Tip:
Highlight text to annotate it
X
[ดิลินี ซูมานาพาลา] [จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราควบคุมสมองตัวเองได้?]
ประเด็นหลักของเรื่องนี้ คือพลังของความคิด
หรือความคิดที่สามารถเปลี่ยนโลกได้
ถ้าเราจะใช้เวลาสักครู่ มาคิดกันว่าความคิดเหล่านั้นมาจากไหน
การสร้างนวัตกรรมของมนุษยชาติ แท้จริงแล้วมาจากไหนกันแน่?
ง่ายมาก พวกมันมาจากสมองนั่นเอง
ด้วยเซลล์ประสาทที่มีอยู่แปดหมื่นหกพันล้าน ซึ่งคุณคง ต้องใช้เวลานับเลขนี้ไปทั้งชีวิต
แต่ด้วยแปดหมื่นหกพันล้านเซลล์ประสาท ที่ถูกเชื่อมต่อด้วยไซแนปส์อีกหนึ่งร้อยล้านล้านจุด
เรายังสงสัยกันอีกหรือเปล่า ที่ว่ากันว่าสมอง
คือสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด ในจักรวาลที่เรารู้จักกัน?
ลองจิตนาการดู ว่ามันจะเป็นอย่างไร
ถ้าเราจะควบคุมวัตถุ ที่มีความซับซ้อนเช่นนี้?
ฉันจะบอกคุณว่า มันเป็นไปได้แล้ว
ฉันหมายความว่า เรากินยาทุกๆวัน เพื่อรักษาความเจ็บป่วยต่างๆ
จากโรคกังวล และโรคซึมเศร้า ถึงโรคย้ำคิดย้ำทำ และโรคจิตเภท
แต่ถ้ามันยังไม่หนักพอสำหรับคุณ
ฉันจะแสดง ให้คุณเห็นตัวอย่าง ของการควบคุมสมองในหนูทดลอง
หนูตัวนี้ถูกควบคุมจากระยะไกล
มันจะเริ่มวิ่งทวนเข็มนาฬิกา
จนกระทั่งแสงสีฟ้าที่ฉายเข้าไปในหัวของมัน
ถูกปิดลงโดยผู้ทดลอง
และมันก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น มันเป็นไปได้ยังไง?
มันเป็นไปได้ด้วยเทคนิคที่น่าทึ่ง ที่รู้จักกันในชื่อว่า ออพโตเจเนติค (optogenetics)
ซึ่งคือการพยายามควบคุมการทำงานของเซลล์ ด้วยพลังงานแสง
ในกรณีของหนูทดลอง เราใช้ขั้วไฟฟ้าใยแก้วนำแสง
ฝังเข้าไปในสมองของมัน เพื่อสั่งให้มันให้วิ่งทวนเข็มนาฬิกา
วิ่งทวนเข็มนาฬิกาทุกครั้ง ที่มีแสงสีฟ้า
แล้วเราทำไปเพื่ออะไร? ฉันหมายความว่า การทดลองนี้มีค่าใช้จ่ายสูง
และคุณคงไม่อยากให้หนูทดลองนี้โดนทารุณ โดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย
ค่ะ เราคิดว่าออพโตเจเนติคจะช่วยให้เรา มีความเข้าใจที่แท้จริง
ถึงสาเหตุทางพันธุกรรมของทุกๆสิ่ง จากโรคพาร์กินสัน
ถึงโรคจิตเภท, จนถึงการติดสารเสพติด
และด้วยหลักการที่ว่า เมื่อคุณหาสาเหตุ ทางพันธุกรรมเจอแล้ว
การหาวิธีการรักษาก็จะเป็นขั้นต่อไปอย่างแน่นอน
คุณอาจแย้งว่า การทดลองนี้ทำขึ้นกับหนูทดลอง
ฉันหมายถึง ฉันเริ่มจากการแสดงข้อมูลสถิติ ของสมองมนุษย์
แต่ตอนนี้ ฉันกลับไปวนไปพูดถึงสมองของ เจ้าหนูทดลองแทน
หากคุณสงสัยฉันจะแสดงให้คุณเห็น ไม่ใช่แค่วิธีเดียว แต่เป็นวิธีกระตุ้นสมองถึง 2 แบบ
ที่ได้ถูกนำมาใช้กับตัวอย่างทดลองที่เป็นมนุษย์ ในงานวิจัยทุกวันนี้
ทางด้านซ้ายมือ เป็นการกระตุ้นสมองเฉพาะที่ ด้วยสนามแม่เหล็ก หรือ TMS
และทางด้านขวามือ เป็นการกระตุ้น ด้วยไฟฟ้ากระแสตรงผ่านกะโหลกศีรษะ หรือ TDCS
ทางด้านซ้าย สมองกำลังได้รับการกระตุ้น ด้วยคลื่นแม่เหล็กอย่างอ่อน
และทางด้านขวา ก็กำลังทำแบบเดียวกัน
แต่เปลี่ยนเป็นใช้กระแสไฟฟ้า
เป็นกระแสไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กมากๆ
ลองมาคิดดูอีกเป็นครั้งที่สอง
คุณกำลังช๊อตสมองของผู้คนเพื่อทำการวิจัย
ตอนนี้ TMS ซึ่งเป็นกระบวนการทางซ้ายมือ สามารถนำมาใช้ในการบรรเทาอาการโรคได้จริง
อาการของโรคซึมเศร้าได้ ในผู้ป่วยบางครับ
มันไม่ได้ผลสำหรับทุกคน แต่ก็แสดงสัญญานที่ดี
ในการรักษาความผิดปกติด้านพฤติกรรม เช่น ภาวะซึมเศร้า
และได้รับการแสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยในการ การประเมินความรุนแรงของโรคอัมพาต
หรือการสูญเสียการทำงานของประสาทส่วนกลาง
ที่เกิดจากการบาดเจ็บทางสมอง หรือแม้กระทั่งจากโรคทางสมอง
ตอนนี้ TDCS ซึ่งเป็น "กระบวนการที่ใช้กระแสไฟฟ้า" ทางด้านขวา
TDCS ก็ถูกนำไปใช้ในลักษณะเดียวกัน
แต่การประยุกต์ใช้ที่ฉันกำลังจะกล่าวถึงนี้ อาจฟังดูน่ากลัว
นั่นคือการนำไปใช้ในทางทหาร
ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่ ความสามารถทางเทคโนโลยี ของยุทโธปกรณ์
ก้าวไปไกลเกินกว่า กำลังความสามารถ ในการใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ ของมนุษย์
มนุษย์เรามีข้อจำกัดทางร่างกาย ในแง่ของความเร็ว และความแม่นยำ
และนี่คือปัญหาของกองทัพทั่วโลก
และอาจพูดได้ว่า นี่คือปัญหา สำหรับกองทัพทสหรัฐฯ
และพวกเขาจะไม่ปล่อยปัญหานี้ไว้แน่
พวกเขาจะใช้ TDCS ในการฝึกอบรมทหารใหม่
จริงๆแล้วพวกเขากำลังทำอะไรกัน?
ค่ะ พวกเขาให้ทหารใหม่สวมใส่ขั้วไฟฟ้า TDCS
และทำการฝึกฝนศักยภาพด้านความแม่นยำ และเวลาในการตอบสนอง
และพวกเขาค้นพบว่าทหารใหม่เหล่านี้ เรียนรู้ได้เร็วขึ้น
ความแม่นยำและเวลาในการตอบสนอง ของพวกเขาพัฒนาในอัตราที่เร็วขึ้น
มากกว่าในกรณีที่พวกเขาทำกิจกรรมเหล่านี้ โดยไม่ได้รับการกระตุ้นสมองเลย
นั่นเป็นความคิดที่น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ ถ้าคุณเข้าใจความคิดของฉัน
ดังนั้น ฉันอยากจะสรุปสั้นๆว่า
เราคงได้ความคิดแล้วว่า ด้วยความหลงใหลในกิจการสงคราม
ได้ผลักดันเทคโนโลยี ที่เราได้นำมาใช้กัน
ถ้ามันไม่ได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมายมาจนถึงบัดนี้
เทคโนโลยีก็คงไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
และเราก็ได้มาถึงในศตวรรษที่ 21 ในปี 2012
เราในฐานะมนุษย์ กำลังพยายามไล่ตามให้ทัน เทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นเอง
และนั่นคือสิ่งเหนือจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
และวิธีเดียวที่เราสามารถทำได้
วิธีเดียวที่เราจะสามารถเพิ่มศักยภาพของมนุษย์
คือการพยายามทำความเข้าใจสมอง ของมนุษย์เราให้ลึกซื้งขึ้น
ขอบคุณมากค่ะ
(เสียงปรบมือ)