คุณจะยิ่งเห็น
คุณจะยิ่งได้รับมากขึ้น
มันจุดชนวนการตอบสนอง
ที่เป็นบวกเหล่านี้
ภายในตัวคุณ หรือ
ภายในตัวตนสากล
- เพราะ
คุณอยู่ในจักรวาล
คุณเป็นหนึ่งกับ
สิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดในจักรวาล
คุณเข้าใจหรือยังตอนนี้?
ฉันยินดีที่คุณ
เป็นผู้มีความกตัญญู
เพราะ
การเป็นคนกตัญญู
นั่นสูงส่งมาก ๆ
ระดับสูงมาก
สูงส่งมาก
ถ้าเราไม่กตัญญู
เราไม่ดี
เราไม่มีคุณสมบัติดี ๆ
อะไรเลย
ฉะนั้นความกตัญญู
เป็นคุณสมบัติที่ดีมาก
ซึ่งเรา ถ้าเรามี
มันดีต่อเรามาก
มิฉะนั้น เราควร
พยายามสร้างมัน
เพราะมันดีต่อเรา
รู้สึกดี
ตอนที่เรากตัญญู
ใช่ ๆ รู้สึกดี
และพอเราไม่กตัญญู
เรารู้สึกแย่จริง ๆ
ใช่ คุณรู้สึกแย่เช่นกัน
คุณรู้สึกว่า
คุณไม่คู่ควร
และจิตสำนึกของคุณ
รบกวนคุณ ปลุก
เอาแต่เคาะ
ที่หัวใจของคุณ
“เฮ้ พรรคพวก! จงกตัญญู”
ตอนนี้
อาจารย์ไม่ใส่ใจว่า
คุณกตัญญูหรือไม่
เพราะ
ถ้าคุณขอบคุณหรือไม่ก็ตาม
พลังอาจารย์
ยังคงทำงานเพื่อคุณ
ไม่ว่ากรณีไหน
แค่ว่า มันดีกว่า
ตอนที่คุณขอบคุณ
ไม่ใช่เพราะคุณขอบคุณ
และอาจารย์มีความสุข
แต่พอคุณขอบคุณ
มันหมายถึงคุณสูง
จิตสำนึกของคุณสูงส่ง
- หมายถึงคุณเห็นมัน
คุณทราบมันได้
คุณรู้สึกถึงมัน
ดี
นี่คือการพัฒนา
ทางจิตวิญญาณ
ตอนนี้
“คุณมากมาย
แม้ว่าคุณกำลังมองหา
ชีวิตที่สมบูรณ์กว่า
จะไม่มีชีวิตเลย
ถ้ามันไม่ใช่เพราะ
ความพยายาม
ของกลุ่ม
ของเพื่อน ๆ”
อะไรคือกลุ่ม
ของเพื่อน”
ฉันบอกคุณแล้ว
ผู้บำเพ็ญ กลุ่ม
ผู้ที่อยู่ด้วยกัน
คุณช่วยกันด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ช่วยโลก
แต่ช่วยเหลือกัน
บางครั้ง
คุณมีปัญหาเล็กน้อย
และคุณพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
กับสมาชิกในครอบครัว
คุณไปนั่งสมาธิกลุ่ม
คุณพูดคุยกัน
และคนคนนั้น
มีความคิดดี ๆ ให้คุณ
และมันแก้ปัญหาให้คุณ
ให้ทิศทางที่
สว่างกว่าให้คุณ
จึงทำให้
พวกเขาบอกว่าสองหัว
ดีกว่าหัวเดียว
แต่มันขึ้นอยู่ว่า
หัวแบบไหน
แน่นอน
ถ้าอัตตาใหญ่
ก็ไม่มีจะดีกว่า
ในกรณีนั้น ไม่มีหัว
ดีกว่าสองหัว
จำเรื่องตลก
ที่ฉันอ่านให้ฟังได้ไหม?
พ่อพยายาม
อธิบายให้ลูก
เกี่ยวกับการบ้าน
และหลังจากนั้น
เขาหมดความอดทน
เขาบอกว่า
“เข้าใจไหม
เจ้าโง่?
สมมุติว่าแม่
และพ่อ และลูก
มีกี่คน เจ้าโง่?
มี่กี่คน เจ้าโง่?”
เขาบอกว่า
“คนโง่สามคน”
“คนโง่สามคน”
แต่คุณรู้เรื่องตลกนั้นแล้ว
ไม่ใช่หรือ?
บนโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์
บนโทรทัศน์สุพรีมมาสเตอร์
ทุก ๆ ครั้งที่ฉันได้ฟังเรื่องตลก
เพราะฉันเล่าให้คุณฟัง
และฉันลืมว่าวันไหน
เรื่องตลกอะไร เพราะ
พวกเขามีการรวบรวม
และพวกเขาแค่นำมา
ในครั้งหนึ่ง
ฉันจึงต้องไปฟัง
และฉันหัวเราะอีก
เรื่องตลกนั้นดีกับคุณ
เรื่องตลก กวี ดนตรี
ฉันหมายถึงที่ดี ๆ
อันที่คุณภาพดี ๆ
แม้ว่าเพลงเศร้า
แต่คุณภาพดี
มันก็ช่วยผ่อนคลายได้มาก
แม้แต่เพลงมีความสุข
บ้างเพลงไม่เอาไหนบ้าง
คุณทนไม่ได้
คุณอุดหูของคุณ
ตอนนี้ เราอ่านต่อไป
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ
ชุมชน
กลุ่มเพื่อน
นั้นสำคัญมาก
ทำให้ฉันบอกคุณ
“ไปนั่งสมาธิกลุ่ม”
นี่คือเวลาที่คุณ
เติมพลังให้คุณเอง
ในกลุ่มเพื่อน
ฉันหมายถึงเพื่อนแท้
เพื่อที่จะ
ช่วยคุณอย่างไร้เงื่อนไข
ถ้าเขาทำได้
และคุณแค่อยู่ที่นั่น
และรู้สึกได้รับกำลังใจ
คุณรู้สึกเป็นหนึ่ง
และกลุ่ม
ที่มีอุดมการณ์หนึ่งเดียวกัน
เป้าหมายสูงส่งเดียวกัน
และคุณรู้สึกดี
คุณเข้าใจกัน
คุณรักกัน
คุณรู้สึกถึงความรัก
ที่มีให้กัน
นี่คือเป้าหมายของ
สมาธิกลุ่ม
ไม่ใช่ไปที่นั่น
มองหาหนุ่มหล่อ
และสาวสวย
บางครั้ง
คุณคิดว่าคุณตกหลุมรัก
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น
มันใช้เวลา
ไปเรื่อย ๆ
ตรวจดูก่อนว่า
มันคือความรัก หรือ
ถ้ามันเป็นอย่างอื่น
โดยส่วนใหญ่ มันเป็นอย่างอื่น
“รักแรกพบ”
ไม่อยู่นานเสมอไป
ครั้งแรกจะเป็นครั้งสุดท้าย
มันอยู่ไม่นาน
และบางครั้งคุณรู้สึก
การดึงดูดทางกาย
แต่มันไม่ใช่ว่า
เข้ากันได้ในทุกระดับ
ฉะนั้นแค่ตรวจดู
อาจจะพูด และทั้งหมดนั่น
และดูว่าอะไรเป็นอะไร
โดยส่วนใหญ่
มันอยู่ได้หลายสัปดาห์
และไฟก็มอดลง
แล้วก็มีปัญหาอื่น ๆ
แล้วก็มีปัญหาอื่น ๆ
ที่เอาหลาก (เวียตนาม)
ถ้าคุณอยากแต่งงานกับสาว
พวกเขาให้คุณ
อยู่ที่บ้านหล่อน
เป็นเวลาสามปี
ฉลาดมาก ๆ
เหมือนการเดทกันในสมัยนี้
ให้แน่ใจว่า
คุณต้องการอะไร
สัปดาห์ก่อน
เรามีชาวเอาหลาก
(เวียตนาม)
ละครภาคเหนือ จำได้ไหม?
ชายหนุ่มไปขอจับมือ
หญิงสาว
แล้วพวกเขาดูมีความสุข
ด้วยกัน แต่แล้ว
ความรักเช่นนั้น
ถูกทำให้แตกแยก
เพราะการสงสัยได้อย่างไร?
สามี
โง่ขนาดนั้นได้อย่างไร?
ถ้าพวกเขามีความสุขมาก
ด้วยกันอย่างนั้น
เขาสงสัยหัวใจหล่อนได้
อย่างไรและไม่ถามหล่อนด้วย
ว่าทำไม เห็นไหม?
และแม้ว่าจะถาม
และไม่เชื่อด้วย
ฉันบอกคุณ
ความรักในโลกนี้
ไม่ได้ลึกซึ้งเสมอไปนัก
ใช่ไหม?
มันดูเหมือน
อยู่อย่างมีความสุข
ตลอดไป
พวกเขามีความสุขด้วยกันด้วย
แต่กระนั้น มันไม่ได้
มีอะไรเลย
แค่เหตุการณ์เล็กน้อย
อย่างนั้น เขาหย่าหล่อน
และทั้งครอบครัวโทษหล่อน
และทั้งครอบครัวโทษหล่อน
ความรักมากมายอย่างนั้น
ฉะนั้น เราต้องใช้เวลา
กับความรัก
บางครั้ง
หลังจากการพูดไม่กี่ครั้ง
คุณรู้สึกว่า
มันไม่ใช่ คุณต้องต้องการ
เวลาห่างกันบ้าง
แต่ถ้าคุณ
เข้าไปลึกแล้ว และ
เซ็นสัญญา และทั้งหมดนั่น
พระเจ้าช่วยคุณ
และสัญญาหนึ่งฉบับ
นำไปสู่อีกฉบับ
และสัญญาบ้าน
และสัญญารถ
และสัญญาประกันชีวิต
และสัญญาประกันชีวิต
และต่อมา สัญญาลูก
และสัญญาลูก
และสัญญาลูก
อยู่นาน 25 ปี
หนึ่งในสี่ของชีวิต
อย่างน้อย
ถ้าคุณโชคดี
มิฉะนั้นแล้ว
ก็ทั้งชีวิตจนกว่า
คุณจะแก่และ
คุณลงหลุม
แล้วคุณจะจบหน้าที่
มิฉะนั้น ก็ทำต่อไป
บางครั้ง
พวกเขาแต่งงาน
พวกเขายังคงกลับมา
คุณต้องเลี้ยงลูกให้พวกเขา
และถ้าพวกเขามีปัญหา
พวกเขาหย่า แล้วคุณ
ต้องนำเด็กหญิงกลับไป
หรือเด็กชาย
และอยู่ด้วยกัน
อีกหลายเดือนเพื่อเลี้ยงดู
โอ้ พระเจ้า ไม่มีสิ้นสุด
ตอนนี้ เราอ่านต่อไป
“คุณหลาย ๆ คนที่ยากจน
จะถูกสาบ
ถ้าคุณรวย
คุณหลาย ๆ คนยังคงรวย
เพราะการมี
ชายแห่งปัญญา
คุณหลายคน
อยู่ที่โรงเรียนของฉัน
คิดว่า
คุณได้ถูกสอนโดยฉัน
ที่จริงแล้ว คุณอยู่ทางกาย
ที่จริงแล้ว คุณอยู่ทางกาย
ขณะที่
คุณถูกสอน
ในอีกสำนักหนึ่ง”
คุณเห็นไหม? สิ่งต่าง ๆ
เราไม่เห็น
เป็นต้นว่า
ลูกศิษย์บางคนของเขา
ยากจน
แล้วในทันใด
พวกเขาร่ำรวย
เพราะปาฏิหาริย์บางอย่างหรือ
บางสิ่งเกิดขึ้นและ
สมมุติว่า มันไม่ใช่เพราะ
อาจารย์
หรือพรของอาจารย์
แล้วคนคนนั้น
จะมีปัญหา
ถูกสาป ไม่ได้หมายถึง
ถูกสาปโดยผู้คน
แต่อาจจะ
สิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น
กับพวกเขา
และบางคนรวยเพราะ
และบางคนรวยเพราะ
ผู้มีปัญญา
หมายถึงอาจารย์
ฉะนั้น สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ
คนยากจนบางครั้ง
ร่ำรวยข้ามคืน
แต่ไม่มีปัญหา
กับสถานะใหม่ของเขา
ไม่มีอิจฉา ไม่มีปัญหา
กับเพื่อนบ้าน
หรือรัฐบาล
เพราะความร่ำรวยมา
อย่างมั่นคงและปลอดภัย
สู่มือของเขา
ในอดีต มันต่างไป
จากตอนนี้
คุณรวยชั่วข้ามคืนไม่ได้
คุณรวยชั่วข้ามคืนไม่ได้
แล้วบางคนรวย
เพราะ
ผู้มีปัญญา
ฉันคิดว่าเขาหมายถึงว่า
ถ้าคุณรวย
และถ้ามันไม่ใช่
เพราะพรของอาจารย์
เพราะพรของอาจารย์
คุณอาจจะเสียสมบัติ
และรายได้ของคุณทั้งหมดไป
และรายได้ของคุณทั้งหมดไป
ถ้าอาจารย์
ไม่แนะนำคุณอย่างฉลาด
หรือถ้าอาจารย์
ไม่ทำให้คุณเดินบนหนทาง
แห่งความถูกต้องแล้ว
คุณรักษาทรัพย์สินของคุณ
และร่ำรวยต่อไป
หรือถ้าอาจารย์ไม่
อยู่ที่นั่นและปกป้องคุณ
คุณจะเสียมันไป
กับขโมย
หรือโชคร้ายอื่น ๆ
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ
เขาพูดถึงสถานการณ์
ซึ่งผู้คน
ไม่เข้าใจว่า
พวกเขาโชคดี
เพราะพวกเขาคิดว่า
“อาจารย์ทำไมไม่สร้าง
ปาฏิหาริย์ใด
ให้ฉันได้เห็น?”
ใช่ มันไม่ชัดเจนเสมอไป
ปาฏิหาริย์
ที่อาจารย์แสดง
ไม่ใช่อย่าง
“หยุดรถ อาจารย์”
หรือหาที่จอดรถ
และอะไรอย่างนั้น
และ เขายังพูดด้วยว่า
“คุณมากมาย
ที่อยู่ที่โรงเรียนของฉัน
แล้วคุณคิดว่า
คุณถูกสอนโดยฉัน
แต่ที่จริงแล้วคุณถูกสอน
จากที่อื่น”
มันหมายความว่าอะไร
คำสอนที่สูงกว่า
ในอาณาจักรที่สูงกว่า
ตอนที่อาจารย์สอนเรา
มันอยู่เหนือมิติทางกาย
เหนือมิติทางกาย
อีกชีวิตหนึ่ง?
คุณมาเรียนกับอาจารย์
คุณมาเรียนกับอาจารย์
แต่คุณยังนำ
คำสอนเก่า ๆ ทั้งหมด
จากอาจารย์ท่านอื่นมาด้วย
ถูกต้อง
ถูกต้อง
คนส่วนใหญ่มาพบอาจารย์
คนส่วนใหญ่มาพบอาจารย์
แต่พวกเขาไม่พยายามฟัง
สิ่งที่อาจารย์กำลังพูด
สิ่งที่อาจารย์กำลังพูด
และพวกเขาไม่พยายามที่จะ
เข้าใจสิ่งที่อาจารย์ต้องการ
จะถ่ายทอด
พวกเขาอยากที่จะ
ยึดมั่นในความเห็นของ
พวกเขา กับการล้างสมอง
เก่า ๆ จากที่อื่น
และยังพูดอีกว่า
“ฉันเรียนกับอาจารย์”
และใช้ชื่อของอาจารย์
แค่เพื่อถ่ายทอดความเห็น
ของตนหรือสิ่งอื่น
ที่เขาได้เรียนมา
จากที่อื่นและ
บอกว่า “อาจารย์พูดอย่างนั้น”
ทำให้คนใหม่ๆ สับสน
หรือสบสน
เพื่อนบำเพ็ญ
มันเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ฉะนั้นเราต้องระวัง
เกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียนรู้
สิ่งที่เราซึมซับ
และสิ่งที่เรา
ให้กับผู้อื่น
ฉะนั้น มันน้อยมาก
ที่คุณจะเข้าใจอย่างแท้จริง
ว่าเขาหมายถึงอะไร
ตกลงไหม?
และเขาหมายถึงว่า
มันน้อยมากที่เราจะ
เพ่งความสนใจของเรา
กับคำสอนของอาจารย์
และเข้าใจมัน
และบำเพ็ญมัน
ฉะนั้นมันจึงยากมาก
ที่จะควบคุมจิตใจ
เราได้ถูกล้างสมอง
มานานมาก
กับระบบต่าง ๆ มากเกินไป
ถูกควบคุมทางความคิด
มากเกินไป รูปแบบพฤติกรรม
ของสังคม
และทั้งหมดนั่น
ยากมาก
ที่เราจะเปลี่ยน
แต่เรายังเปลี่ยนได้
มันใช้เวลา แต่เราจะเปลี่ยน
มันคือนิสัย
เราแทนที่มันได้
ด้วยนิสัยอื่น ๆ
ต่อไป
“สิ่งทั้งหมดนี้
แปลกสำหรับ
ความคิดทั่วไปของคุณ
จนคุณไม่อยู่ในตำแหน่ง
ที่จะระลึกถึงมันได้
ที่จะระลึกถึงมันได้
งานของฉัน
เพื่อช่วยคุณ
งานแห่งการทำให้คุณ
เห็นประโยชน์นั้น
เป็นของผู้อื่น”
เป็นของผู้อื่น”
ใครเข้าใจบ้าง?
ฉันเชื่อสิ่งนั้นพูดว่า
“งานของฉันเพื่อทำมัน
แต่ไม่ใช่เพื่ออวด
งานของคนอื่น
ก็เพื่ออวดให้คุณเห็น”
อาจจะอธิบายมันให้คุณ
ใช่ ดีมาก
ใครอีกมีความคิดอื่น ๆ?
ใครอีกมีความคิดอื่น ๆ?
หรือคุณรับความคิดเห็น
ของเขา?
ใช่ ฉันคิดว่า
มันหมายถึงอย่างนั้น ใช่ไหม
บางครั้ง มันก็จริงเช่นกัน
บางครั้ง อาจารย์ไม่ใส่ใจว่า
บางครั้ง อาจารย์ไม่ใส่ใจว่า
คุณยกย่องเขาหรือไม่
ในจดหมายนี้
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คือ
เขาแค่ทำให้คุณมีความสุข
เขาแค่ทำสิ่งที่
เขาจะช่วยคุณได้
เข้าใจหรือไม่ก็ตาม
เขาไม่ใส่ใจที่จะ
อธิบายให้คุณฟัง
หรือคนอื่นอาจจะ
ชี้ให้คุณดู
“ดูนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์
เห็นไหม
ท่านทำอย่างนั้นให้ฉันด้วย
และมันเกิดขึ้นอย่างนั้น
และผลที่ได้
วิเศษมาก”
กรณีของคุณก็เหมือนกัน
เป็นต้นว่า
หรือบางครั้ง
ทั้งครอบครัว
ที่ไม่ประทับจิต
เป็นคนที่
เห็นอาจารย์
ทำปาฏิหาริย์
และบอกกับผู้ประทับจิต
มันเกิดขึ้น
และบางครั้ง
เพื่อนของคุณข้างนอก
เป็นผู้ที่รู้จักแต่
ชื่อของอาจารย์
ไม่รู้จักรูป
ของอาจารย์ด้วยซ้ำ
“โอ้ ฉันเห็นสิ่งนั้น
และคนคนนั้นมา
และช่วยคุณเมื่อวานนี้
ตอนที่ท่านมา”
และแล้ว
ตอนที่เขาอธิบาย
คุณบอกว่า
“โอ้ นั่นคืออาจารย์ของฉัน
คุณรู้จักอาจารย์ได้อย่างไร?”
และเขาจะพูดว่า
“ผมไม่รู้ ผมแค่เห็น
คุณไม่เห็นหรือ?”
“ไม่เห็น”
คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม?
มันเกิดขึ้นครับ
มันเกิดขึ้น ใช่
คุณทุกคนทราบอย่างดี
ใช่ไหม?
อย่างน้อย คุณหลายคนทราบ
หรือบางครั้ง ลูกของคุณ
สี่หรือห้าขวบ
บอกคุณว่า
“อาจารย์ ๆ กำลังมา
อาจารย์กำลังมา แม่!”
“ที่ไหน?
อาจารย์อยู่ที่ไหน?”
“ตรงนั้น!
ท่านยืนอยู่ตรงนั้น
ยิ้มให้แม่!”
“จริงหรือ?
จริงหรือ? ตรงไหน?”
มันเกิดขึ้น ใช่ไหม?
ฉันได้ยินตลอดเวลา ใช่
หรือบางครั้ง
มีแขกมาเยี่ยม
แล้วคุณพูด
เกี่ยวกับอาจารย์ว่า
อาจารย์มหัศจรรย์อย่างไร
และ
ท่านสามารถปรากฏ
ที่ใดก็ตาม เวลาใดก็ตาม
อาจารย์อยู่ทุกหนแห่ง
และทั้งหมดนั่น
แล้วเพื่อนของคุณ
แค่เพ่งไปที่มุมหนึ่ง
และเอาแต่มอง
และคุณพูดว่า
“คุณกำลังมองอะไร?”
และเขาพูดว่า
“อาจารย์ของคุณอยู่ที่นี่”
เพื่อน หัวใจบริสุทธิ์
แค่เห็นทันใด
บางครั้งเพื่อนหรือ
คนคุ้นเคย หรือเด็ก ๆ
มีนิมิต
ที่จะเล่าให้คุณฟัง
เพราะ
จิตคิดนั้นหนามาก
บางคนจึงต้อง
เป็นธรรมทูต
ช่างเถอะ มันก็โอเค
มันก็สนุกด้วย
สำหรับคนนั้นที่จะ
เชื่อในอาจารย์ด้วย
ฉะนั้น มันเป็นงานหนึ่ง
แต่สองงานเสร็จ
เอาล่ะ เพราะเขาพูดว่า
“สิ่งเหล่านี้
แปลกเกินไปสำหรับความคิด
ทั่วไปของคุณ”
ใช่แล้ว ฉะนั้นคุณจึงไม่รู้
มากนักเกี่ยวกับมัน
คุณจึงจำมันไม่ได้
แน่นอน ในโลกนี้
ทุกสิ่งเกิดขึ้น
เราต้องเห็น
ด้วยตาของเรา
แล้วเราจะรู้ว่ามันเกิดขึ้น
และคนคนนั้นทำมัน
ถ้าคุณขอให้ช่างไฟ
มาซ่อมหลอดไฟ
และมันสว่างอีกครั้ง
และคุณพูดว่า
“โอ้ เขาซ่อมมัน”
และถ้ารถเสีย
และช่างมา
ซ่อมรถและรถของคุณ
วิ่งได้อีก คุณพูดว่า “โอ้
ช่างเครื่องซ่อมมัน”
แล้วมันก็ชัดเจน
และมีข้อพิสูจน์
แต่อาจารย์
ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย
โดยไม่มีข้อพิสูจน์ เห็นไหม?
และถ้าคุณไม่มี
ตาปัญญาเปิดกว้าง
ตาปัญญาเปิดกว้าง
ยากที่จะเห็น
เพราะมันไม่เหมือนกับ
การทำสิ่งต่าง ๆ ในโลก
ไม่ใช่ตลอดเวลา
ถ้าคุณขอให้อาจารย์
หยุดรถ
ตอนที่มันไหล
ลงเหว
และมันหยุดทันที
แล้วคุณ
อาจจะเข้าใจ
เพราะมันยังไม่สามารถ
หยุดได้มาก่อนและ
เบรกไม่ทำงาน
และน้ำแข็งลื่นมาก
แล้วคุณจะ
หล่นลงเหว
ถ้ารถไม่หยุด
และถ้าคุณขอให้อาจารย์
หยุดรถและมันหยุด
แล้วคุณจะเชื่อหน่อย
และหลังจากสามสี่ครั้ง
คุณจะเชื่อมากขึ้น
แล้วถ้าหลาย ๆ สิ่ง
เกิดขึ้น
และในชีวิตของคุณ
คุณจะเริ่มเชื่อมากขึ้น
ในอาจารย์
ผู้ดูแลคุณ
แต่ไม่ใช่ทุกสิ่ง
ชัดเจนอย่างนั้น
อาจารย์
ทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย
โดยที่คุณไม่ได้ร้องขอ
เปลี่ยนชีวิตของคุณ
ทำให้คุณสบายมากขึ้น
และช่วยเหลือคุณ
ในวิถีต่าง ๆ นานา
แต่ไม่ได้รับความดีความชอบ
และไม่มีใครเห็น
และคุณเองยังไม่เห็น
นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึง
มันดีที่ฉันเลือกเรื่องนี้
ฉันไม่เคยอ่าน
ทั้งเรื่องมาก่อน
ฉันแค่เปิดหน้าหนึ่ง
และฉันเห็น
“ตอนนี้ ฉันตายแล้ว”
ฉันคิดว่า “น่าสนใจ
โอเค มาอ่านกัน”
ฉันก็กำลังอ่านมันเป็นครั้งแรก
ฉันก็กำลังอ่านมันเป็นครั้งแรก
เหมือนที่คุณได้ฟัง
เป็นครั้งแรก
และมันกลายเป็น
เรื่องที่น่าสนใจมาก
คุณทราบว่ามันเป็นเรื่อง
ที่เข้ากับคุณได้
เพราะว่าเรามีประสบการณ์
ที่คล้ายกัน ใช่ไหม?
ใช่ค่ะ
เอาล่ะ วรรคสุดท้าย
การแปลช้าเกินไป
ฉันจำได้
ตอนที่เรามี
ที่นั่งสมาธิใหญ่
อย่างที่ฟอร์โมซา (ไต้หวัน)
หรือเกาหลี
หรือบางแห่งที่ใหญ่กว่า
และมีเสียงหัวเราะ
เป็นเหมือนคลื่น
ชาวอังกฤษหัวเราะก่อน
แล้วก็เกาหลี
แล้วก็
จีน แล้วก็
เอาหลาก (เวียตนาม)
และเม็กซิกัน และ
สเปน อะไรก็ตาม
เพราะมันขึ้นอยู่ว่า
การแปลเร็วแค่ไหน
และพวกเขา
แค่หัวเราะ
สลับกันอย่างนี้
สลับกันอย่างนี้
มันน่ารัก เพราะการแปล
บางภาษา
นานมาก
ประโยคซับซ้อน
อย่างบางภาษา
คำ ๆ เดียวก็ดีพอ
แต่ภาษาอื่น ๆ
คุณอาจจะต้องมี
คำสาม สี่ หรือห้าคำ
เพื่อคำนั้น
ภาษาของคุณคืออะไร?
สเปนค่ะ
สเปน
สเปน
ก็ง่ายแล้ว
บางภาษา
นานมาก
เป็นต้นว่า ครั้งหนึ่ง
ฉันอยู่ที่ฮังการี่
และตอนที่ฉันออกไป
และถ้าฉันต้องการการแปล
ฉันรอตลอดไป
แค่สำหรับหนึ่งประโยค
ฉันพูดสั้น ๆ
ทำไมมันแปลนานมาก?
ไม่ใช่แค่การแปลประโยคนั้น
นาน
คำก็ยาวด้วย
ภาษาอังกฤษ
บางคำอาจจะเขียน
แค่หนึ่งอักษร
หรือสองตัว
และคำเดียวกันในภาษา
ฮังการี มันเขียน
ใช้สิบตัวอักษร
ทั้งคำ
ก็ยาวเช่นกัน
ใช่ ทุกภาษา
และจำเรื่องตลก
ที่เรามีแต่ก่อนได้ไหม?
การแปลภาษาญี่ปุ่น
(ครับ)
มีชาวต่างชาติคนหนึ่ง
พูดบางอย่าง
แล้วก็
มีการแปล
ทัวร์ไกด์
แล้วหลังจากแขก
พูดมากมาย
ทั้งเรื่อง
และคนอื่น ๆ
หัวเราะแล้ว
ชาวญี่ปุ่น
พูดกับพวกเขาว่า “แขก
เพิ่งจะเล่าเรื่องตลกไป
ฉะนั้นโปรดปรบมือ
และหัวเราะ”
“หลงทางในการแปล”
จำภาพยนตร์ได้ไหม?
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ในบางครั้ง
จำเรื่องตลก
“หลงทางในการแปล” ได้ไหม
ผู้ชายพูดมากมาย
และคนแปล
แค่พูดว่า
“จริงจังมากขึ้น
แค่ดูจริงจังมากขึ้น”
โอเค ตอนนี้
เราไปที่วรรคสุดท้าย
“หายนะของคุณก็คือ
ขณะที่กำลังรอฉัน
ให้สร้างปาฏิหาริย์และ
ทำการเปลี่ยนแปลง
ที่เห็นได้ให้คุณ
คุณได้ประดิษฐ์ปาฏิหาริย์
ซึ่งฉันไม่ได้สร้าง
และได้พัฒนา
ความจงรักภักดีต่อฉัน ซึ่ง
ไม่มีค่าใดเลย”
ใครบ้างไหม?
ครับ สำหรับศิษย์บางคน
พวกเขาคาดหวังบางสิ่ง
จากอาจารย์
ใช่
และนานมาก และพวกเขา
เริ่มเห็น “ภาพลวงตา
ปาฏิหาริย์” แล้ว
พวกเขาใช้สิ่งนั้น
และพวกเขาพูดว่า “โอ้
นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ทำ”
เป็นต้นว่า บางครั้ง พวกเขา
พูดว่า “อาจารย์ภายใน
บอกสิ่งนี้กับฉัน”
พวกเขาแต่งมัน ใช่
และพวกเขาบอกว่า
อาจารย์ภายใน
หรืออาจารย์บอกฉันว่า
คุณต้องทำอย่างนี้
ใช่ มันเป็นความจริง
เพราะพวกเขาต้องการอาจารย์
ให้ทำสิ่งนั้นและ
อาจารย์ไม่ได้ทำมัน
เพราะมันไม่เหมาะสม
แต่พวกเขาปรารถนา
ที่จะควบคุมผู้อื่น หรือเพื่อ
อวดว่า อาจารย์ทำอย่างนั้น
เพื่อเอาใจอัตตาของเขาเอง
และเขาบอกผู้คนว่า
“รู้ไหม ผมมีนิมิต
คุณต้องทำสิ่งนี้
อาจารย์ภายในบอกผมว่า
คุณต้องทำอย่างนั้น
คุณต้องทำอย่างนี้”
และบังคับผู้อื่น
ในความสับสน
ให้ทำสิ่งที่เขาต้องการ
เพื่อเอาใจอัตตาของเขา
และเพื่อให้ผู้คนรู้ว่า
เขาเป็นอะไรบางอย่าง
เขามีการติดต่อ
กับอาจารย์ภายใน
ซึ่งเขาไม่มี
บ่อยครั้ง ผู้คน
ที่อยู่ระดับต่ำ
แต่งเรื่องแบบนี้
แล้วที่ว่า
“...พัฒนา
ความจงรักภักดีต่อฉันซึ่ง
ไม่มีค่าอะไรเลย” ล่ะ?
มันแค่จอมปลอม
อย่าง เป็นต้นว่า
การพบอาจารย์
และอยากอวดว่า
“ฉันศรัทธาในอาจารย์”
“ฉันศรัทธาในอาจารย์”
ทำสิ่งต่าง ๆ
แต่อาจจะ
ไม่มีค่า เพราะ
มันไม่มีประโยชน์
ไม่อุทิศตนอย่างแท้จริง
ไม่อุทิศตนอย่างแท้จริง ใช่
ใช่ ๆ
แค่อยากอวดผู้อื่นว่า
เขาอุทิศตนอยากมาก
เพื่อให้เขาได้ความเคารพ
มากขึ้นและความเชื่อใจ
จากศิษย์ผู้อื่น หรือ
แม้แต่ได้ผู้ติดตามมากขึ้น
“โอ้ คนนั้น
เขาต้องเป็นหนึ่งเดียว
กับอาจารย์
เพราะดูเวลาที่
เขามองอาจารย์
เขาพยายาม
นั่งด้านหน้าเพื่อ
พบอาจารย์
และวิ่งตาม
ที่ที่อาจารย์ไป”
ผู้ที่วิ่ง
อย่างอุทิศตนอย่างแท้จริง
นั้นต่างไป
แต่บางคน
ไม่อุทิศตนอย่างแท้จริง
ภายในตนเอง
และพวกเขาแค่ทำมัน
ทำยิ่งกว่า
ศิษย์อุทิศตนอย่างแท้จริง
เพื่อได้รับความสนใจ
เพื่อดีกว่า
อุทิศมากกว่า
คนอื่น ๆ
เพื่อให้ทุกคนคิดว่า
“โอ้ เขาเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
อย่างแท้จริง
เขาอุทิศตนอย่างแท้จริง
ฉันเชื่อใจคนคนนั้นได้
เพราะเขารักอาจารย์
อย่างมาก”
นั่นคือจอมปลอม
ถูกต้อง ใช่ไหม?
เพราะเขารู้ว่า
ใครก็ตามที่รักอาจารย์
รักผู้ที่
รักอาจารย์เช่นกัน
ฉะนั้นถ้าคุณบอกว่า
หรือคุณแสดงว่า
คุณรักอาจารย์อย่างมาก
แล้วคุณจะทำให้
คนอื่นรัก
ผู้ที่รักอาจารย์อย่างแท้จริง
เพราะเขาคิดว่า
“เขาก็เหมือนกัน
เขาก็รักอาจารย์อย่างมาก
เขาก็รักอาจารย์อย่างมาก
ฉันรักอาจารย์อย่างมาก”
เขาเป็นคนที่ไว้ใจได้
เขาเป็น “ศิษย์ของอาจารย์”
ที่แท้จริงเพราะว่า
ศิษย์ที่อุทิศตนอย่างแท้จริง
นั้นอุทิศตนอย่างแท้จริง
และรักอาจารย์
เขาจึงเคารพ
และรักทุกคน
ผู้ที่เป็นอย่างเขา
เพราะเขาบริสุทธิ์มาก
เขารักอาจารย์จริง ๆ
จึงได้ประโยชน์จากมัน
จากความรัก
ที่มีให้กับอาจารย์
และรู้สึกดีเกี่ยวกับมัน
ดังนั้น ถ้าเขาจึงเห็นอีกคน
เหมือนกับเขา
เขาทำให้คนอื่นรัก
เพราะเขาบริสุทธิ์มาก
เขาคิดว่า
คนคนนั้นก็เหมือนกัน
อุทิศตนและดีมาก
นั่นคือผู้ดีจอมปลอม
ใช่
พระเจ้า อาจารย์ทราบทุกสิ่ง
พระเจ้า อาจารย์ทราบทุกสิ่ง
พระองค์ทราบทุกสิ่ง
คุณทราบทั้งหมดนั่น
ช่างน่าสมเพช
ทำให้
ฉันบอกคุณว่า ถ้าคุณ
ไปนั่งสมาธิกลุ่ม
มันเป็นเพราะว่ามันสำคัญ
ที่จะอยู่ในกลุ่ม
นักบุญที่มีความคิดเดียวกัน
คุณได้รับการสนับสนุน
คุณได้รับความรัก
คุณมีความรักแท้
และคุณอุทิศตนอย่างแท้จริง
ในอุดมการณ์ที่สูงกว่าด้วยกัน
และเพราะเหตุนั้น
เราสามารถสร้างปาฏิหาริย์
เราสามารถ
เปลี่ยนโลกได้ด้วย
เราสามารถขอให้ผู้คน
เป็นมังสวิรัติ
และทั้งหมดนั้น เพราะเรา
ทำงานด้วยกัน
เห็นไหม เป็นหนึ่ง เข้มแข็ง
เราจะเข้มแข็ง
การอุทิศตนแท้จริง
ยกระดับอย่างมาก
ดีมากต่อทั้งคู่
ดีต่ออาจารย์
และศิษย์
แต่การอุทิศตนจอมปลอม
หรือเพื่อเป้าหมายต่ำ ๆ
หรือเพื่อเป้าหมายต่ำ ๆ
นั้นแย่มาก
ทำให้หายใจไม่ออก
เป็นภาระอย่างมาก ๆ
จงให้แน่ใจว่า
หัวใจของคุณบริสุทธิ์และ
การอุทิศตนของคุณเป็น
ของแท้ คุณไม่ต้อง
อุทิศตน แต่ถ้าคุณเป็น
จงเป็นอย่างแท้จริง
และถ้าคุณไม่อุทิศตน
พยายามเรียนรู้
พยายามเรียนรู้
อ่อนน้อมมากขึ้น
มุ่งมั่นทางจิตวิญญาณมากขึ้น
มันจะดีต่อคุณมากกว่า
และผลดีจะ
คงอยู่นานกว่า
ตอนนี้เราอ่านต่อ
“และคุณจินตนาการ
การเปลี่ยนแปลงและ
ช่วยเหลือและบทเรียน
ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลง ช่วยเหลือ
บทเรียน
อย่างไรก็ดี มีอยู่
ตอนนี้ ดูว่า
จริง ๆ แล้วมันคืออะไร
ถ้าคุณคิด
และทำต่อไป
สิ่งที่ฉันบอกให้คุณทำและ
สิ่งที่ฉันบอกให้คุณคิด
แล้วคุณกำลังทำงาน
กับเรื่องของเมื่อวานนี้
ซึ่งได้ถูกใช้ไปแล้ว”
ซึ่งได้ถูกใช้ไปแล้ว”
มันหมายถึงอะไร
พระพุทธะผู้มีปัญญา?
เพราะ
ถ้าคุณทำตามอาจารย์
และคุณคิดว่า ท่านบอกให้ทำ
อะไรบางอย่าง
คุณเริ่มใช้จิตคิด
คุณเริ่มเปรียบเทียบ
คุณไม่ได้ทำ
100% อย่างแท้จริง
ใช่ เพราะคุณเริ่ม
ใช้วัสดุของเมื่อวานนี้
ซึ่งหมายถึง
ได้ถูกย่อยแล้ว
จากคนอื่น
ไม่ใช่ของใหม่ในตอนนี้
ตอนที่คุณฟังอาจารย์
ตอนที่คุณฟังอาจารย์
มันควรเป็นปัจจุบัน
และทำสิ่งต่าง ๆ อย่างปัจจุบัน
ในเวลานั้น
คุณบริสุทธิ์
คุณเรียนรู้โดยตรง
แต่ถ้าคุณใช้อะไรก็ตาม
ที่ถูกซึมซับเข้าไปแล้ว
เมื่อวานนี้ มันไร้ประโยชน์
มันยากที่จะอธิบายสิ่งนี้
ฉันรู้
เห็นไหม ทั้งหมดนี้เป็น
ของปลอม เนื่องจากคนคนนั้น
ไม่ได้บำเพ็ญอย่างขยัน
ที่จะติดต่อกับอนุตราจารย์
ภายในของตัวเอง
และแค่พยายาม
ทำตามทฤษฎี
และบางครั้ง
มันน่าเหนื่อยหน่ายอย่างยิ่ง
ฉันกำลังบอกคุณ จริง ๆ นะ
เพราะ
วิถีที่คุณแปล
สิ่งที่อาจารย์กล่าว
บางครั้ง มันผิดหมด
เพราะคุณอยากจะแปล
อย่างนั้น
เป็นไปได้ไหมครับ
ที่ในสถานการณ์อย่างนี้
เปลี่ยนไป
ได้
ฉะนั้น ถ้าอาจารย์มา
และอาจารย์
พูดอะไรบางอย่าง
ผู้คนยังคงทำมัน
หลายปีมาแล้ว
อีกหลายปีข้างหน้า
สถานการณ์
นั้นต่างไปมาก
ต่างไปมากในตอนนี้เช่นกัน
และพวกเขาเอาแต่ทำ
อย่างเก่า
ผมจำได้ ครั้งหนึ่ง
ท่านกล่าวว่าพระโมฮัมหมัด...
พระศาสดาโมฮัมหมัด ใช่
กล่าวว่า “โอเค คุณสามารถ
มีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน”
สถานการณ์เป็นอย่างนั้น
ใช่ ๆ
และเรายังคงทำสิ่งนั้นอยู่
และเรายังคงทำสิ่งนั้นอยู่
แต่สถานการณ์นั้นต่างไปแล้ว
ใช่ คุณเป็นมุสลิม
หรือเปล่า?
ไม่ครับ
ไม่หรือ? แล้วคุณทราบ
ทั้งหมดนั้นได้อย่างไร?
ท่านบอกผม
คุณดูเหมือนมุสลิมเช่นกัน
คุณดูเหมือนมุสลิมเช่นกัน
ถ้าคุณเป็นมุสลิม
คุณเข้าใจสิ่งนี้
ตอนที่พระศาสดายังมีชีวิต
พวกเขาถูกทำร้าย
และผู้ชายมากมาย
เนื่องจากต้อง
ปกป้องครอบครัว
และลูก ๆ และเพื่อนบำเพ็ญ
ชายและหญิง
ถูกฆ่าตาย
ฉะนั้น แม่ม่ายมากมาย
อยู่กับลูก ๆ
โดยไม่มีพ่อ
ฉะนั้นพระศาสดาจึงกล่าวว่า
“ดูแลพวกเขา
ภายใต้การปกป้องของคุณ”
รักพวกเขาเหมือนที่คุณ
รักภรรยาของตัวเอง”
จึงไม่จำเป็นที่คุณ
รับภรรยา
และครอบครัวและ
ปฏิบัติต่อหล่อนอย่างภรรยา
แต่รับเขาไว้
อย่างเป็นภรรยาของผู้อื่น
แต่อาจจะไม่ต้อง
มีความสัมพันธ์ทางกาย
กับหล่อนด้วย
ไม่จำเป็นอย่างนั้น
หรือคุณอาจจะมี
แต่มันแล้วแต่
ไม่ใช่ว่า
คุณรับหล่อนเข้ามา
เพราะหล่อนสวย
หรือเพราะ
คุณมีตัณหากับหล่อน
และคุณต้องการภรรยาอีกคน
มันไม่ใช่อย่างนั้น
แค่ว่า เนื่องจาก
หล่อนเป็นม่าย และ
ไม่มีใครดูแลหล่อน
และในสังคมมุสลิม
สตรีส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงาน
ใช่ไหม? มีมุสลิมไหม ที่นี่?
บอกฉันสิว่าถูกไหม
ไม่ค่ะ พวกเขาไม่ทำงาน
ใช่
ฉะนั้น เรื่องของเรื่องก็คือ
เพราะแม่ม่ายมากมาย
อยู่อย่างโดดเดี่ยวหลังจาก
ผู้ชายเสียชีวิต
เพื่อปกป้องคุณ
ในเวลา
ของพระศาสดาโมฮัมหมัด
มันต่างไป
คุณรู้ว่าพวกเขาถูกทำร้าย
อย่างไร
อาจารย์จำนวนมาก
ถูกทำร้าย
ชาติแล้วชาติเล่าอย่างนั้น
ในประเทศใดก็ตาม
ฉะนั้นพระศาสดาจึง
ต้องหนีอยู่ตลอดด้วย
ที่ใดก็ตาม ซ่อน
และศิษย์ของเขาก็เช่นกัน
บางครั้งพวกเขาไม่สามารถ
ทำอาหารตอนกลางวันด้วย
พวกเขาทำอาหาร
ได้เฉพาะตอนกลางคืน
ใช่ มันเป็นไปได้
เพราะในสมัยนั้น
ในช่วงเทศกาล
รามาดาน หมายถึง
วันเกิดของพระราม
พระศาสดาโมฮัมหมัด
บางทีอาจจะได้เรียนรู้กับ
พระรามในเวลานั้น
พระรามในเวลานั้น
ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ ราม
และในวันเกิดของท่าน
คนนับพัน
รวมตัวกันเพื่อฉลอง
แล้วแน่นอน
ในการชุมนุมใหญ่
พวกเขาต้องซ่อน
พวกเขาไม่สามารถทำอาหาร
ได้อย่างเปิดเผยตอนกลางวัน
และไปซื้อของและทั้งหมดนั้น
และเผยแพร่ทุกอย่าง
ออกไปอย่างนี้
จึงแค่ทานตอนกลางคืน
ตอนกลางคืนปลอดภัยกว่า
และกลางวันพวกเขานั่งสมาธิ
หรือฟังเทศนา
อย่างเงียบ ๆ
แต่ถ้าพวกเขาทำอาหาร
ควันออกมา
เห็นไหม?
คุณไม่สามารถซ่อนควันได้
คุณอาจจะสามารถ
ซ่อนผู้คนในถ้ำและ
ทั้งหมดนั้น ถ้าคุณเงียบ
แต่ตอนที่คุณทำอาหาร
คนนับพัน
อย่างนั้น ตอนที่
พระศาสดายังมีชีวิต
คนนับพัน
อาจจะมา
ฉลองวันเกิด
ของอาจารย์ใหญ่
พระรามเป็นหนึ่งในอาจารย์
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดีย
ฉะนั้นตอนที่พระศาสดา
ยังมีชีวิต
ผู้ชายมากมายเสียชีวิต
สละชีพ
เพื่อปกป้องอาจารย์
ไม่ใช่ว่าอาจารย์จะขอร้อง
แต่ต้องวิ่งหนี
พวกเขาอาจจะต้อง
ยืนอยู่ข้างหลัง
เพื่อหยุดศัตรูหรืออะไร
และพวกเขาก็ตาย
หรือพวกเขาแค่ยืนข้างหลัง
อย่างสมัครใจเพื่อปกป้อง
เพื่อนบำเพ็ญคนอื่น ๆ
ผู้ที่วิ่งไปแล้ว
และใครบางคน
อยู่ข้างหลัง
และนั่นคือวิธีที่พวกเขา
เสียชีวิต
และผู้ชายส่วนใหญ่อยู่
ข้างนอกและเสี่ยงชีวิต
เพื่อกลุ่ม
และเพื่ออาจารย์ด้วย
พระศาสดาโมฮัมหมัด
ไม่เคยบอกพวกเขาให้ออกไป
และต่อสู้กับใคร ไม่เคย
แต่ท่านบอกว่า ถ้าคุณตาย
เพื่อปกป้อง
ธรรมที่แท้จริง
(คำสอนที่แท้จริง)
แล้วคุณจะขึ้นสวรรค์โดยตรง
ถูกแล้ว
ถ้าคุณเกิดตาย
ท่านไม่ได้หมายถึงให้ออกไป
และตายแล้ว
คุณขึ้นสวรรค์ หรือ
ออกไปฆ่าคนอื่น
แล้วคุณตายแล้ว
คุณขึ้นสวรรค์
มันไม่ใช่อย่างนั้น
นั่นเป็นความเข้าใจผิด
นั่นเป็นความเข้าใจผิด
ของอาจารย์แท้จริงผู้อ่อนโยน
มีเมตตาและความรัก
เห็นไหม
เหมือนอย่างคนมากมาย
ผู้ที่ยึดติดกับคำสอนในอดีต
ของอาจารย์
แค่หนึ่งหรือสองประโยค
พวกเขาไม่อ่านด้วยซ้ำ
ทั้งเรื่อง
หรือทั้งไบเบิ้ล
หรือทั้งพระสูตรด้วย
แค่หนึ่ง
หรือสองประโยคและ
เอาแต่เถียงตลอดเวลา
“พระเยซูทานปลา”
เป็นต้น
คำ มันสามารถถูกแปล
ให้ต่างไปได้
แน่นอน
“ปลา” หรือ “เครื่องเคียง”
ทานกับขนมปัง
อาจจะองุ่น
หรือลูกเกดด้วย องุ่น
แต่พวกเขายืนกรานว่า
มันเป็นปลา
และความหมายอื่น ๆ -
ไม่ใส่ใจ
ถ้าคำมีสองความหมาย
อย่างน้อย
คุณต้องพิจารณา
อาจจะปลา อาจจะไม่ใช่
เห็นไหม?
อาจจะเครื่องเคียง
ตอนที่คุณทานขนมปัง
คุณทานกับอย่างอื่น
อินทผาลัม หรืออะไรอย่างนั้น
ในทะเลทราย
ชาวอาราเบียน
พวกเขาทานขนมปังกับ
อินทผาลัม อาจจะอย่างนั้น
เครื่องเคียง
แต่ไม่ ต้องเป็นปลา!
แม้ว่าคำนั้น
มีสองความหมาย
เห็นไหม พวกเขาแค่
แปลคำของอาจารย์
หรือแม้แต่
การกระทำของอาจารย์
อย่างที่คุณต้องการ
แค่ให้เข้ากับตัวเอง
ใช้พระนามของพระเยซู
พระพุทธเจ้า พระโมฮัมหมัด
อะไรก็ช่าง
เพื่อกดขี่ผู้คน
ที่ไม่ฟังคุณ
และนั่นคือเหตุ
ที่ลัทธิรุนแรงเกิดขึ้น
แล้วจากนั้น
สงครามศาสนาเกิดขึ้น
ผู้บริสุทธิ์
ได้ตาย ทุกข์ทรมานและ
ผู้อื่นก็ทุกข์
และผู้ที่ได้รับอิทธิพล
และผู้ที่ได้รับอิทธิพล
จากการแปลความผิด ๆ
ก็ทุกข์และต้อง
แบบกรรมเลวของพวกเขา
กับมัน
อาจารย์ค่ะ ฉันเรียนรู้มากมาย
จากท่าน
เพราะฉันมาจาก
ครอบครัวมุสลิม
และเป็นเวลานานมาก
ฉันไม่รู้ว่ารามาดาน
เป็นวันเกิดของพระราม
“ดาน” หมายถึงวันเกิด
และเรามีการอดอาหาร
40 วัน
และเราทานตอนกลางคืน
และเราไม่ทานอะไร
ช่วงกลางวัน
แน่นอน
ตลอดทั้งวัน
ใช่
ฉันไม่ทราบสิ่งนั้น
และฉันคิดว่า
สิ่งสำคัญที่ท่านเพิ่งจะ
สอนพวกเรา
ก็คือการแปลความที่ผิด
เพราะฉันมาจาก
ครอบครัวที่ไม่ได้ชอบ
ศาสนาฮินดู
และสำหรับพวกเขา
พวกเขาคิดว่ารามาดาน
ไม่สามารถสัมพันธ์กับ
พระเจ้าของฮินดูได้
ซึ่งพวกเขาคิดว่า
พระรามเป็นอย่างนั้น
ใช่
ฉะนั้น มันจึงเป็นความจริง
เกี่ยวกับการแปลความที่ผิด
ใช่
ตลอดชีวิตของฉัน ฉันคิด
อย่างนั้นจนถึงตอนนี้
โอ้ ฉันยินดี
ตอนนี้ฉันรู้แล้ว
ตอนนี้ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่
ขอบคุณค่ะอาจารย์
ฉันยินดีที่ฉันตอบคำถาม
ของคุณ
โดยไม่รู้ตัว!
ฉันแค่บอกมุสลิมคนนี้!
เขาดูเหมือนมุสลิม
ชายคนนั้น
ฉันแค่บอกเขา
และโชคดีที่
คุณเข้าใจ
มันเป็นไปได้ที่
พระศาสดาโมฮัมหมัด
เรียนรู้กับพระราม
อาจารย์
ในเวลานั้น
แน่นอน อาจารย์มากมาย
ไปที่อินเดีย
และเรียนรู้จากที่นั่น
ฉันก็ไปทีอินเดีย
เพื่อไปรับกุญแจ
พระเยซูก็ไปที่นั่น
ในช่วง 13 ปีที่หายไป
ของชีวิตพระองค์
และต่อมา
พวกเขาได้พิสูจน์
ที่ใดสักแห่ง
ในหนังสืออีกเล่มว่า
ท่านได้ไปยังอินเดีย
และเรียนรู้
แต่ช่างเถอะ
แม้ว่าคุณไม่เข้าใจ
มันก็โอเคเช่นกัน
แค่รู้ว่า
ฉันไม่ได้สอนอะไรที่ต่างจาก
ฉันไม่ได้สอนอะไรที่ต่างจาก
พระศาสดาโมฮัมหมัด
และฉันไม่เคยสอนคุณ
อะไรที่สุดขั้ว
หรืออะไรที่เป็นโทษ
ต่อคุณเองหรือใครก็ตาม
และสิ่งนั้นก็เพียงพอแล้ว
และสิ่งนั้นก็เพียงพอแล้ว
มีมากมายให้อธิบาย
จากอาจารย์ในอดีต
ฉันจะพูดไม่เคยจบ
ฉันจะพูดไม่เคยจบ
แค่บังเอิญ
บางครั้ง
ถ้าเรามีโอกาส
ฉันจะบอกคุณ
หลาย ๆ สิ่ง
เราเข้าใจผิด
เพราะเราไม่ได้อยู่ที่นั่น
ประการแรก
ประการที่สอง
เรายังไม่อยู่ในระดับของท่าน
เราไม่เข้าใจ
สิ่งที่ท่านทำ
เห็นไหม
ท่านฟังเสียง
ท่านไปยังถ้ำ
และเทวดาเกเบรียล
มาหาท่าน
คุณทราบไหม?
ท่านนั่งตรงนั้นและฟังเสียง
ท่านนั่งตรงนั้นและฟังเสียง
แน่นอนท่านเห็นนิมิต
และทั้งหมดนั่น
เหมือนกับอาจารย์ทุกท่าน
เห็นไหม ในช่วง
ของพระศาสดาโมฮัมหมัด
แน่นอน ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน
แน่นอน ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน
ท่านจึงแค่ฉลอง
วันเกิดของอาจารย์ของท่าน
เพราะท่านเรียนรู้ที่อินเดีย
ท่านจะไม่อยู่ที่อินเดีย
แต่ท่านกลับบ้าน
ตามคำสั่งของอาจารย์
ของท่านให้กลับบ้าน
และเผยแพร่คำสอน
และสอนพี่น้องของท่าน
และสอนพี่น้องของท่าน
หรือท่านอาจจะ
กลับบ้าน
เพราะท่านไปที่นั่น
และร่ำเรียนและ
ท่านไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป
และท่านกลับบ้าน
เหมือนคุณมาที่นี่
มาหาฉัน
แล้วคุณกลับบ้าน
แล้วหลังจากคุณนั่งสมาธิ
เป็นเวลานาน
แม้ว่าคุณไม่สามารถพบกับ
อาจารย์ได้ แต่คุณติดต่อ
ภายใน
เพราะความบริสุทธิ์ของคุณ
แล้วอาจารย์มา
และบอกคุณ
แต่บางที ท่านไม่สามารถ
บอกว่า “อาจารย์มา
และบอกฉัน”
หรืออาจารย์ส่งเทวดา
เกเบรียลมา
มันถูกต้องเช่นกัน
ทุกสิ่งถูกต้อง
เพื่อบอกท่านว่า “โอเค
ถึงเวลาที่ท่านออกไปแล้ว
ตอนนี้และ
อย่านั่งในถ้ำตลอดไป
ท่านต้องออกไป
และช่วยพี่ชายพี่สาว
และช่วยพี่ชายพี่สาว
ให้รู้แจ้ง
มันโอเค
คุณได้รับอนุญาต”
และมันเป็นระยะทาง
ที่ยาวมาก
ระหว่างอิหร่านและอินเดีย
คุณไม่สามารถแค่
กลับไปกลับมา
ได้ตลอดเวลา
และถ้าอาจารย์บอกเขา
“เผยแพร่คำสอน
ที่อิหร่าน” แล้วนั่นคือที่
ที่ท่านจะเผยแพร่คำสอน
ที่ท่านจะเผยแพร่คำสอน
แม้ว่าจะมีภยันตราย
รอบตัวท่าน
ทุกครั้ง
อาจารย์ออกมา
มันมีอันตราย
ไม่ว่าอายุเท่าไร
มันเป็นบางสิ่ง
ที่ผู้คนรู้สึกแปลก
เพราะมีศาสนา
ที่ก่อตั้งอยู่แล้ว
เห็นไหม?
ตอนที่พระศาสดาโมฮัมหมัด
ยังมีชีวิต พวกเขาไล่ตามท่าน
ทุกหนแห่ง
พวกเขาทำร้ายศิษย์
ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่บูชาในความบริสุทธิ์
และเรียนรู้ความถูกต้อง
แม้ว่าอย่างการเป็นมนุษย์
พวกเขาไม่เคย
ทำอะไรผิด
พวกเขาทำร้ายพวกเขา
ทุกหนแห่ง
แล้วพวกเขาต้อง
ซ่อนตัวทุกหนแห่ง
ไม่มีบ้านด้วยซ้ำ
และทั้งหมดนั่น
และทุกวันนี้
สุเหร่าใหญ่ทุกหนแห่ง
คนนับล้านมา
ดูที่กำแพง
และตอนที่พระศาสดา
ยังมีชีวิต
มันยากมากสำหรับพวกเขา
ที่จะมาพบท่าน
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ทำให้พวกเขาบอกว่า
ครั้งหนึ่งในชีวิต
คุณต้องไปที่เมกกะ
เมกกคะคือตอนที่อาจารย์
ก่อตั้ง
ครั้งสุดท้ายในเวลานั้น
ท่านอาจจะไม่
สามารถอยู่ได้นาน
ต่อมาท่านต้องย้ายไปที่เมดินา
และ ฯลฯ
และถูกทำร้าย
ตลอดเวลา
แม้แต่บาไฮ
อาจารย์ของบาไฮ
ก็ถูกทำร้าย
และเข้าคุก
และทั้งหมดนั่น ฯลฯ ๆ
มันไม่ปลอดภัยที่ไหนเลย
ถ้าคุณต้องการไปชุมนุม
ในกลุ่มใหญ่อย่างนั้น
อาจารย์ แน่นอน
จะไม่ฉลองวันเกิดของท่าน
จะไม่ฉลองวันเกิดของท่าน
ในประเพณีมุสลิม
คุณไม่ได้กล่าวถึง
วันเกิดของพระศาสดา
และฉลองวันเกิดนี้
แต่รามาดาน ทำไม?
เนื่องจาก
ตอนที่อาจารย์ยังมีชีวิต
ท่านอ่อนน้อมมาก
อาจารย์ของท่านอาจจะ
ยังคงมีชีวิต
หรือแม้ว่าหลังจาก
ที่อาจารย์ของท่านตายไปแล้ว
ท่านยังคงฉลอง
วันเกิดของอาจารย์
นี่ก็เป็นประเพณี
ในศาสนาฮินดูเช่นกัน
ถ้าคนหนึ่งออกมา
หรืออาจารย์เพิ่งเสียชีวิต
และเขาเป็นผู้สืบทอด
ปกติแล้วเขาจะแค่
พูดว่า
“อาจารย์ของฉันกล่าวอย่างนั้น
อาจารย์ของฉันกล่าวอย่างนี้
อาจารย์ของฉันยิ่งใหญ่”
เหมือนกับมิลาเรปา
คุณจำได้ไหม?
ประเพณีนี้
ความอ่อนน้อมของอาจารย์
หรือเขาจะพูดว่า
ถ้าอาจารย์ไม่อยู่ที่นั่น
หรือว่ามันไม่สะดวก
ที่จะกล่าวถึงอาจารย์
หรืออาจารย์อาจจะ
ไม่สูงอย่างตัวเอง
แล้วคุณอาจจะกล่าวว่า
“พระเจ้า” หรือ “สวรรค์”
หรือ “พรแห่งสวรรค์”
อะไรอย่างนั้น
แทบจะไม่กล่าวถึงว่า
มันคือตัวคุณเอง แต่
เว้นแต่ในกลุ่มลูกศิษย์
และตอนที่ลูกศิษย์
ถามคำถามตรง ๆ
“อาจารย์
ท่านหยุดรถของฉัน”
และทั้งหมดนั่น แล้ว
คุณอาจจะพูดว่า “โอ้”
และเราเล่าเป็นเรื่องสนุก
แต่มันไม่ใช่อย่าง
อาจารย์รู้สึกภูมิใจ
และยิ่งใหญ่เสมอ
ในตนเอง
หรือประกาศมัน ไม่ใช่อย่าง
โอ้อวด
อะไรอย่างนั้น
ตอนนี้คุณเข้าใจใช่ไหม?
เขาจึงฉลองรามาดาน
เพราะนั่นคืออาจารย์ของท่าน
วิเศษค่ะ
“ดาน” เป็นคำในฮินดู
ในสันสกฤต
แปลว่า “วันเกิด”
เรามี “พุทธะดาน” เช่นกัน
และตอนที่มันถูกแปล
เป็นเวียตนาม
มันกลายเป็น “แดน”
“แดนซาน” หมายถึง
วันเกิดของพระพุทธเจ้า
“แดนของพระพุทธเจ้า”!
รามะเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
ในประเพณีฮินดู
ท่านไม่ใช่ชาวฮินดูด้วยซ้ำไป
แน่นอน
ท่านเป็นสากล
คุณนึกออกไหม? ว่ามันเป็น
การฉลองที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น!
แน่นอน
คนนับหมื่น
มาพบท่านและ
ท่านไม่มีที่
ที่จะรับรองคนทั้งหมด
พวกเขาจึงต้อง
อยู่ที่ไหนสักแห่ง
ในทะเลทราย
มันก็ยากที่จะซ่อนตัว
พวกเขาจึงไม่สามารถ
ทำอาหารที่นี่ เตา
และควันตรงนั้น
และควันตรงนั้น
ควันทุกหนแห่ง
แล้วรัฐบาล
จะรู้ว่า
มีการชุมนุมใหญ่
เห็นไหม?
แม้ว่าพวกเขาอยู่ในป่า
ก็ไม่มีป่าละเมาะอย่างนั้น
ที่อิหร่าน
ไม่มีป่าหนาด้วย
ป่าบาง ๆ ถ้าคุณทำอาหาร
ตอนกลางคืน
ไม่มีใครเห็น
อะไรก็ตามที่อาจารย์พูด
และคุณคิดถึง
บทเรียนต่าง ๆ
ที่อาจารย์ไม่ได้มอบให้คุณ
ด้วยซ้ำไป
และคุณนึกถึงการเปลี่ยนแปลง
และทั้งหมดนั่น
คุณจินตนาการถึงมันในหัว
และคุณ
ต้องการให้มันเกิดขึ้น
และคุณบอกทุกคน
และถ้าคุณ
มีจิตที่แข็งพอ
และอัตตาของคุณใหญ่พอ
ทะเยอทะยานสูงพอ
คุณจะมีผู้ติดตาม
มากมาย
แล้วจากกลุ่มผู้ติดตาม
มากมาย
พวกเขานำไปสู่
กลุ่มผู้เพิกเฉยแล้ว
กลุ่มคนโง่
เรียกคนอีกกลุ่ม
ทำให้มันเป็นกลุ่มใหญ่
ยิ่งผู้ติดตามมาก ยิ่งดี
และพวกเขาแค่
ทำให้ตัวเองใหญ่โต
ในอัตตา
แต่พวกเขาต้องการความรุ่งโรจน์นี้
พวกเขาเห็น “โอ้ อาจารย์
ได้รับการบูชา
จากทุกคนและ
เป็นที่รักโดยคนมากมาย”
แต่พวกเขาไม่เห็น
พลังของอาจารย์
พวกเขาแค่เห็น
“โอ้ นี่เป็นแค่คนหนึ่ง
ที่นั่นตรงนั้น”
พวกเขาพูด
และแปลหนังสือ
“ฉันทำอย่างนั้นได้”
เขาดูเหมือน
มีวาทศิลป์มากกว่า
ด้วยซ้ำ
และแน่นอน
คนโง่ฟังเขา
คนโง่ฟังเขา
และเข้าใจเขา
และพวกเขาทุกคน
ไม่เข้าใจ
ก็โอเคเช่นกัน
พวกเขาไม่ใส่ใจ!
กี่คนที่เข้าใจ
คำสอนที่แท้จริง
ของพระเยซูและ
พระศาสดาโมฮัมหมัด
หรือพระพุทธเจ้าหรือมหาวีรา
เป็นต้น? กี่คน?
ศิษย์มากมาย
แต่มีไม่กี่คนที่เข้าใจ
แต่มีไม่กี่คนที่เข้าใจ
มันเป็นอย่างนั้น!
ตอนที่พระพุทธเจ้า
ยังมีชีวิต
อีกคนแข่งกับท่าน
อีกคนแข่งกับท่าน
ลูกพี่ลูกน้องของท่าน
เพราะเขาอิจฉา
ชื่อเสียงและการชื่นชม
จากศิษย์ของท่าน
และเขาต้องการทำเช่นกัน
และเขามี
ผู้ติดตามมากเช่นกัน!
ในยุคใดก็ตาม
มีใครบางคนเสมอ
ที่ทำอย่างนั้น
คนเหล่านี้
ไม่เพียงไม่บำเพ็ญ
ไม่พัฒนา และหยุดยั้ง
ให้คนอื่นมา!
อย่างเช่น พวกเขาแค่ไปข้างในนั้น
และแค่สร้างปัญหา
แล้วต่อมา
พวกเขาไม่บำเพ็ญ
และพวกเขาแค่
แปลบางสิ่งและ
พูดเสมอว่า “โอ้
ฉันเป็นพุทธะแล้ว
อาจารย์บอกฉัน”
ถ้าอาจารย์บอกคุณว่า
คุณเป็นพุทธะแล้ว
คุณเป็นพุทธะแล้ว
ทำไมคุณหยุดให้ผู้อื่นมา?
เป็นต้น
ถ้าคุณเป็นพุทธะ
แล้วอาจารย์บอกคุณ
แล้วคุณต้องทำงาน
กับพุทธะ ใช่ไหม?
ทำงานกับอาจารย์
ไม่ใช่ต่อต้านอาจารย์
ฉะนั้น คุณจึงเห็นได้
แต่กระนั้น บางคนฟัง!
เพราะคนกลุ่มเดียวกัน
ไม่บำเพ็ญเช่นกัน
แค่อยากเข้ามา
เพื่อปาฏิหาริย์ของอาจารย์
คาดหวังสิ่งนี้และสิ่งนั้น
และตอนที่มันไม่เกิดขึ้น
พวกเขาคิดค้นบางสิ่งขึ้นมา
พวกเขาบอกว่า
“อาจารย์ภายใน
บอกฉันอย่างนี้
ฉันมีนิมิตอย่างนี้ อย่างนั้น...”
มันไร้สาระ
ช่างน่าสมเพช
อย่างไรก็ดี บางครั้ง
อาจารย์พูดบางสิ่ง
และผู้คนแปลมัน
เป็นอย่างอื่น
และทำอย่างนั้นต่อไป
และไม่ปฏิบัติตาม
ขั้นตอนอื่นๆ
อาจารย์อาจจะบอก
คนคนนั้นว่า
และมีเพียงคนคนนั้น
ที่เข้าใจอย่างแท้จริง
เพราะมันแค่สำหรับเขา
แล้วทุกคน
พยายาม
มองดู
และแปลมัน
ในวิถีที่ต่างไป
แล้วมันต่างไป
ทำให้ในศาสนาหนึ่ง
มีหลายนิกายด้วย
พวกเขาต่างคิดว่า
พวกเขาถูก
สิ่งนั้นไม่ถูกต้อง
แม้แต่ตอนที่อาจารย์
ยังมีชีวิต
ศิษย์ของเขาแค่
ปกป้องตนเอง
ไม่ได้ออกไป
และสร้างสงคราม
กับคนอื่น
โดยเฉพาะ
ในครอบครัวเดียวกัน
สมมุติว่าพวกเขาฆ่า
ศัตรูบางคน
นั่นคือสถานการณ์ของพวกเขา
พวกเขาต้องทำ
ทุกวันนี้มันเป็นอิสระมาก
คุณสามารถอยู่กลุ่มไหนก็ได้
ไม่มีใครว่าอะไร
ทำไมคุณต้องต่อสู้กัน
ทำไมคุณต้องต่อสู้กัน
และฆ่ากัน
ฆ่าผู้บริสุทธิ์
ไม่มีใครขึ้นสวรรค์อย่างนี้
ฉันบอกคุณตามตรง
ฉันบอกคุณตามตรง
ในนามของพระเจ้า
ไม่มีใครแค่ออกไป
ฆ่าผู้บริสุทธิ์
อย่างไม่เลือก
และขึ้นสวรรค์
ในนามของอะไร?
ไม่ใส่ใจว่า
ในนามของพระเจ้า
หรือนามของปีศาจ
ไม่มีใครขึ้นสวรรค์อย่างนี้
ไม่มีใครขึ้นสวรรค์อย่างนี้
ไม่มีศาสดาองค์ใด
สอนอย่างนั้น
คุณเคยเห็นอย่างนั้น
ในโกรานไหม? ไม่มี
พระศาสดาแค่กล่าวว่า
“โอเค ถ้าคุณเกิดเสียชีวิต
“โอเค ถ้าคุณเกิดเสียชีวิต
รู้ไหม ในการปกป้อง
คำสอนที่แท้จริง
หรือปกป้องพี่ชายพี่สาว
แล้ว
คุณขึ้นสวรรค์โดยตรง
และสิ่งนั้นถูกต้อง!
แค่เพราะ
มันเกิดขึ้นว่า
ผู้คนทำร้ายพวกเขา
และถ้าเขายื่นมือ
ไปหยุดพวกเขา
เพื่อให้ผู้อื่นวิ่งหนีไปได้
แล้วเขาเสียชีวิต
แล้วในกรณีนั้น
เขาขึ้นสวรรค์
แน่นอน
แต่เขาไม่ได้ออกไป
และพยายามฆ่า
คนที่ไม่เชื่อภายนอก
ไม่
พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
ในสมัยของพระศาสดา
โมฮัมหมัด
ไม่ พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
พวกเขาแค่ปกป้องตนเอง
พวกเขาแค่ปกป้องตนเอง
และในการปกป้อง
และในการปกป้อง
พวกเขาอาจจะตายหรือ
พวกเขาอาจจะทำร้ายศัตรู
อย่างไม่ตั้งใจ
เป็นต้นว่า เขาใช้หิน
กันตนเอง
แล้วศัตรูอาจจะ
อยากไล่ฆ่าเขา
อยากไล่ฆ่าเขา
แล้วเขาปล่อยก้อนหิน
บนศัตรู
แล้วศัตรูตาย
เขาไม่ได้ตั้งใจ
หรือเขาอาจจะแค่ใช้ไม้
หรือเขาอาจจะแค่ใช้ไม้
ปกป้องตนเอง
แล้วศัตรู
อาจจะล้มลงบนไม้
และตาย
ไม่ใช่ว่า
เขาตั้งใจฆ่าเขา
ชาวมุสลิม
ที่อยู่ภายใต้พระศาสดา
ไม่เคยออกไปฆ่าใคร
และเป็นไปไม่ได้ที่
พระศาสดา
บอกพวกเขาทำอย่างนั้น
ท่านไม่เคยทำ
ฉันดูละครมุสลิมเรื่องหนึ่ง
ฉันดูละครมุสลิมเรื่องหนึ่ง
และมันน่าจะมาจาก
ประวัติศาสตร์
พวกเขาทำทุกครั้ง
ทุก ๆ ครั้ง ในช่วงรามาดาน
พวกเขาสร้างละคร
คล้าย ๆ กันตลอดเวลา
และในละครเรื่องนั้น
ศิษย์ของอาจารย์คนหนึ่ง
ลูกศิษย์ของพระศาสดา
กล่าวกับผู้อื่นว่า
“พระศาสดาบอกเรา
ไม่ให้ฆ่าใคร
ไม่ให้สร้างสงคราม
เราจึงแค่ไม่ทำอะไร
เราแค่อยู่ที่นี่ และ
ดูว่าจะหยุดพวกเขาอย่างไร”
เท่านั้นเอง
หรือแค่ว่า “เราไม่ออกไป
และสร้างการสู้รบ
กับพวกเขาเนื่องจาก
พระศาสดาบอกว่า “ไม่””
ในละคร ฉันได้ยินอย่างนั้น
พวกเขาเล่นมันซ้ำอีกครั้ง
เหมือนทุก ๆ คริสต์มาส
พวกเขาเล่นละคร
ในคอกสัตว์ซ้ำ ๆ
พวกเขาเล่นแล้วเล่นอีก
ทุก ๆ คริสต์มาส
ดังนั้น ต้องเป็นประวัติศาสตร์
อย่างแน่นอน เห็นไหม?
แม้ว่าทุกวันนี้
พวกเขาเล่นอย่างนั้น
พวกเขายังคงกล่าวว่า
“พระศาสดาไม่ได้บอกเรา
ให้ออกไปต่อสู้
เราจึงแค่เก็บเงียบและ
พยายามเลี่ยงศัตรู”
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพูด
ในละคร
ฉันไม่มีเวลา
ดูทั้งเรื่อง
แต่ฉันเห็นส่วนใหญ่ของมัน
ในแนวทางแห่งสันติสุขนี้
ที่พระศาสดา
ได้สอนพวกเขา
แม้ว่าอยู่ภายใต้
การทำร้ายรุนแรงอย่างนั้น
การทำร้ายรุนแรงอย่างนั้น
แม้แต่พระเยซู
ผู้คนทำร้ายพระองค์
ตลอดเวลาและท่าน
มีลูกศิษย์มากมาย
ท่านสามารถปฏิวัติ
และผู้คนจะฟังท่าน
และผู้คนจะฟังท่าน
ด้วยปาฏิหาริย์ทั้งหมด
ที่ท่านทำ ทุก ๆ คน
จะฟังท่าน
และท่านสามารถเอาชนะ
รัฐบาลได้ อย่างน้อยก็
รัฐบาลท้องถิ่นอย่างง่ายดาย
ท่านสามารถสู้และ
วิ่งหนีด้วยซ้ำไป
ปกป้องชีวิตของท่าน
แต่ท่านไม่ทำ
อาจารย์ทุกคน
สงบสุขอย่างนั้น
ฉะนั้น มันจึงเหมือนกัน
ตอนที่คุณเห็นอย่างนั้น
รู้ไหม
พระเยซูเป็นผู้ยิ่งใหญ่
และตอนที่คุณทราบสิ่งนั้น
รู้ไหม พระโมฮัมหมัด
เป็นพระศาสดาผู้ยิ่งใหญ่
ไม่มีอาจารย์ท่านใด
ต้องการให้ศิษย์ของเขา
ออกไปฆ่าศัตรู ไม่
ออกไปฆ่าศัตรู ไม่
มันกล่าวไว้ทั่วโกราน
มันกล่าวไว้ทั่วโกราน
เราเรียบเรียงไว้
คำกล่าวทั้งหมด
ของพระศาสดาต่าง ๆ
และเราเขียนมัน
อย่างชัดเจน
ให้ทุกคนได้เห็น
ฉันหวังว่าสิ่งนี้ช่วย
ให้ผู้คนในศาสนาต่าง ๆ รู้แจ้ง
ให้ผู้คนในศาสนาต่าง ๆ รู้แจ้ง
ทำให้
ฉันบอกให้พวกเขาทำมัน
มันคุ้มค่า!
แทนที่จะใช้เวลา
ออกอากาศ
โฆษณา
และทำเงิน
เราใช้เวลาออกอากาศ
เพื่อประโยชน์ของทุกศาสนา
ทุกคน ด้วยหวังว่า
พวกเขาสร้างสันติสุขต่อกัน
พวกเขาสร้างสันติสุขต่อกัน
มันกำลังได้ผล
คุณทราบไหมว่า
มีกษัตริย์แห่งอาราเบีย
กษัตริย์แห่งซาอุดิอารเบีย
ท่านจัดการประชุม
ต่างศาสนา หลาย ๆ ครั้ง
จำได้ไหม?
ค่ะ
อวยพรพระองค์
ท่านต้องเป็นกษัตริย์
ที่รู้แจ้งอย่างมาก
และเป็นผู้มีเมตตาอย่างมาก
และท่านช่วยหลายประเทศ
คนมากมาย
ไม่ใช่แค่คนของท่าน
แต่ประเทศอื่น ๆ ด้วย
อวยพรจิตวิญญาณพระองค์
นี่คือมุสลิมที่แท้จริง
นี่คือจิตวิญญาณของมุสลิม
ที่แท้จริง
สันติสุขและการร่วมมือกัน
เอาล่ะ
ฉันทำงานของฉันเสร็จแล้ว
คุณจะทำงานของคุณ
- คุณย่อยมัน
และคุณกลับบ้าน
คุณเผยแพร่
ให้กับผู้อื่น
ทำให้มันเป็นสมบัติของคุณ
ใช่ค่ะ
มันเป็นจดหมายที่ดีมาก
ของอาจารย์
ขอบคุณท่าน
สันติสุขมีแด่ท่าน
เมอร์ซ่า อับดุล ฮาดิ คาน
แห่งบุคารา
เป็นชื่อที่เพราะมาก
ฉันไม่เข้าใจทั้งหมดนั่น
ฉันไม่เข้าใจทั้งหมดนั่น
แต่มันฟังเพราะมาก
และที่ที่ท่านอยู่
ก็ดีมาก – บุคารา
สวยงาม!
ภาษาอาหรับ
เพราะมาก
ชื่อของเมือง
ฟังเพราะมากเช่นกัน
อย่างคาดาฮาร์
มันฟังดูดีมาก!
ช่างน่าเสียดาย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ
ความเข้าใจผิด
ของศาสนาต่าง ๆ
ถ้าผู้คนเรียนคำสอน
ของศาสนาของพวกเขา
อย่างแท้จริง อย่างดีมาก
จะไม่มีสงครามระหว่างศาสนา
จะไม่มีสงครามระหว่างศาสนา
ไม่ต้องพูดถึง
ในศาสนาเดียวกัน เห็นไหม?
มันต้องหยุด
มวลมนุษย์ต้องมีความบ้าคลั่ง
หนึ่งวันก็เพียงพอแล้ว
แต่ฉันบอกอะไรให้
แม้ว่าสงครามมากมาย
ผู้คนตายเพราะความหิวโหย
มากยิ่งกว่า
ผู้ลี้ภัยจากอากาศเปลี่ยนแปลง
มีอยู่ 25 ล้านคนในตอนนี้และ
ผู้ลี้ภัยทั้งโลก
มีอยู่ 60 กว่าล้านคน
หนึ่งในสามเกิดจาก
อากาศเปลี่ยนแปลง
ซึ่งไม่มีคนรู้
อีกสี่สิบล้านคน
เป็นที่ทราบกัน
บ้างก็รู้ บ้างก็ไม่รู้
แต่อย่างน้อยพวกเขา
มีสถานะผู้ลี้ภัย
แต่ผู้ลี้ภัยสภาพอากาศ
ไม่มีใครสนใจ
และพวกเขากำลังตาย
ไม่มีใครใส่ใจ
พวกเขาไม่มีสิทธิ์ใด ๆ เลย
ของข้อตกลงใด
ที่จะปกป้องพวกเขา เห็นไหม
พวกเขาถูกปล่อยทิ้งไว้
ให้ต่อสู้ด้วยตนเอง
เพื่อลูก ๆ ของพวกเขา
เหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัย
ที่แท้จริง
และฉันไม่เข้าใจเลยว่าจะช่วย
พวกเขาได้ที่ไหน อย่างไร
พวกเขามีอยู่
ทุกหนแห่ง
พวกเขาไม่มีเสียงด้วย
ไม่มีเสียง
เกาะหลายประเทศจมลง
แล้วพวกเขาต้อง
ไปยังเกาะเพื่อนบ้าน
และเกาะเพื่อนบ้าน
ก็กำลังจม
และพวกเขาย้ายแล้ว
ย้ายอีก
คุณอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร?
คุณอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร?
คุณอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร?
คุณหาเงินให้ครอบครัว
คุณหาเงินให้ครอบครัว
ในสถานการณ์อย่างนี้
ได้อย่างไร ที่คุณไม่มีบ้าน
ไม่มีสถานะ ไม่มีประเทศ
และไม่มีใครสนใจ ไม่มีสิทธิ์
พวกเขามีชีวิต
อยู่ที่ขอบของสังคม
พวกเขาเป็นคนชั้นสาม
พวกเขาเป็นคนชั้นสาม
ไม่ใช่แม้แต่ผู้ลี้ภัยสงคราม
และนั่นก็เพิ่ง
จากเมื่อปีที่แล้ว
ฉันไม่รู้ว่ามีอีกมากเท่าไหร่
ในตอนนี้
และพวกเขาทำนายว่าในปี
2010 แค่อีกสองปี
หรืออีกปีครึ่ง
หรืออะไร
จะมี 50 ล้านคน
เป็นสองเท่าของตอนนี้
และนั่นเป็นแค่การประมาณ
และนั่นเป็นแค่การประมาณ
มันอาจจะมากกว่านั้น
ฉันไม่มีคำใดจริง ๆ
ฉันไม่มีคำใดจริง ๆ
ที่จะพูดถึงเผ่าพันธุ์
สิ่งที่เราเรียกว่า ‘มนุษย์’
บางคนไม่ได้อยู่อย่างมนุษย์
จริง ๆ แล้ว
พวกเขาอยู่อย่างในนรก
ความทุกข์ไม่มีสิ้นสุด
ฉันแค่ภาวนาจริง ๆ
ให้วันหนึ่ง ทุกคน
จะเปลี่ยนและ
อยู่อย่างมนุษย์ที่แท้จริง
อย่างมีเมตตา
และความรัก ซึ่งเรามี
มวลมนุษย์มีความรัก
และความเมตตาในพวกเขา
พวกเขามี!
พวกเขาแค่เลือก
ที่จะไม่เห็นมัน
เลือกที่จะไม่ใช้มัน
ฉันจึงแค่หวังว่าวันหนึ่ง
เราทุกคนจะตื่น
และระลึกได้ว่า
เพราะนั่นเป็นเพียงชีวิตเดียว
ที่คู่ควรต่อการมีชีวิต
ด้วยความรักและเมตตา
ถ้าไม่มีความรัก
และความเมตตา
เราเป็นอะไร?
ถ้าเราแค่รักครอบครัวเราเอง
และญาติ
สัตว์ก็ทำเช่นกัน
ทำไมเราประกาศว่า
เราดีกว่าสัตว์
แล้วเราทานพวกเขาได้ด้วย?
แล้วเราทานพวกเขาได้ด้วย?
คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม?
เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
รู้ไหม?
แม้แต่กับคนแปลกหน้า
จึงทำให้
ตอนที่ฉันออกไป
ฉันไม่รู้สึกว่า
ใครแปลกหน้าสำหรับฉันเลย
ไม่เคยเลย
ทำให้ฉันเชื่อใจพวกเขา
ฉันรักพวกเขา
เหมือนที่ฉันรักคุณ
ฉันไม่เคยรู้สึกว่า “โอ้
นี่คือคนแปลกหน้า ระวังนะ”
ฉันไม่รู้สึกห่างเหิน
ระหว่างฉันกับพวกเขาเลย
ไม่เคยเลย ไม่มีใครเลย
ไม่ว่าใครก็ตาม
อาจจะคนไร้บ้าน
หรือคนขายของ เสมียน
หรือนายธนาคาร
อะไรก็ช่าง ฉันรู้สึกว่า
พวกเขาเป็นเหมือนคุณ
เชื่อถือได้มาก
ใกล้ชิดมาก
และสัมพันธ์ทางสายเลือด
ด้วยกันอย่างครอบครัว
มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากด้วย
มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากด้วย
คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
อย่างอยู่กับทุกคน
แม้ว่าฉันไม่พูดภาษานั้น
แม้ว่าฉันไม่พูดภาษานั้น
มันไม่สำคัญสำหรับฉัน
ฉันรู้สึกถึงความสัมพันธ์ทันที
ถ้าฉันเห็นใคร ฉันรู้สึกว่า
“พวกเขาคือคนของฉัน!” ใช่
เราพูดกันได้ตลอดไป...
คุณนั่งสมาธิ โอเค?
โอเค ผู้คนที่น่ารัก
ฉันอาจจะพบกับคุณใหม่
ขอบคุณค่ะ อาจารย์
ขอบคุณอย่างมากค่ะ
ด้วยความยินดี
ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
ขอบคุณท่านอาจารย์ ขอบคุณ
สำหรับพระพรของท่านค่ะ