Tip:
Highlight text to annotate it
X
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
1] ฏอ ซีน มีม
2] เหล่านี้คือโองการทั้งหลายอันชัดแจ้ง
3] บางทีเจ้า (มุฮัมมัด) เป็นผู้ทำลายชีวิตของเจ้า เพราะพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
4] หากเราประสงค์ เราจะให้มีสัญญาณหนึ่งจากฟากฟ้ามายังพวกเขา แล้วคอของพวกเขาก็ยอมก้มลมต่อมัน
5] และไม่มีข้อตักเตือนใหม่ อันใดจากพระผู้ทรงกรุณาปราณี เว้นแต่พวกเขาจะผินหลังให้กับมัน
6] แล้วแน่นอนพวกเขาได้ปฏิเสธ ดังนั้นข่าวคราวที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยมันนั้นก็จะมายังพวกเขา
7] พวกเขามิได้มองไปยังแผ่นดินดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วที่เราได้ให้มันงอกเงยออกมาจากทุกชนิดที่ดีมีประโยชน์
8] แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
9] และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
10] และจงรำลึก เมื่อพระเจ้าของเจ้าทรงเรียกมูซาว่า จงไปยังหมู่ชนผู้อธรรม
11] คือหมู่ชนของฟิรเอาน์ พวกเขาไม่ยำเกรงดอกหรือ?
12] เขา (มูซา)กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันกลัวว่า พวกเขาจะปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฉัน
13] และหัวอกของฉันจะอึดอัด และลิ้นของฉันจะไม่คล่อง ดังนั้นพระองค์ทรงโปรดส่งฮารูนมาช่วยฉันด้วยเถิด!
14] และพวกเขามีข้อกล้าวหาต่อฉัน ดังนั้นฉันกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าฉัน
15] พระองค์ตรัสว่า ไม่ดอก! ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปเถิดพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลาย ของเราแท้จริงเราอยู่กับพวกเจ้า เป็นผู้ฟัง
16] ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ แล้วจงกล่าวว่าเราเป็นทูตของพระเจ้าแห่งสากลโลก
17] แล้วขอให้ส่งวงศ์วานของอิสรออีลไปพร้อมกับเราเถิด
18] เขา(ฟิรเอาน์) กล่าวว่า เรามิได้เลี้ยงดูเจ้าเมื่อขณะเป็นเด็กอยู่กับพวกเราดอกหรือ? และเจ้าได้อยู่กับเราหลายปี ในช่วงชีวิตของเจ้า
19] และเจ้าได้ทำการกระทำของเจ้าซึ่งเจ้าได้กระทำไปแล้ว และเจ้าเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เนรคุณ
20] เขา (มูซา) กล่าวว่า ฉันได้กระทำมันโดยที่ฉันไม่รู้
21] ดังนั้น ฉันได้หนีไปจากพวกท่าน เมื่อฉันกลัวพวกท่านแล้วพระเจ้าของฉันได้ทรงประทานฮิกมะฮ์แก่ฉัน และทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นร่อซูลคนหนึ่ง
22] และนี่คือบุญคุณที่ท่านรำเลิกมันต่อฉันโดยท่านทำให้วงศืวานอิสรออีลเป็นทาส
23] ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “และใครคือพระเจ้าแห่งสากลโลก”
24] เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาเชื่อมัน”
25] เขาได้กล่าวแก่ผู้อยู่รอบ ๆ เขาว่า “พวกท่านได้ยินไหม?”
26] เขา(มูซา)กล่าว่า “พระเจ้าของพวกท่าน และของบรรพบุรุษสมัยก่อน ๆ นั้นด้วย”
27] เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า “ทจริงร่อซูลของพวกท่านซึ่งได้ถูกส่งมายังพวกท่านนั้นเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน”
28] เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาพิจารณา
29] เขากล่าวว่า “หากเจ้ายึดถือพระเจ้าอื่นจากฉัน ฉันจะให้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ต้องขัง”
30] เขา(มูซา) กล่าวว่า “แม้ว่าฉันจะนำสิ่งที่ชัดแจ้งมายังท่านกระนั้นหรือ?”
31] เขากล่าวว่า “ก็จงนำมันมาซิ หากเจ้าเป็นคนจริง”
32] ดังนั้น เขาได้โยนไม่เท้าของเขามันคือ งูอย่าชัดแจ้ง
33] และได้ดึงมือของเขาออกมาเป็นสีขางแก่บรรดาผู้มองดู
34] เขาได้กล่าวแก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่รอบๆ เขาว่า “แท้จริงเขาคนนี้คือนักเล่นกลอย่างช่ำชอง
35] เขาต้องการที่ให้พวกท่านออกจากดินแดนของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขา ดังนั้นพวกท่านจะชี้แนะประการใด”
36] พวกเขากล่าวว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อน และจงส่งคนไปตามหัวเมืองให้มาชุมนุมกัน
37] เพื่อที่นักเล่นกลผู้ช่ำชองทุกคนจะได้มาหาท่าน”
38] แล้วบรรดานักเล่นกลได้มาชุมนุมกันตามวันเวลาที่กำหนดไว้
39] และได้มีประกาศแก่มหาชน พวกท่านจะไปร่วมชุมนุมด้วยไหม?
40] เพื่อพวกเขาจะได้ตามบรรดานักเล่นกลหากพวกเขาเป็นผู้ชนะ
41] เมื่อพวกนักเล่นกลมาถึง พวกเขากล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่า “พวกเราจะมีรางวัลแน่นอนหรือถ้าพวกเราเป็นผู้ชนะ
42] เขากล่าวว่า “ถูกแล้ว และพวกท่านขณะนั้นจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอย่างแน่นอน”
43] มูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงโยนซิสิ่งที่พวกท่านจะต้องโยน”
44] แล้วพวกเขาก็ได้โยนเชือกหลายเส้นของพวกเขาและไม้เท้าหลายอันของพวกเขา และพวกเขากล่าวว่า “ด้วยเกียติยศของฟิรเอาน์แท้จริงเราเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน”
45] ครั้นแล้วมูซาก็ได้โยนไม้เท้าของเขา ณ บัดนั้นมันได้กลืนสิ่งที่พวกเขาได้ลองมันขึ้น
46] พวกนักเล่นกลจึงก้มหัวลงกราบสุญูด
47] พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก”
48] พระเจ้าของมูซา และฮารูน
49] เขากล่าวว่า พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ฉันจะอนุญาตแก่พวกท่านกระนั้นหรือ? แน่นอนเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่านซึ่งได้สอนการเล่นกลแก่พวกท่าน แล้วพวกท่านจะรู้ แน่นอนฉันจะตัดมือของพวกท่านและเท้าของพวกท่านสลับข้างกัน และแน่นอนฉันจะแขวนตรึงไว้ทั้งหมด
50] พวกเขากล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอกแท้จริงเรานั้นต้องเป็นผู้กลับไปยังพระเจ้าของเรา
51] แท้จริงเราปรารถนาที่จะให้ พระเจ้าของเราทรงยกโทษแก่เรา เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่เป็นผู้ศรัทธา
52] แลเราได้ดลใจให้มูซาออกเดินทาง ในเวลากกลางคืนพร้อมกันกับปวงบ่าวของข้า แท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม
53] แล้วฟิรเอาน์ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆ ให้มาร่วมชุมนุม
54] (และว่า) แท้จริงเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนส่วนน้อย
55] และแท้จริงพวกเขาทำให้เราเกิดโทษะ
56] และแท้จริงพวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
57] ดังนั้น เราได้ให้พวกเขา ออกจากเรือกสวนและลำธารน้ำ
58] และทรัพย์สินอันมากมายหลาย และที่พำนักอันโอ่อ่า
59] เช่นนั้นแหละ และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีล ได้รับมรดกครอบครองมัน
60] แล้วพวกเขา(ฟิรเอาน์) ได้ติดตามพวกเขา(วงศ์วานอิสรออีล) เมื่อเวลาตะวันขึ้น
61] ครั้นเมื่อแต่ละฝ่ายได้มองเห็นกัน พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า “ท้จริงเราถูกตามทันแล้ว”
62] เขา (มูซา)ได้กล่าวว่า “ไม่หรอก แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงขี้แนะทางแก่ฉัน
63] ดังนั้นเราได้ดลใจมูซาว่า “จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า” แล้วมันก็ได้แยกออก แต่ละข้างมีสภาพเหมือภูเขาใหญ่
64] และเราได้ให้พวกอื่น ให้เข้ามาใกล้ ณ ที่นั้น
65] และเราได้ให้มูซาและผู้ที่ออยู่ร่วมกับเขาทั้งหมดรอดพ้นไป
66] แลเราได้ให้พวกอื่น จมน้ำตาย
67] แท้จริงในการนั้นเป็นสัญญาณอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
68] และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
69] และจงเล่า เรื่องราวของอิบรอฮีม ให้แก่พวกเขา
70] ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขา และพวกพ้องของเขาว่า “พวกท่านเคารพภักดีอะไร?”
71] พวกเขากล่าวว่า “เราเคารพภักดีรูปปั้นแล้วเราจะคงเป็นผู้ยึดมั่นต่อมันตลอดไป”
72] เขา(อิบรอฮีม) กล่าวว่า “เมื่อพวกท่านวิงวอนขอ พวกมันได้ยินพวกท่านหรือ?”
73] “หรือมันให้คุณให้โทษแก่พวกท่านไหม?”
74] พวกเขากล่าวว่า “แต่เราได้พบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติกันมาเช่นนั้น”
75] เขากล่าวว่า “พวกท่านไม่เห็นดอกหรือสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่”
76] ด้วยตัวของพวกท่านเอง และบรรพบุรุษของพวกท่านแต่กาลก่อน
77] แท้จริงพวกเขาคือศัตรูของฉัน นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
78] ซึ่งพระองค์ทรงสร้างฉัน แล้วพระองค์ทรงชี้แนะทางแก่ฉัน
79] และพรองค์ทรงประทานอาหารให้ฉันและทรงให้น้ำดื่มแก่ฉัน
80] และเมื่อฉันป่วย ดังนั้นพระองค์ทรงให้ฉันหายป่วย
81] และผู้ทรงให้ฉันตายแล้วทรงให้ฉันมีชีวิต
82] และผู้ที่ฉันหวังว่า จะทรงอภัยแก่ฉันซึ่งความผิดพลาดในวันแห่งการตอบแทน
83] ข้าแต่พระเจ้าของฉัน! ขอพระองค์ทรงประทานความรู้และทรงให้ฉันอยู่รวมกับหมู่คนดีทั้งหลาย
84] และทรงทำให้ฉันได้รับการรำลึกอย่างดีในหมู่ชนรุ่นต่อ ๆ ไป
85] และทรงทำให้ฉันอยู่ในหมู่ผู้รับมรดกแห่งสวนสวรรค์ อันร่มรื่น
86] และทรงประทานอภัยให้แก่บิดาของฉันด้วย แท้จริงเขาอยู่ในหมู่ผู้หลงผิด
87] และทรงอย่าให้ฉันได้รับความอัปยศในวันที่พวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ
88] วันที่ทรัพย์สมบัติและลูกหลานจะไม่อำนวยประโยชน์ได้เลย
89] เว้นแต่ผู้มาหาอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส
90] และสวนสวรรค์จะถูกนำให้มาใกล้แก่บรรดาผู้ยำเกรง
91] และนรกจะถูเผยให้เห็นแก่บรรดาผู้หลงผิดคิดชั่ว
92] และมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า ไหนเล่าที่ พวกท่านเคารพภักดี
93] อื่นจากอัลลอฮ์ พวกมันจะช่วยเหลือพวกท่าน หรือจะช่วยตัวมันเองได้ไหม?
94] แล้วพวกมันจะถูกโยนทิ่มหัวลงไปในนรกพวกมันและพวก หลงผิด
95] และไพร่พล ของอิบลิสทั้งหมด
96] พวกเขากล่าวขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันอยู่ในนั้น
97] ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริงพวกเราอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง
98] ขณะที่พวกเราทำให้พวกเจ้าเท่าเทียมกับพระเจ้าแห่งสากลโลก
99] และไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหลงผิด นอกจากพวกอาชญากร เท่านั้น
100] ดังนั้นจึงไม่มีผู้ไถ่โทษแก่เรา
101] และไม่มีมิตรผู้รักใคร่ด้วย
102] ฉะนั้น หากเราได้กลับไปสักครั้ง เราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา
103] แท้จริงในการนี้ ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขา ไม่เป็นผู้ศรัทธา
104] และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
105] หมู่ชนของนูห์ ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล
106] ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือ นูห์ ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
107] แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
108] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
109] และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
110] ดังนั้นจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดและจงเชื่อฟังฉัน
111] พวกเขากล่าวว่า จะให้พวกเราศรัทธาต่อท่านกระนั้นหรือ? ในเมื่อพวกต่ำต้อยเท่านั้นที่เชื่อฟังปฏิบัติตามท่าน
112] เขา (นูห์) กล่าวว่า ฉันไม่มีความรู้อันใดเลยในสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกัน
113] การตอบแทนของพวกเขามิได้อยู่ที่ผู้ใดเลยนอกจากที่พระเจ้าของฉัน หากพวกท่านมีความรู้สึก
114] และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธา
115] ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ตักเตือนอันชัดแจ้ง
116] พวกเขากล่าวว่า โอ้นูห์ หากท่านไม่หยุดยั้ง แน่นอนท่านจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกขว้างด้วยก้อนหิน
117] เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน แท้จริงหมู่ชนของฉันปฏิเสธฉัน
118] ดังนั้นขอพระองค์ทรงตัดสินระหว่างฉันกับพวกเขาโดยยุติธรรมเถิด และทรงโปรดช่วยฉัน และบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมกับฉันให้รอดพ้นด้วยเถิด
119] ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและผู้อยู่ร่วมกับเขาให้อยู่ในเรือที่เต็มเปี่ยม
120] แล้วเราได้ให้พวกที่เหลืออยู่จมน้ำตาย
121] แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่ง อย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
122] และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
123] หมู่ชนของอ๊าดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล
124] ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูดได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
125] แท้จริงฉันคือ ร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
126] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
127] และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
128] พวกท่านสร้างอนุสาวรีย์ไว้บนที่สูงทุกแห่งเพื่อโอ้อวดกระนั้นหรือ?
129] และพวกท่านสร้างคฤหาสน์เสมือนกับว่าพวกท่านจะอยู่อย่างตลอดกาลกระนั้นหรือ?
130] และเมื่อพวกท่านทำร้าย(ผู้ใด) พวกท่านกระทำอย่างทารุณโหดร้าย
131] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
132] และพวกท่านจงยำเกรงผู้ทรงประทานแก่พวกท่าน สิ่งซึ่งพวกท่านรู้ดีอยู่แล้ว
133] พระองค์ทรงประทานแก่พวกท่านด้วยปศุสัตว์และลูกหลาน
134] และสวนอันหลากหลาย และลำธารหลายแห่ง
135] แท้จริงฉันกลัวว่าพวกท่าน จะได้รับการลงโทษในวัน อันยิ่งใหญ่
136] พวกเขากล่าวว่า มีผลเท่ากันที่เรา ท่านจะตักเตือนหรือไม่เป็นผู้ตักเตือนเราก็ตาม
137] นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอนจากเป็นเรื่องโกหกในสมัยก่อน ๆ
138] และพวกเราจะไม่อยู่ในหมู่ผู้ถูกลงโทษ
139] พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังเขา ดังนั้นเราจึงทำลายล้างพวกเขา แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
140] และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
141] หมู่ชนของซะมู๊ดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล
142] ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือศอและฮ์ ได้กล่าวแก่พวกเขา โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
143] แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
144] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
145] และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากระเจ้าแห่งสากลโลก
146] พวกท่านจะถูกปล่อยให้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ณ ที่นี้หรือ?
147] ในสวนอันหลากหลาย และลำธารหลายแห่ง
148] และไร่นา และต้นอินทผลัม ซึ่งกิ่งก้านของมันสุกงอม
149] และพวกท่านสะกัดภูเขาเป็นที่อยู่อาศัยอย่างชำนาญ
150] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
151] และอย่าเชื่อฟังคำสั่งใช้ของพวกฝ่าฝืน
152] พวกที่บ่อนทำลายในแผ่นดิน และไม่เป็นพวกพัฒนา
153] พวกเขากล่าวว่า แท้จริงท่าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม
154] ท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา ดังนั้นจงนำมาสักสัญญาณหนึ่ง หากท่านเป็นหนึ่งในหมู่ผู้สัตย์จริง
155] เขากล่าวว่า นี่คืออูฐตัวเมีย สำหรับมันดื่มน้ำวันหนึ่ง และสำหรับพวกท่านก็ดื่มน้ำวันหนึ่งที่รู้กัน
156] และพวกท่านอย่าก่อความทุกข์ยากแก่มัน มิฉะนั้นการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่จะคร่าพวกท่าน
157] แล้วพวกเขาได้ฆ่ามัน พวกเขาจึงอยู่ในสภาพเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจ
158] ดังนั้นการลงโทษได้คร่าพวกเขา แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
159] และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
160] หมู่ชนของลู๊ฏ ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล
161] ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือลู๊ฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
162] แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
163] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน
164] และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
165] พวกท่านเข้าหาผู้ชายในหมู่ผู้คนทั้งหลายกระนั้นหรือ?
166] และพวกท่านปล่อยทิ้ง สิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงบังเกิดมาสำหรับพวกท่าน คือภรรยาของพวกท่าน แน่นอนพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
167] พวกเขากล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย! หากท่านไม่หยุดยั้ง แน่นอนท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกขับไล่ให้ออกไป
168] เขากล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นผู้ที่เกลียดยิ่งต่อการกระทำของพวกท่าน
169] ข้าแต่พระเจ้าของฉันขอพระองค์ทรงช่วยฉัน และบริวารของฉันให้พ้นจากที่พวกเขากระทำกัน
170] ดังนั้นเราได้ช่วยเขา และบริวารของเขาทั้งหมดให้รอดพ้น
171] นอกจากหญิงแก่คนหนึ่ง ซึ่งนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
172] แล้วเราได้ทำลายพวกคนอื่น
173] และได้ให้ห่าฝนตกลงมาบนพวกเขา ดังนั้นฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วร้ายเสียนี่กระไร!
174] แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
175] และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้นแน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
176] ชาวป่าทึบได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล
177] ขณะที่ชุไอบ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
178] แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
179] ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์และเชื่อฟังฉัน
180] และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
181] จงตวงให้ครบเต็ม และอย่าเป็นผู้ที่ขาดพร่อง
182] และจงชั่งด้วยตาชั่งอย่างเที่ยงตรง
183] และอย่าให้ขาดพร่องแก่มหาชนซึ่งสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา และอย่าก่อกวนในแผ่นดินเป็นผู้บ่อนทำลาย
184] และจงยำเกรงผู้ซึ่งบังเกิดพวกท่าน และประชาชาติสมัยก่อน ๆ
185] พวกเขากล่าวว่า แท้จริงท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม
186] และท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา แบะเราคิดว่าท่านเป็นผู้กล่าวเท็จคนหนึ่ง
187] ดังนั้นให้ส่วนต่างๆ จากท้องฟ้า หล่นลงมาบนพวกเรา หากท่านเป็นผู้สัตย์จริงคนหนึ่ง
188] เขากล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำ
189] พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อเขาดังนั้นการลงโทษแห่งวันเมฆครอบคลุมได้คร่าพวกเขา แท้จริงมันเป็นการลงโทษแห่งวันยิ่งใหญ่
190] แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
191] และแท้จริงพระเจ้าขงเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
192] และแท้จริงมัน เป็นการประทานลงมาของพระเจ้าแห่งสากลโลก
193] อัรรูห์ ผู้ซื่อสัตย์ ได้นำมันลงมา
194] ยังหัวใจของเจ้าเพื่อเจ้าจักได้เป็นผู้ตักเตือนคนหนึ่ง
195] เป็นภาษาอาหรับอันชัดแจ้ง
196] และแท้จริงมันมีอยู่ในคัมภีร์สมัยก่อนๆ
197] และมันมิได้เป็นเครื่องหมายแก่พวกเขา ดอกหรือว่า บรรดาผู้มีความรู้ของวงศ์วานอิสรออีลก็รู้ดีในเรื่องนี้
198] และหากว่าเราประทานมันลงมาแก่บางคนในหมู่ชาวต่างชาติ
199] แล้วเขาอ่านมันแก่พวกเขา พวกเขาก็จะไม่เป็นผู้ศรัทธาต่อมัน
200] เช่นเดียวกับเราได้ให้มันเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้กระทำผิด
201] พวกเขาก็จะไม่ศรัทธามันจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวด
202] แล้วมัน จะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหันโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
203] พวกเขาก็จะกล่าวว่าให้พสกเราได้รับการประวิงบ้างได้ไหม?
204] ทำไมพวกเขาจึงเร่งการลงโทษของเราอีกเล่า?
205] เจ้าไม่เห็นดอกหรือ หากเราให้พวกเขารื่นเริงไปอีกเป็นปี ๆ
206] แล้วสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ ก็ได้เกิดขึ้นแก่พวกเขา
207] สิ่งที่พวกเขาได้ถูกให้รื่นเริงนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขา
208] และเรามิได้ทำลายชาวเมืองใด เว้นแต่ได้มีผู้ตักเตือนแก่มัน แล้ว
209] เพื่อเป็นข้อตักเตือน และเรามิได้เป็นผู้อธรรม
210] และพวกมารชัยฏอรมิได้นำมีน ลงมา
211] และไม่เป็นการเหมาะสมแก่พวกมันและพวกมันก็ไม่สามารถด้วย
212] แท้จริงพวกมันเป็นผู้กีดกัน อย่างแน่นอนจากการฟัง
213] ดังนั้นเจ้าอย่าได้วิงวอนพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์ มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ถูกทำโทษ
214] จงตักเตือนวงศาคณาญาติของเจ้าที่ใกล้ชิด
215] และจงลดปีก ของเจ้าแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติตามเจ้า
216] หากพวกเขาฝ่าฝืนเจ้า ก็จงกล่าวเถิดแท้จริงฉันขอปลีกตัวให้พ้นจากสิ่งที่พวกท่านปฏิบัติกันอยู่
217] และจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงเมตตาเสมอ
218] ผู้ทรงเห็นเจ้าขณะที่เจ้ายืนอยู่
219] และการเคลื่อนไหวของเจ้าในหมู่ผู้สุญูด
220] แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้เสมอ
221] ฉันจะบอกแก่พวกท่านไหมว่า? พวกมารชัยฏอนลงมาบนผู้ใด?
222] พวกมันลงมาบนทุกคนที่เป็นผู้โกหกผู้ทำบาปมาก
223] พวกมันจะเงี่ยหูฟัง และส่วนมากพวกมันเป็นผู้โกหก
224] และพวกกวีนั้น พวกหลงผิดจะปฏิบัติตามพวกเขา
225] เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงพวกเขานั้นเร่ร่อนไปในทุกหนแห่ง
226] และแท้จริงพวกเขานั้นพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่ทำกระ
227] นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีทั้งหลายและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก และตอบโต้ป้องกันหลังจากที่พวกเขาถูกข่มเหง และบรรดาผู้อธรรมจะได้รู้ว่า ทางกลับอันใดที่พวกเขาจะกลับคืนสู่