Tip:
Highlight text to annotate it
X
สวัสดี ครูแอนเดอเสนกับวิดีโอในชุดวิชาเคมีพื้นฐานลำดับที่ 29 นี้ จะว่าด้วยเรื่องของปฏิกริยาการสังเคราะห์และการย่อยสลาย
ถ้าครูจะลองให้พวกเราเลือกดูว่ารูปทางซ้ายนี้ อันไหนที่เป็นปฏิกริยาการย่อยสลาย
พวกเราส่วนใหญ่ก็คงจะเลือกรูปรถไฟ เพราะเห็นว่าเป็นรูปของ
ตัวรถที่กำลังเกิดสนิม ..แต่ลองคิดดูให้ดีก่อน สนิมคืออะไร? ..สนิมก็คือการรวมตัวกัน
เหล็กและออกซิเจน ..เพราะงั้น ที่จริงแล้วนี่เป็นปฏิกิริยาการสังเคราะห์ นั่นคือ หากเราจะนำ
อะตอมและโมเลกุล เอามารวมตัวกันขึ้นเป็นสารประกอบใหม่ นั่นก็จะเป็นปฏิกริยาการสังเคราะห์
แล้วอะไรบ้าง ที่เป็นตัวอย่างปฏิกริยาการสลาย? การแยกน้ำเป็นกาซออกซิเจนและไฮโดรเจน
เป็นตัวอย่างของปฏิกริยาชนิดนี้ ก็เป็นอันว่า ถ้าเราเอาอะตอมหรือโมเลกุลมารวมกันเข้า
เป็นสารประกอบตัวใหม่ เราเรียกว่าปฏิกริยาการสังเคราะห์ คือเรากำลังสร้างสารตัวใหม่ขึ้นมา
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเอาสารประกอบมาตัวหนึ่ง แล้วแยกออกมาเป็นอะตอมหรือโมเลกุล เราก็จะเรียกว่า
ปฏิกริยาการย่อยสลาย ซึ่งมักจะมีการปล่อยความร้อนออกมาจำนวนนึง
เราอาจจะเอาปฏิกริยาทั้งสองแบบนี้ใช้ในการศึกษาเรื่องปริมาณสารสัมพันธ์
และการฝึกหัดการทำแลป สรุปว่า ปฏิกริยาการสังเคราะห์ เป็นการรวมตัวขอวอะตอมหรือโมเลกุล
เข้าด้วยกัน ..ครูจะยกตัวอย่างให้ดู อย่างแมกนีเซียม
เอามานิดนึงแล้วก็ใส่ความร้อนเข้าไป ปล่อยให้รวมตัวกับออกซิเจน
ก็จะเกิดแมกนีเซียมออกไซด์ เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เราก็จะได้สารที่เป็นของแข็งชนิดใหม่ออกมา
เป็นการที่เราเอาของแข็งและกาซ มาสร้างเป็นของแข็งชนิดใหม่ออกมา
ตัวอย่างปฏิกริยาสังเคราะห์อีกอันนึงก็คือการคาร์บอเนตน้ำ ในรูปที่เห็นนี่ ครูกำลัง
เติมกาซคาร์บอนไดออกไซด์ เข้าไปในเครื่องทำน้ำอัดลมที่บ้าน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ก็คือ
กาซคาร์บอนไดออกไซด์จะเข้าไปรวมตัวกับน้ำ
เกิดเป็นกรดคาร์บอนิค .. และตัวกรดคาร์บอนิคนี้ จะทำให้ค่า pH ของน้ำอัดลมที่ได้นี่ ลงไปอยู่ที่ราวๆ 4
แล้วก็จะทำให้รสชาติของน้ำอัดลม เปลี่ยนไปจากน้ำตัวเดิมด้วย แล้วปฏิกริยาการย่อยสลายล่ะ?
ก็จะเป็นการเอาสารประกอบมาทำให้แยกตัวนั่นเอง ..ตัวอย่างเช่น
เราเอาโซเดียมอะไซด์ มาแยกเป็นโลหะโซเดียมและการไนโตรเจน
อันนี้ ก็จะเป็นปฏิกิริยาการสลายตัว ..เพราะงั้น ถ้าเรามีสารตั้งต้นตัวนึง และสารผลิตภัณฑ์สองตัว ..ก็มีแนวโน้มที่ว่า
ปฏิกริยานี้ น่าจะเป็นปฏิกิริยาการสลายตัว ตัวอย่างปฏิกริยาแบบนี้พอจะเห็นของจริงได้ที่ไหนบ้าง?
ก็ต้องไปดูที่การสร้างถุงลมนิรภัยในยุคแรกๆ ที่เขาทำกันก็คือ เขาจะเอาโซเดียมอะไซด์
ใส่เข้าไปในถุงลมตรงนี้ ..ซึ่งในสภาวะปกติ ก็จะเป็นสารที่มีความเสถียรดีอยู่ แต่ถ้าเราใส่ความร้อนเข้าไปหน่อยนึง
ทางด้านใน ซึ่งก็จะมีตัวจุดอยู่ ก็จะเกิดการแยกตัวออกเป็นโซเดียมและ
กาซไนโตรเจน .. และกาซไนโตรเจนจะทำให้ถุงลมพองขึ้นอย่างรวดเร็ว
เราก็พอจะเดาได้ว่า จะมีกาซไนโตรเจน (น่าจะเป็นโซเดียม - ผู้แปล) อยู่ในถุงเต็มไปหมด ซึ่งไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก เนื่องจากเป็นสารที่ความไว (ต่อการทำปฏิกริยา) เช่นกัน
เขาก็เลยใส่สารเคมีบางตัวเพิ่มลงไป เพื่อเอาไว้คอยทำปฎิกริยากับโซเดียม
อีกตัวอย่างนึงก็อันนี้ .. ครูก็เอาโซเดียมเปอร์ออกไซด์มา แล้วเติมคะตะไลซ์ตัวนึงเข้าไป
ซึ่งก็คือเอนไซม์ที่อยู่ในยีสต์ ซึ่งก็จะเข้ามาเป็นส่วนนึง
ของปฏิกิริยาเคมีอันนี้ ทำหน้าที่เป็นคะตะไลซ์ ครูก็เริ่มจากที่เติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ลงไป
ปิดปากถุงเสีย เขย่าเล็กน้อยให้เข้ากัน
ก็จะเห็นว่ามีการแยกสลายออกมาเป็นน้ำ ออกมาเป็นออกซิเจน
และกาซออกซิเจนก็จะทำให้ถุงพองตัวขึ้น ถ้าลองจับก้นถุงดู
ก็จะรู้สึกว่าอุ่นขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะมีการคายพลังงานออกมา
ในตอนที่มีการสลายพันธะและการสร้างพันธะใหม่ขึ้น ถ้าปล่อยให้เดิน (ปฏิกริยา) ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะระเบิดออกมาได้
เพราะงั้น ถึงบางจังหวะ ก็ควรจะต้องเปิดปากถุง ปล่อยกาซออกมาบ้าง ครูก็กลัวเหมือนกัน
มาสรุปกัน ..ตกลงเราได้เรียนรู้แล้วว่าปฏิกริยาการสังเคราะห์ และปฏิกริยาการย่อยสลายแตกต่างกันอย่างไรแล้ว หรือไม่?
อย่างตอนที่เรากำลังเผาแมกนีเซียม หรือกำลังทำให้มันรวมตัวกับออกซิเจนนั้น นั่นก็คือการเกิดปฏิกริยาการสังเคราะห์
คิดว่าเราสามารถทำปริมาณสารสัมพันธ์กับปฏิกริยาตัวนี้ได้หรือไม่? วิธีการอันนึงที่อาจจะทำได้ ก็คือ
การชั่งน้ำหนักของแมกนีเซียมก่อน เอาใส่ลงไปในเตาเล็กๆ ตรงนี้ เผาให้ร้อน จากนั้นเมื่อเสร็จแล้ว เราก็
เอามาชั่งอีกที ..เราก็จะหาน้ำหนักของสารผลิตภัณฑ์ได้ แล้วก็จะ
หาย้อนกลับไปได้ว่าเราใช้ออกซิเจนไปเท่าไร ...ก็หวังว่า
คงมีประโยชน์บ้าง