Tip:
Highlight text to annotate it
X
Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut
คุณเคยทำงานอะไรที่ว่ายากที่สุดคะ
มันเป็นการทำงานกลางแดดหรือเปล่า
มันเป็นการทำงานเพื่อหาอาหาร ให้คนทั้งครอบครัวหรือทั้งชุมชนหรือเปล่า
มันเป็นการทำงานทั้งวันทั้งคืนหรือเปล่า
มันเป็นการทำงานคนเดียวหรือเปล่า
หรือมันเป็นการทำงานในโครงการหนึ่ง ที่ไม่ยืนยันว่าจะประสบความสำเร็จ
แต่นั่นอาจช่วยพัฒนาสุขภาพ หรือช่วยชีวิตมนุษย์ หรือเปล่า
มันเป็นงานเพื่อสร้างบางอย่าง ก่อบางอย่าง ทำงานศิลปะบางอย่าง หรือเปล่า
มันเป็นงานที่คุณไม่เคยแน่ใจเลย
ว่าคุณจะเป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ และได้รับความชื่นชมแบบนั้นหรือเปล่า
คนในสังคมของเราผู้ทำงานเหล่านี้
สมควรได้รับความสนใจ ความรัก และความช่วยเหลือมาก ๆ จากพวกเรา
แต่คุณไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวในสังคม
ที่ทำงานยาก ๆ เหล่านี้
งานเหล่านี้ยังคงถูกทำโดยต้นไม้ สัตว์
และระบบนิเวศบนโลกของเรา
ที่รวมถึงระบบนิเวศที่ฉันศึกษา แนวปะการังแถบอบอุ่น
แนวปะการังเป็นชาวนา
พวกมันมอบอาหาร รายได้ และความมั่นคงทางอาหาร
ให้กับคนหลายล้านคนทั่วโลก
แนวปะการังเป็นยามรักษาความปลอดภัย
โครงสร้างที่พวกมันสร้าง ปกป้องแนวชายฝั่ง
จากพายุรุนแรงและคลื่นลม
และระบบทางชีวภาพ ที่พวกมันกรองน้ำ
และทำให้มันสะอาดปลอดภัยมากขึ้น เพื่อการใช้สอยและเล่นของพวกเรา
แนวปะการังเป็นนักเคมี
โมเลกุลที่พวกเราค้นพบบนแนวปะการัง กำลังมีความสำคัญเพิ่มสูงขึ้น
ในการค้นหายาปฏิชีวนะ และยารักษามะเร็งใหม่ ๆ
และแนวปะการังก็เป็นศิลปิน
โครงสร้างที่พวกมันสร้าง
เป็นหนึ่งในสิ่งที่สวยงามที่สุด บนดาวเคราะห์โลก
และความงามนี้ก็เป็นหัวใจ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ในหลาย ๆ ประเทศ ที่มีทรัพยากรธรรมชาติ อยู่น้อยหรือจำกัด
ฉะนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ด้วยการรับใช้ระบบนิเวศทั้งหมดนี้
นักเศรษฐศาสตร์คาดคะเนมูลค่าของแนวปะการัง
ไว้อยู่ที่หลักแสนล้านดอลลาร์ต่อปี
และแม้ว่าจะพวกมันจะทำงานให้เราอย่างหนัก
และเราก็ได้อะไรจากพวกมันมากมาย
เราก็ยังจะทำทุกอย่างที่เราจะสามารถทำได้ เพื่อที่จะทำลายมัน
เราทำให้ปลาหายไปจากทะเล
เราเติมปุ๋ย, สิ่งปฏิกูล,
โรค, น้ำมัน, มลภาวะ, ตะกอนต่าง ๆ ลงไป
เราได้เหยียบย่ำแนวปะการังจริง ๆ ด้วยเรือ, ขากบ และรถไถของเรา
และเราได้เปลี่ยนเคมีของทั้งทะเล
ทำให้น้ำอุ่นขึ้น และทำให้พายุรุนแรงมากขึ้น
และแค่สิ่งเหล่านี้มันก็แย่อยู่แล้ว
แต่พวกมันส่งเสริมกันและกัน
และประกอบรวมกันและกัน และทำให้แต่ละอย่างแย่ไปมากกว่าเดิม
ฉันจะยกตัวอย่างให้คุณฟัง
ที่ที่ฉันอยู่และทำงาน ในคูราโซว (Curaçao) พายุเขตร้อนได้พัดเข้ามาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
และในทางปลายตะวันออกของเกาะ
ที่ซึ่งแนวปะการังมีอยู่หนาแน่นและสมบูรณ์
คุณสามารถคะเนได้เลยว่า พายุเขตร้อนจะผ่านไป
แต่ในเมืองที่ปะการังตาย จากการจับปลาที่มากเกินไป จากมลภาวะ
พายุเขตร้อนจะกวาดเอาปะการังที่ตาย
และใช้พวกมันเป็นเหมือนกระบอง ไปฟาดปะการังที่ยังเหลืออยู่
ปะการังที่ฉันทำการศึกษา ระหว่างที่ทำปริญญาเอกนี้
เป็นปะการังที่ฉันรู้จักค่อนข้างดี
และหลังจากที่พายุนี้ เอาเนื้อเยื่อมันไปสักครึ่งหนึ่ง
มันติดเชื้อจากสาหร่าย
สาหร่ายเติบโตปกคลุมเนื้อเยื่อปะการัง และทำให้พวกมันตาย
อันตรายที่เพิ่มขึ้น การรวมกันของปัจจัยเหล่านี้
คือสิ่งที่เจอรามี คล๊าคสันอธิบายว่าเป็น "เนินชันลื่นจนเป็นเมือก"
มันไม่ได้เป็นเพียงการเปรียบเปรยแล้ว เพราะว่าตอนนี้ ปะการังมากมาย
เต็มไปด้วยแบคทีเรีย สาหร่าย และเมือก
ถึงตอนนี้ นี่คือส่วนหนึ่งของการบรรยาย
ที่คุณคงคิดว่า ฉันจะขอร้อง
ให้พวกเราช่วยกันป้องกันรักษาปะการัง
แต่ฉันมีเรื่องต้องสารภาพ
ข้อความที่ทำฉันอารมณ์เสียเอามาก ๆ
เมื่อฉันได้เห็นมันบนทวีต ในพาดหัวข่าว
หรือบนหน้าแผ่นพับมันวาว ที่ประชาสัมพันธ์เรื่องการอนุรักษ์
ข้อความนั้นทำฉันหงุดหงิด
เพราะว่า เราในฐานะนักอนุรักษ์ ได้ร้องเตือน
เกี่ยวกับความตายของปะการัง มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ
และแทบจะทุกคนที่ฉันได้พบ ไม่ว่าจะได้รับการศึกษาแค่ไหน
ก็ไม่แน่ใจว่าปะการังคืออะไร หรือรู้ว่าพวกมันมาจากไหน
เราจะทำให้ใครสักคนใส่ใจ เกี่ยวกับปัญหาปะการังของโลกเราได้อย่างไร
เมื่อมันเป็นสิ่งนามธรรม ที่พวกเขาแทบจะไม่เข้าใจ
ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจ ว่าปะการังคืออะไร หรือมาจากไหน
หรือว่ามันน่าขัน หรือน่าสนใจ หรือสวยงามขนาดไหน
เราจะไปหวังให้พวกเขาใส่ใจ กับการรักษาพวกมันได้อย่างไร
ฉะนั้น มาเปลี่ยนกันเถอะค่ะ
ปะการังคืออะไร และพวกมันมาจากไหน
ปะการังเกิดขึ้นจากหลาย ๆ วิธี
แต่ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ คือการปล่อยไข่จำนวนมาก แต่ละตัว คือสายพันธุ์หนึ่งของพวกมัน
ในคืนหนึ่งของแต่ละปี
พวกมันปล่อยไข่ทั้งหมด ที่พวกมันสร้างในปีนั้น
ลงในร่องน้ำ
หุ้มพวกมันด้วยพวงฝูงเซลล์สเปิร์ม
และพวงของฝูงสเปิร์มเหล่านั้น ก็ลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและแตกออก
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ที่ผิวน้ำของมหาสมุทร
ไข่และสเปิร์มจากปะการังคนละตัว จะมาพบกัน
และนั่นเป็นเหตุว่าทำไม เราจึงต้อนการปะการังจำนวนมาก
ก็เพื่อที่ไข่ทั้งหมดของพวกมัน จะได้พบกับคู่ของมันที่ผิวน้ำ
เมื่อพวกมันได้รับการปฏิสนธิ พวกมันทำในสิ่งที่ไข่ของสัตว์ชนิดอื่นทำ
คือการแบ่งตัวครึ่งหนึ่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า
การถ่ายภาพเหล่านี้ใต้กล้องจุลทรรศน์ ทุก ๆ ปี
คือหนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบ และเป็นเวลาที่พิเศษที่สุดของปี
เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์ พวกมันเปลี่ยนไปเป็นตัวอ่อนที่ว่ายน้ำได้
ก้อนไขมันเล็กจิ๋ว ที่มีขนาดประมาณเมล็ดดอกฝิ่น
แต่มีระบบรับสัมผัสทั้งหมดที่เรามี
พวกมันรับรู้ได้ถึงสี และแสง ผิวสัมผัส สารเคมี พีเอช
พวกมันยังรับรู้ได้ถึงความกดดันของคลื่น พวกมันได้ยินเสียง
และพวกมันใช้ความสามารถเหล่านั้น
ในการหาก้นของแนวปะการัง เพื่อเป็นที่ยึดเกาะ
และใช้ชีวิตของพวกมัน
ลองจินตนาการถึงสถานที่ ซึ่งคุณเลือกจะใช้ทั้งชีวิตของคุณที่นั่น
ตอนที่คุณอายุสองวัน
พวกมันเกาะอยู่ตรงที่ ที่พวกมันพบว่าเหมาะสม
พวกมันสร้างโครงภายใต้พวกมัน
พวกมันสร้างปาก และหนวด
และจากนั้นพวกมันก็เริ่มทำงานที่ยาก ในการสร้างแนวปะการังของโลก
หนึ่งกระเปาะปะการังจะแบ่งตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อเป็นโครงหินปูนภายใต้ตัวมัน
และเติบโตเข้าหาแสง
ให้เวลาสักหลายร้อยปี และหลาย ๆ สายพันธุ์
คุณจะได้โครงสร้างหินปูนขนาดใหญ่
ที่ในหลาย ๆ กรณี สามารถเห็นได้จากอวกาศ
ที่ปกคลุมด้วยผิวบาง ๆ ของสัตว์ที่ทำงานหนักเหล่านี้
ทีนี้ มีปะการังเพียงไม่กี่ร้อยสายพันธุ์ในโลก ประมาณ 1,000 สายพันธุ์ได้
แต่ระบบเหล่านี้เป็นบ้าน ให้กับอีกเป็นล้าน ๆ สายพันธุ์
และความหลากหลาย ก็เป็นสิ่งที่สร้างสมดุลให้กับระบบ
และมันก็เป็นที่ซึ่งเรากำลังค้นหา ยาชนิดใหม่ของเรา
มันจะเป็นที่ใหม่ในการหาแหล่งอาหารของเรา
ฉันโชคดีที่ทำงานที่เกาะคูราโชว
ที่ซึ่งเรายังคงมีแนวปะการัง ที่หน้าตาเป็นแบบนี้
แต่ทว่า พวกมันส่วนใหญ่ ในแคริบเบียน และที่อื่น ๆ ในโลก
มีหน้าตาเป็นแบบนี้
นักวิทยาศาสตร์ศึกษามัน ในรายละเอียดมากขึ้น
ในเรื่องการสูญหายไปของปะการัง
และพวกเขาได้บันทึกสาเหตุต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจมากขึ้น
แต่ในงานวิจัยของฉัน ฉันไม่ได้สนใจที่จะมองย้อนกลับไป
เพื่อนของฉัน และตัวฉัน ในคูราโชว สนใจที่จะมองไปข้างหน้า
ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
และเรามีเหตุผลเล็ก ๆ ที่จะมองโลกในแง่ดี
เพราะแม้ว่าในบางแนวปะการัง
ที่เราอาจจะมองข้ามมันไปนานแล้ว
บางครั้งเรายังพบกับลูกปะการัง ที่เข้ามา และยังมีชีวิตอยู่
และพวกเราก็เริ่มคิดว่า ลูกปะการังอาจมีความสามารถ
ที่จะปรับเปลี่ยนต่อสภาวะ ที่ปะการังเต็มวัยทำไม่ได้
พวกมันอาจจะสามารถปรับเปลี่ยน
เข้ากับโลกของมนุษย์ได้ดีกว่านิดหน่อย
ฉะนั้น ในงานวิจัยที่ฉันทำกับเพื่อนร่วมงาน ที่คูราโชว
พวกเราพยายามที่จะค้นหา ว่าลูกปะการังต้องการอะไร
ในช่วงแรกที่สำคัญ
ดูว่ามันมองหาอะไร
และเราจะพยายามช่วยได้อย่างไร
ฉันกำลังจะแสดงให้คุณเห็นถึงสามตัวอย่าง ของการทำงานที่เราได้ทำกัน
เพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้
หลายปีก่อนเราใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ และให้ปะการังทำแบบสำรวจ
สีที่ต่างกัน และพื้นผิวที่ต่างกัน
และเราก็ถามปะการังง่าย ๆ ว่า พวกมันอยากจะลงหลักปักฐานตรงไหน
และเราก็พบว่า ปะการัง แม้จะไม่มีเรื่องเชิงชีววิทยาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ก็ยังชอบสีขาวและชมพู ซึ่งเป็นสีของแนวปะการังที่สมบูรณ์
และพวกมันชอบรอยแตก ร่อง และช่อง
ที่ซึ่งพวกมันจะปลอดภัยจากการเหยียบย่ำ
หรือจากผู้ล่า
ฉะนั้น เราสามารถใช้ความรู้นี้
เราสามารถย้อนกลับไปบอกได้ว่า เราต้องฟื้นฟูปัจจัยเหล่านี้
สีชมพู สีขาว รอยแตก และพื้นผิวแข็ง ๆ
ในโครงการอนุรักษ์ของเรา
เรายังสามารถใช้ความรู้นั้นได้
ถ้าเรากำลังที่จะเอาอะไรบางอย่างลงไปในน้ำ เช่นกำแพงทะเลหรือท่าน้ำ
เราสามารถเลือกที่จะใช้วัสดุ และสี และพื้นผิว
ที่เป็นการทำให้ระบบ ย้อนกลับไปส่งเสริมปะการังเหล่านั้น
นอกเหนือจากพื้นผิว
เรายังศึกษาสัญญาณเคมี และสัญญาณของจุลชีพ
ที่เหนี่ยวนำปะการังมายังแนวปะการัง
เมื่อหกปีก่อน ฉันเริ่มที่จะเลี้ยงแบคทีเรีย
จากพื้นผิวที่ซึ่งปะการังเกาะอยู่
และฉันพยายามเลี้ยงมันทีละชนิด
มองหาแบคทีเรีย ที่จะสามารถชักจูงปะการัง ให้มาเกาะและลงหลักปักฐาน
และตอนนี้เรามีแบคทีเรียหลายสายพันธุ์ ในตู้แช่แข็ง
ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่า จะทำให้ปะการัง
เข้าสู่กระบวนการลงหลักปักฐาน และยึดเกาะ
เราบอกได้ว่า
เพื่อนร่วมงานของฉันในคูราโชว กำลังทดสอบแบคทีเรียเหล่านี้
เพื่อดูว่าพวกมันช่วยเรา เพิ่มจำนวนปะการังที่ลงหลักปักฐานในห้องทดลอง
และปะการังเหล่านั้น มีชีวิตรอดได้มากกว่าหรือไม่
จากน้นเราจะนำพวกมันกลับสู่ใต้น้ำ
นอกเหนือจากอุปกรณ์เหล่านี้ พวกเรายังพยายามที่จะไขปริศนา
ของสายพันธุ์ที่ได้รับการศึกษาน้อย
นี่คือหนึ่งในปะการังที่ฉันชอบที่สุด และชอบมาตลอด
เดนโดรไจรา ไซเลนดราส ปะการังเสา
ฉันชอบที่มันสร้างรูปทรงที่ประหลาด
เพราะว่าหนวดของมัน อ้วนแล้วก็ดูยุ่ง ๆ
และเพราะว่ามันหายาก
การได้พบมันบนแนวปะการังถือว่าโชคดี
อันที่จริง มันหายากมาก
จนเมื่อปีก่อนมันถูกจัดว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคาม
ในรายการสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์
และส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ตลอด 30 ปีของการสำรวจทางการวิจัย
นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยพบลูกปะการังเสาเลย
พวกเราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า พวกมันสืบพันธุ์ได้อยู่หรือเปล่า
หรือถ้าพวกมันยังสืบพันธุ์อยู่หรือเปล่า
ฉะนั้น สี่ปีก่อน เราเริ่มทำการติดตามตอนกลางคืน
และดูว่าเราจะสามารถ หาได้ไหมว่ามันปล่อยไข่ตอนไหนในคูราโชว
เราได้รับเคล็ดลับดี ๆ จากเพื่อนในฟอริดา
ที่เคยเห็นมันครั้งหนึ่งในปีค.ศ. 2007 และ อีกครั้งหนึ่งในปีค.ศ. 2008
และในที่สุดเราก็พบว่าพวกมันปล่อยไข่ ในคูราโชว
และเราก็จับมันได้
ทางซ้ายคือตัวเมีย ที่มีไข่ในเนื้อเยื่อ
กำลังจะปลดปล่อยพวกมันลงในน้ำทะเล
และนี่คือตัวผู้ อยู่ด้านขวามือ กำลังปล่อยสเปริ์ม
พวกเราเก็บสิ่งเหล่านี้ เอากลับไปยังห้องทดลอง และทำการผสม
และเราได้ลูกปะการังเสาว่ายน้ำในห้องทดลอง
ขอบคุณผลงานของเหล่านักวิทยาศาสตร์ลุงป้า
และขอบคุณเวลาที่เราใช้ทำงาน 10 ปี ในคูราโชว
ในการเลี้ยงสายพันธุ์ปะการัง
เรานำเอาตัวอ่อนเหล่านี้ผ่านกระบวนการ
และให้มันเกาะ และลงหลักปักฐาน
และเปลี่ยนเป็นปะการังหลายแบบ
และนี่คือลูกปะการังเสาตัวแรกที่ทุกคนได้เห็น
(เสียงปรบมือ)
และฉันต้องขอบอกว่า ถ้าคุณคิดว่าลูกแพนด้าน่ารักกว่าล่ะก็ --
นี่มันน่ารักกว่าค่ะ
(เสียงหัวเราะ)
ฉะนั้น เราก็เริ่มที่จะเข้าใจ ความลับของกระบวนการนี้
ความลับของการสืบพันธุ์ของปะการัง และวิธีที่เราอาจช่วยพวกมันได้
และสิ่งนี้ก็เป็นจริงทั่วโลก
นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาวิธีใหม่ เพื่อจัดการกับเอ็มบริโอ
เพื่อทำให้มันตั้งตัวได้
บางที อาจจะยังค้นพบวิธีการ สำหรับอนุรักษ์พวกมันที่อุณหภูมิต่ำ
ฉะนั้น เราสามารถอนุรักษ์ ความหลากหลายทางพันธุกรรมของพวกมันได้
และทำงานกับพวกมันได้บ่อยขึ้น
แต่นี่มันก็ยังโบราณเกินไป
เราถูกจำกัดด้วยพื้นที่บนหาดของเรา จำนวนของแรงงานในห้องทดลอง
และปริมาณของกาแฟ ที่เราดื่มเข้าไป ณ เวลาหนึ่ง ๆ
ทีนี้ ลองเปรียบเทียบสิ่งนี้ กับวิกฤตอื่น ๆ ของเรา
และเรื่องอื่น ๆ ที่สังคมของเราเป็นห่วง
เรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับสูง เรามีเทคโนโลยีการป้องกัน
เรามีเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์
เรามีแม้กระทั่งเทคโนโลยีระดับสูง สำหรับศิลปะ
แต่เทคโนโลยีของเราสำหรับการอนุรักษ์ ยังล้าหลัง
ลองคิดย้อนกลับไป ถึงงานที่ยากที่สุดที่คุณเคยทำสิคะ
พวกคุณหลายคนอาจบอกว่า มันคือการทำหน้าที่พ่อแม่
แม่ของฉันบอกว่า การเป็นพ่อแม่นั้น
เหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ชีวิตของคุณ น่าตื่นเต้นและซับซ้อนมากขึ้น
กว่าที่คุณจะสามารถจินตนาการได้
ฉันได้พยายามที่จะช่วยปะการังให้เป็นพ่อแม่ มาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว
และการเฝ้ามองความมหัศจรรย์ของชีวิต
ช่วยให้ฉันถูกเติมเต็มด้วยความน่าทึ่ง ไปจนถึงแก่นของจิตวิญญาณจริง ๆ
แต่ฉันยังได้เห็นว่ามันยากแค่ไหน ที่พวกมันจะได้กลายเป็นพ่อแม่
เสาปะการังทำการวางไข่อีกครั้ง เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
และพวกเราเก็บไข่พวกมัน และนำกลับมาที่ห้องทดลอง
และที่นี่ คุณได้เห็นเอ็มบริโอหนึ่งแบ่งตัว
ท่ามกลางไข่อีก 14 ฟอง ที่ไม่ได้รับการผสม
และจะแตกไปในที่สุด
พวกมันจะติดเชื้อแบคทีเรียและแตก
และแบคทีเรียนั้นจะทำอันตราย กับชีวิตของเอ็มบริโอนี้
ที่มีโอกาส
เราไม่รู้ว่าวิธีการจัดการของเราล้มเหลว
และเราก็ไม่รู้
ว่ามันเป็นเพราะปะการังตามแนวนี้ มีอัตราการผสมพันธุ์ต่ำอยู่แล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเป็นสาเหตุ
เรายังมีงานอีกมากที่จะต้องทำ ก่อนที่เราจะสามารถทำให้ปะการังทารก
เติบโต หรือซ่อม หรืออาจช่วยแนวปะการังได้
ฉะนั้น ไม่ต้องห่วงเลยว่า พวกมันมีค่าเป็นแสนล้านดอลล่าร์
แนวปะการังคือสัตว์ พืช จุลชีพ และฟังไก ที่ทำงานหนัก
พวกมันทำให้เรามีงานศิลปะ อาหาร และยา
และพวกเราก็เกือบที่จะทำลาย ปะการังไปทั้งหมด
แต่บางส่วนก็เหลือรอดมาได้ จากความพยายามเหล่านั้นของเรา
และตอนนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะขอบคุณ สำหรับงานที่พวกมันทำเอาไว้
และให้ทุก ๆ โอกาสกับพวกมัน เพื่อที่จะฟื้นฟูแนวปะการังเพื่ออนาคต
ลูกหลานของพวกมัน
ขอบคุณมากค่ะ
(เสียงปรบมือ)