Tip:
Highlight text to annotate it
X
จะเป็นอย่างไร ถ้าหากคุณสามารถดูดซึมสิ่งมีชีวิตอื่น
และได้ความสามารถของมันมาด้วย
ลองจินตนาการว่าคุณกลืนนกตัวเล็ก ๆ เข้าไป แล้วก็มีความสามารถในการบินในบัดดล
หรือคุณกินงูเห่าเข้าไป
แล้วก็สามารถพ่นพิษจากฟันของคุณได้
ตลอดประวัติศาสตร์ของชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วยของการวิวัฒนาการ ของเซลล์ยูคาริโอตที่ซับซ้อน
อะไรแนวนี้ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา
สิ่งมีชีวิตหนึ่งดูดซับอีกสิ่งมีชีวิต
และพวกมันร่วมกันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ ที่มีความสามารถจากทั้งสองสิ่งมีชีวิต
เราคิดว่าประมาณ 2 พันล้านปีก่อน
สิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวบนโลก คือยูคาริโอต
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ที่ไม่มีออกาแนลที่มีเยื่อหุ้ม
มาลองดูสิ่งมีชีวิตทั้งสามนี้กันชัด ๆ
เซลล์หนึ่งมีขนาดใหญ่ เหมือนก้อนกลมง่าย ๆ
ที่มีความสามารถในการดูดซับสิ่งต่าง ๆ โดยการล้อมมันด้วยเยื่อหุ้มเซลล์
อีกเซลล์คือเซลล์แบคทีเรีย
ที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นโมเลกุลน้ำตามผ่านการสังเคราะห์แสงได้
เซลล์ที่สามสามารถใช้ก๊าซออกซิเจน เพื่อสลายสารอย่างน้ำตาลได้
และปลดปล่อยพลังงานในรูปแบบ ที่เป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ก้อนกลมบางครั้งก็จะดูดซับ เอาแบคทีเรียที่สังเคราะห์แสงได้เข้าไป
แบคทีเรียเหล่านี้จะเติบโตอยู่ภายใน เซลล์กลมๆ และแบ่งตัวตามปกติ
แต่พวกมันมีการติดต่อเชื่อมโยงกัน
ถ้าหากคุณพบกับสิ่งนี้เข้า
คุณอาจคิดว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งมีชีวิต เพียงชนิดเดียว
ที่แบคทีเรียสีเขียวที่สังเคราะห์แสงได้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเซลล์กลม ๆ
ที่ทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง
เหมือนกับที่หัวใจเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคุณ
ที่ทำหน้าที่ในการสูบฉีดโลหิต
กระบวนการที่เซลล์อยู่ร่วมกัน เรียกว่า เอนโดซิมไบโอซิส
สิ่งมีชีวิตหนึ่งอาศัยอยู่ในอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่ง
แต่เอนโดซิมไบโอซิสไม่ได้หยุดแค่นั้น
จะเกิดขึ้นถ้าแบคทีเรียอื่น ๆ เข้าไปในนั้นด้วย
ทีนี้ เซลล์สายพันธุ์นี้เริ่มที่จะมีความซับซ้อน
พวกมันใหญ่และเต็มไปด้วยโครงสร้าง ที่มีความซับซ้อน
ที่เราเรียกว่าคลอโรพลาส และไมโทคอนเดรีย
โครงสร้างเหล่านี้ทำงานร่วมกัน เพื่อเก็บเกี่ยวแสงแดด
สร้างน้ำตาล
และสลายน้ำตาลโดยใช้ออกซิเจน
ซึ่งในตอนนั้น เริ่มจะปรากฏในชั้นบรรยากาศของโลก
การที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งดูดซับสิ่งมีชีวิตอื่น
เป็นทางหนึ่งที่สายพันธุ์จะมีการปรับเปลี่ยน ต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง
โดยรอบตัวพวกมัน
จุดสำคัญของเรื่องราวเล็ก ๆ ที่นักชีววิทยา เรียกว่าทฤษฏีเอนโดซิมไบโอซิส
เป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดในตอนนี้ว่าเซลล์ ที่มีความซับซ้อนมีวิวัฒนาการมาอย่างไร
มีหลักฐานมากมายที่ช่วยสนับสนุนทฤษฏีนี้
แต่ลองมาดูหลักฐานหลักทั้งสามกัน
ประการแรก คลอโรพลาส และไมโทคอนเดรีย ในเซลล์ของเราแบ่งตัวในแบบที่คล้ายกัน
กับพวกที่อยู่ในเซลล์แบคทีเรีย
ซึ่งยังคงอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
อันที่จริง ถ้าคุณทำลายโครงสร้างเหล่านี้ ในเซลล์ จะไม่มีอันใหม่เกิดขึ้นมา
เซลล์ไม่สามารถสร้างมันได้
พวกมันได้แค่เพิ่มจำนวนตัวมันเอง
หลักฐานประการที่สอง
คลอโรพลาสและไมโทคอนเดรีย ทั้งคู่มีดีเอ็นเอและไรโบโซม
ดีเอ็นเอของพวกมันมีโครงสร้างเป็นวง
ที่หดเล็กลงคล้ายกับดีเอ็นเอ ของแบคทีเรียโบราณ
และมันยังมียีนที่คล้ายกันจำนวนมาก
ไรโบโซม หรือเครื่องประกอบโปรตีน ของคลอโรพลาสและไมโทคอนเดรีย
ยังมีโครงสร้างเหมือนกันกับไรโบโซม จากแบคทีเรียโบราณ
แต่ต่างจากไรโบโซม
ที่อยู่ในยูคาริโอตทั้งหมด
สุดท้าย ลองนึกถึงเยื่อหุ้ม ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการกลืนนี้
คลอโรพลาสและไมโทคอนเดรีย มีเยื่อหุ้มสองชั้น
เยื่อหุ้มชั้นนอกและชั้นใน
เยื่อชั้นในของพวกมัน มีไขมันและโปรตีนบางชนิด
ที่ไม่ปรากฏอยู่ในเยื่อชั้นนอก
ทำไมมันจึงต่างกันล่ะ
เพราะว่าเยื่อหุ้มชั้นนอก เคยเป็นของเซลล์กลม ๆ
เมื่อพวกมันถูกกลืนเข้ามา ในกระบวนการเอนโดซิมไบโอซิส
พวกมันถูกห่อหุ้มในเยื่อหุ้ม และเก็บของพวกมันเองไว้เป็นเยื่อหุ้มชั้นใน
แน่ล่ะว่า ไขมัน
และโปรตีนที่เหมือนกัน ถูกพบในเยื่อหุ้ม ของแบคทีเรียโบราณ
นักชีววิทยาตอนนี้ใช้ทฤษฏีนี้
เพื่ออธิบายที่มาของสิ่งมีชีวิตยูคาริโอต ที่มีความแตกต่างหลากหลาย
ยกตัวอย่างเช่นสาหร่ายสีเขียว ที่เติบโตอยู่บนผนังสระว่ายน้ำ
เซลล์ยูคาริโอตขนาดใหญ่ที่มี โครงสร้างหางเกลียว หรือแฟลกเจลลา
ได้มีการดูดซับสาหร่ายสีเขียวนี้เข้าไป ทำให้มันกลายเป็นยูกลีนา
ยูกลีนาสามารถสังเคราะห์แสง
สลายน้ำตาลโดยใช้ออกซิเจน
และว่ายน้ำได้
และอย่างที่ทฤษฎีได้ทำนายไว้
คอลโรพลาสในยูกลีนามีเยื่อหุ้มสามชั้น
เนื่องจากพวกมันมีเยื่อสองชั้น ก่อนที่จะถูกกลืนเข้าไป
กระบวนการดูดซับเข้าไป ของทฤษฎีเอนโดซิมไบโอซิสนี้
ยอมให้สิ่งมีชีวิตรวมเอา ความสามารถที่เป็นประโยชน์
เพื่อจะปรับตัวให้เหมาะกับ การใช้ชีวิตบนโลกมากขึ้น
ผลก็คือสายพันธุ์ที่มีความสามารถมากกว่า
แต่เดิมที่พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกกันอยู่
และนี่เป็นการก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการ
ซึ่งนำไปสู่กำเนิดของจุลชีพ พืช
และสัตว์ อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน