Tip:
Highlight text to annotate it
X
ผมจะเล่าให้คุณฟังเล็กน้อยเกี่ยวกับ พฤติกรรมที่ไร้เหตุผล
(เสียงหัวเราะ)
ผมอยากพูดเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง ซึ่งก็คือ การควบคุมตนเอง
มีสองสาวพี่น้อง ในนอร์ธคาโลไรน่า
พี่น้องดีเลนี
และเมื่อน้องสุดท้องของพวกเขา มีอายุครบร้อยปี
พวกเขาถามเธอว่า "อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คุณอายุยืน"
-- พวกเธอได้รับการสัมภาษณ์จากนิวยอร์กไทมส์ --
"อะไรคือเคล็ดลับ ที่ทำให้พวกคุณอายุยืน"
พวกเขาตอบว่า พวกเขามีเคล็ดลับสองประการ
อย่างแรกเลยก็คือ พวกเขาบอกว่า ตัดสินใจที่จะไม่แต่งงาน
(เสียงหัวเราะ)
พวกเขาบอกว่า ไม่ต้องการสามี ที่จะมาทำให้พวกเขาลงหลุมเร็วขึ้น
(เสียงหัวเราะ)
และภรรยาของผมก็นั่งอยู่ตรงนี้
เพราะงั้น ผมเลยจะขอข้ามเรื่องเบื้องลึกจำเพาะนี้ไปก่อน
(เสียงหัวเราะ)
แต่อย่างที่สองที่พวกเขาบอกก็คือ พวกเขาไม่ต้องการเข้าโรงพยาบาล
เพราะโรงพยาบาล เป็นที่ที่คุณติดเชื้อได้
และสิ่งที่พวกเขาบอก เป็นเรื่องชาญฉลาดมาก
ผมเคยอยู่ในโรงพยาบาล เป็นระยะเวลานาน
และเหมือนกับคนอื่นๆ ผมติดเชื้อโรคใหม่ๆ
ในขณะที่อยู่ที่โรงพยาบาล
ผมถูกไฟคลอก ผมอยู่ในแผนกศัลยกรรม
แต่ผมได้รับการถ่ายเลือดที่ติดเชื้อ
และด้วยผลจากการนั้น ทำให้ผมเป็นโรคเพิ่ม
โดยทั่วไป มันก็แย่พออยู่แล้ว ที่ต้องไปโรงพยาบาล
มันยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก เมื่อได้รับเชื้อโรคตับ
มันจะส่งผลกระทบกับการรักษาของผม มันทำให้การผ่าตัดช้าลง
มันปฏิเสธการปลูกถ่าย เรื่องเลวร้ายทุกประการ
แต่มันก็มีบ้าง ที่หมอก็ไม่รู้ว่า มันมาได้ยังไง
พวกเขาไม่รู้ว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร
หากเร่งเวลาผ่านวันเดือนปี วันดีคืนดี ตับของผมจะออกอาการ
เจ็ดปีถัดมา ก็เกิดเรื่องขึ้นคราวหนึ่ง
ผมพาตัวเองไปโรงพยาบาล และพวกเขาบอกข่าวดีกับผม
พวกเขารู้แล้วว่าสาเหตุคืออะไร มันคือโรคตับอักเสบซี
มันคือไวรัส ชนิดที่ผมได้รับเมื่อตอนนั้น
และพวกเขาได้ชี้ชัดว่า -- พวกเขาได้จำแนกปัญหาออกมา
และไม่แค่นั้น มันเป็นการทดลองใหม่ขององค์การอาหารและยา
พวกเขากำลังทดสอบตัวยาชนิดใหม่
เรียกว่า อินเตอร์เฟียรอน เพื่อที่จะดูว่ามันได้ผลมั้ยกับตับอักเสบซี
พวกเขาถามผมว่า ผมอยากจะเข้าร่วมการทดลองรักษานี้มั้ย
แน่นอน ผมตอบตกลง
ใครมันจะไปอยากตายเพราะโรคตับแข็งกันเล่า
ดังนั้นผมจึงเข้าร่วมการทดลอง
และสิ่งที่พวกเขาบอกผม เมื่อเข้าร่วม
ก็คือว่าอินเตอร์เฟียรอนนั้นยุ่งยากและน่ารำคาญขนาดไหน
และนี่คือสิ่งนั้น -- สำหรับผม การฉีดอินเตอร์เฟียรอน
เป็นการทำเครื่องหมาย แห่งความซับซ้อนของชีวิตมนุษย์
ลองนึกดูว่าคุณยืนอยู่ที่นั่น พร้อมกับกระบอกฉีดยา
แล้วคุณต้องฉีดมันเข้าไปในต้นขาของคุณ
สามครั้งต่ออาทิตย์ สิริทั้งหมดปีครึ่ง
และคุณรู้ว่าถ้าคุณทำมันไปตลอดปีครึ่ง
คุณจะไม่ป่วยเป็นโรคตับอีกเลย นับจากนี้ไป 30 ปี
แต่คุณก็รู้ว่าถ้าคุณทำมันตอนนี้
คุณจะต้องทุกข์ทรมานอย่างหนัก ในอีก 16 ชั่วโมงถัดไป
อาเจียน, ปวดหัว, เป็นไข้, หนาวสั่น
ลองคิดดูซักหน่อยมั้ยครับ ว่าเป็นคุณ คุณจะทำหรือเปล่า
แบบว่า คุณจะทำมั้ย คุณจะสามารถยอมทนกับ
ผลกระทบระยะสั้นของการสูญเสีย
เพื่อความเป็นไปได้ ในการได้รับประโยชน์ในระยะยาวหรือไม่?
ถ้าคุณได้ลองตรองดู จะเห็นว่านี่เป็นปัญหาดึกดำบรรพ์
สำหรับพฤติกรรมมนุษย์ มันคือปัญหาของ อดัม และ อีฟ นั่นเอง
คุณอาจจะบอกว่า
"ใครมันจะไปยอมทิ้งชีวิตนิรันดร์ในสวนแห่งอีเดน เพื่อแอปเปิ้ลแค่ผลเดียวกันล่ะ"
(เสียงหัวเราะ)
มันฟังดูโคตรบ้าเลยใช่มะ
แต่นี่คือเวอร์ชั่นที่ทันสมัยของคำถามนี้
(เสียงหัวเราะ)
"ใครที่มีสติจะไปเสี่ยงชีวิตกับการพิมพ์ข้อความ"
ใครที่พิมพ์ข้อความระหว่างขับรถ โปรดยกมือขึ้นด้วยครับ
ผมเดาว่า พวกคุณส่วนใหญ่ที่เหลือ กำลังเลี่ยงความจริง
(เสียงหัวเราะ)
มีการศึกษาเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ถามคำถามว่า
"จะเกิดอะไรขึ้นในรัฐ ที่ห้ามการพิมพ์ข้อความระหว่างขับรถ"
อัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นน่ะสิ ทำไมล่ะ
เพราะว่าแทนที่คนจะพิมพ์ข้อความแบบนี้ พวกเขาก็เลยต้องพิมพ์แบบนี้
(เสียงหัวเราะ)
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
มากกว่าการพิมพ์ข้อความ ใช่มั้ยครับ
นี่คือเรื่องสุขภาพ
ลองคิดถึงการลดน้ำหนัก ซึ่งดีกับสุขภาพจริงในระยะยาว
แต่ไม่สนุกตอนนี้
การออกกำลังกาย ทรมานตอนนี้ ดีตอนต่อไป
การออมเงิน ไม่สนุกตอนนี้แน่ แต่ก็ดีสำหรับอนาคต
การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ก็คือกัน
และกลายเป็นว่า เมื่อเราประสบกับปัญหาประเภทนี้
เรามักจะล้มเหลวเป็นประจำ ทั้งโดยระเบียบ และ ความคงเส้นคงวา
นี่เป็นทางหนึ่งที่คิดได้เกี่ยวกับมัน
ลองคิดดูว่าถ้าผมให้เลือก ว่าจะให้ช๊อกโกแลตครึ่งกล่องกับคุณตอนนี้
หรือ ช๊อกโกแลตเต็มกล่องกับคุณในอาทิตย์หน้า
ช๊อกโกแลตครึ่งกล่องตอนนี้ กับ เต็มกล่องในอีกหนึ่งอาทิตย์
ลองคิดดูว่า คุณมีตัวอย่างจริงๆอยู่ในมือ
ดังนั้นมันไม่ใช่แค่สมมุติ
แต่คุณจะสามารถมองเห็น สูดดม และสัมผัสช๊อกโกแลตนี้ได้
ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้
พวกคุณกี่คน ที่จะรอคอยไปอีกอาทิตย์ เพื่อที่จะได้ช็อกโกแลตอีกครึ่งกล่อง
ยกมือขึ้นครับ โอเค เรามีสองสามคนที่อดทน ที่นี่
อาจจะถึง 20% และผมแน่ใจว่า ถ้ามันเป็นเรื่องจริง คงจะมีน้อยกว่านี้มาก
(เสียงหัวเราะ)
-- เสียงส่วนใหญ่บอกว่า "เอาช๊อกโกแลตมาเดี๋ยวนี้"
ทีนี้ลองคิดดูว่า ถ้าผมเลื่อนตัวเลือกออกไปในอนาคต
แล้วบอกว่า คุณจะได้
ช๊อกโกแลตครึ่งกล่องในหนึ่งปี
หรือ ช๊อกโกแลตเต็มกล่อง ในหนึ่งปีกับหนึ่งสัปดาห์แทนล่ะ
ตอนนี้ ให้สังเกตนะครับ ว่ามันคือคำถามเดียวกัน
มันคือคำถามที่ว่า คุณจะรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์ได้หรือไม่ เพื่อที่จะให้ได้ช็อกโกแลตเพิ่มอีกครึ่งกล่อง?
มีกี่คนครับ ที่เต็มใจจะรอ
ทุกคนเลย (เสียงหัวเราะ)
-- นั่นเป็นเพราะว่าในอนาคต พวกเราต่างเป็นคนที่ประเสริฐแท้
(เสียงหัวเราะ)
เราจะออกกำลังกาย เราจะลดน้ำหนัก เราจะอดออม
แน่นอน ปัญหาก็คือ เราไม่ได้อยู่ในอนาคต
เราต่างอยู่กับปัจจุบัน และในตอนนี้ เราเป็นคนที่ต่างจากนั้นมาก
เร่งเวลาไปอีกหน่อย ผมฉีดยาพวกนี้เป็นระยะเวลานาน
และมันเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมาก สำหรับชีวิตผม
และเมื่อมันจบลง หมอบอกกับผมสองเรื่อง
เรื่องแรก พวกเขาบอกว่าการรักษานั้นได้ผล
มันกำจัดไวรัสออกจากตัวผมจนหมดสิ้น นั่นเป็นข่าวที่ดี
อย่างที่สองก็คือ พวกเขาบอกกับผมว่า ในสัญญาทั้งหมดขององค์การอาหารและยา
ผมเป็นคนไข้เพียงคนเดียว ที่เข้ารับการรักษาอย่างตรงเวลา
คำถามก็คือ มันเป็นไปได้ยังไง
ผมมีวินัยในตัวเองที่ดีกว่าหรือ หรือว่าผมมองเห็นอนาคตได้ดีกว่าคนอื่น
ผมใส่ใจมากกว่าหรือเปล่า
และคำตอบก็คือ ไม่เลย
คำตอบก็คือ ผมตัดสินใจที่จะหลอกตัวเอง
และ กุศโลบายของผม มีฐานมาจากการที่ผมชอบดูหนัง
ถ้าผมมีเวลา ผมจะดูหนังจำนวนมา
น่าเศร้าที่ผมไม่ค่อยมีเวลาอย่างนั้น
ดังนั้น ผมจึงตกลงกับตัวเอง ว่าผมจะได้ดูหนังก็ต่อเมื่อผมฉีดยาแล้วเท่านั้น
เพราะงั้นในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ต้องถูกฉีดยา
ผมจะไปโรงเรียน แวะที่ร้านเช่าวิดีโอ
ผมจะเช่าวิดีโอเรื่องที่ผมต้องการดูหลายๆเรื่อง
ผมจะเอามันใส่ไว้ในเป้ทั้งวัน คาดหวังว่าจะได้ดูมัน
แล้วผมก็จะกลับบ้านในตอนเย็น เอาวิดีโอใส่เครื่อง
ผมจะฉีดยาให้ตัวเอง จากนั้นเอาถังและผ้าห่มมาเตรียมไว้รับผลข้างเคียง
ผมจะฉีดยาตัวเอง แล้วเริ่มดูวิดีโอในทันที
พอย้อนกลับไปคิดแล้ว นี่เป็นไอเดียที่พิลึกมาก
เพราะว่าถ้าคุณคิดถึงสิ่งต่างๆในชีวิตที่สำคัญ และไม่สำคัญ
ตับนั้นสำคัญมาก (เสียงหัวเราะ) มันเป็นเรื่องเหนือไปกว่าอื่นใด
การฉีดยา ผลข้างเคียง ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในรายการ
หนังยิ่งแล้วใหญ่ ไม่สำคัญเลย
แล้วเกิดอะไรขึ้น
ปัญหาก็คือ เราเห็นปัญหา เราเข้าใจโลก
มันไม่ใช่แบบนี้ มันไม่ใช่เราบอกว่า
ตับสำคัญ และ ผลข้างเคียงไม่สำคัญ
เรามีขอบเขตระยะเวลาให้มันด้วย
และเมื่อเราเติมขอบเขตระยะเวลาเข้าไป
เพราะตับเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันอยู่ห่างไกลออกไปในอนาคต
เราก็เลยให้ส่วนลดมันอย่างน่าสะพรึง เหมือนกับที่เราให้กับช๊อกโกแลต ในหนึ่งสัปดาห์
และเพราะการฉีดยาเป็นเรื่องที่ต้องทำตอนนี้ เราก็เลยทำให้มันสำคัญเว่อร์ไปมาก
เพราะงั้น ลองคิดดูครับ กุศโลบายเรื่องหนัง
ช่วยให้ผมใส่ใจกับตับของผม
ผมตื่นเช้าทุกวัน ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ที่จะต้องทำอะไรบางอย่างกับตับของผมหรือไม่ครับ
ไม่ ผมทำสิ่งที่เราเรียกว่า การทดแทนด้วยรางวัล
ผมแทนที่ตับด้วยหนังเรื่องโปรด
ผมเริ่มปฏิบัติตัวคล้ายกับว่าผมใส่ใจในเรื่องตับของผม
ผมใส่ใจมัน ก็เพียงเพราะว่ามีบางสิ่งอยู่ระหว่างทาง
ซึ่งเกิดขึ้นทันที และดึงดูดใจ
และถึงแม้ว่ามันจะไม่สำคัญเท่ากับเรื่องตับ
แต่มันกลายเป็นตัวแทนของรางวัล
ตอนนี้ ความจริงก็คือ เราเผชิญหน้ากับปัญหา
ด้วยการควบคุมตนเองตลอดเวลา
ปัญหาทั้งหมดที่ผมกล่าวมา ต่างเป็นปัญหาพื้นฐานของมนุษย์ทั้งนั้น
เราจะทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมา พร้อมกับพลังงานเต็มเปี่ยมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่
ดูเหมือนจะไม่นะครับ
เราจะใช้วิธีแทนที่รางวัลได้หรือไม่ ก็อาจจะ
ลองคิดถึงตัวอย่างบางตัวอย่าง เช่น ปัญหาโลกร้อน ดูสิ
ถ้าคุณจะออกแบบปัญหาซักเรื่อง ที่ไม่ค่อยจะมีคนให้ความสนใจนัก
มันก็คงจะเป็นเรื่องปัญหาโลกร้อนนี่แหละ
(เสียงหัวเราะ)
ใช่มั้ยล่ะครับ
มันมีองค์ประกอบทุกอย่าง สำหรับความเพิกเฉยของมนุษย์
เกิดในอนาคตอันไกลโพ้น เกิดขึ้นกับคนอื่นก่อน
เราไม่เห็นว่ามันดำเนินอยู่ เราไม่เห็นคนอื่นๆทุกข์ทรมาน
และสิ่งต่างๆที่เราจะทำ ก็เป็นการทิ้งขยะคนละชิ้น
องค์ประกอบทุกอย่างที่สร้างความเพิกเฉยของมนุษย์ มารวมกันอยู่ในที่เดียว!
เราสามารถทำให้คนตื่นเช้าขึ้นมา แล้วรู้สึกมีพลังในการแก้ปัญหาโลกร้อนได้หรือไม่
บางทีอาจจะแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น
แต่บางที กุญแจสำคัญคือการสร้างตัวแทนรางวัล
การชักนำผู้คนให้ใส่ใจในสิ่งอื่น ซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับการทำตัวดีๆ
และการชักจูงในคนทำดี ด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวกันเลย
เพราะงั้น ถ้าเราคิดถึงการควบคุมตัวเอง ผมได้บอกคุณไปหน่อยแล้ว เกี่ยวกับการแทนที่ด้วยรางวัล
ผมอยากจะบอกคุณอีกซักวิธีหนึ่ง
และนี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่า ข้อตกลงในการควบคุมตนเอง หรือ ข้อตกลงของยูลิสซิส (Ulysses)
ถ้าคุณยังจำได้ถึงเรื่องของยูลิสซีส และ พวกไซเรน
ยูลิสซีสรู้ว่าถ้าพวกไซเรนมา เขาจะต้องถูกยั่ว
ดังนั้น เขาจึงมัดตัวเองกับเสาเรือ เขาให้พวกลูกเรือสวมจุกอุดหู
เพราะงั้นถึงแม้พวกไซเรนจะมา เขาก็จะไม่ถูกยั่วยวน
นั่นเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ กลไกในการควบคุมตนเอง
และมันเป็นเรื่องที่ดูจะซับซ้อนกว่ามาก
เขากล่าวว่า "เรารู้ว่าเมื่อถึงเวลา เราจะถูกยั่วยวน
เพราะงั้น เราต้องทำอะไรซักอย่างตอนนี้ เพื่อที่จะกำจัดการยั่วยวนนี้ออกไปให้พ้นทาง"
ลองนึกดูว่า คุณไปที่ภัตตาคาร
และคุณสาบานไว้ว่าจะลดน้ำหนัก
สิ่งที่ประหลาดก็คือ
ถ้าบริกรมาเสิร์ฟช๊อกโกแลตซูเฟล (soufflé) ที่โต๊ะ
คุณจะต่อต้านการยั่วยวนนี้ได้หรือ
ไม่มากใช่มั้ยครับ
คุณพร้อมที่จะทำตามข้อตกลงของยูลิสซิส โดยการบอกกับบริกรว่า
"นี่เงินหนึ่งเหรียญ อย่าเอาถาดของหวานมาให้ฉันเห็น" หรือไม่
(เสียงหัวเราะ)
ก่อนที่เราจะไปดูกัน ขอให้เราย้อนกลับไปซักนิด
และลองคิดดูว่า พวกสัตว์ต่างๆทำแบบนั้นได้หรือไม่
ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นนกพิราบหรือหนู
และคิดต่อว่าคุณได้เรียนรู้สองสิ่ง
คุณเรียนรู้ว่าปุ่มสีเขียว
หมายถึง อาหารเม็ดเล็ก หนึ่งเม็ดทันที
และปุ่มสีม่วง หมายถึง อาหาร 10 เม็ด ภายใน 10 วินาที
คุณได้เรียนรู้สิ่งหนึ่ง ได้เรียนรู้อีกสิ่งหนึ่ง ทีนี้เราลองเอามันมารวมกัน
คำถามก็คือ
ถ้าคุณเป็นหนู หรือ นกพิราบ คุณจะเลือกแบบไหน
ลองนึกถึงประมาณการนะครับ สำหรับหนู 10 วินาทีเท่ากับ 1 สัปดาห์ของคน
คุณคิดว่าพวกมันจะเลือกอะไรครับ
พวกมันเลือกปุ่มสีเขียว
น่าเศร้า ที่พวกมันเลือกเอาแค่ 1 เม็ด และทิ้ง 10 เม็ดนั้นไปก่อน
มันแย่ลงอีกเล็กน้อย คุณเริ่มการทดลอง
ปุ่มสีม่วงโผล่มา บางครั้งก็ผ่านไป
แล้วปุ่มสีเขียวก็โผล่ขึ้นมา
ถ้าพวกหนูหรือนกพิราบรอได้ พวกมันก็แค่นั่งทับปีก(มือ)เอาไว้
ถ้าพวกมันรอได้ พวกมันหันเหความสนใจของตนเองได้
พวกมันก็จะได้รับอาหาร 10 เม็ดนั่น
แต่มันทำไม่ได้
พวกมันกดปุ่มสีเขียว และไม่สนการได้รับอาหาร 10 เม็ด
แต่นี่เป็นข่าวดีนะครับ
ข่าวดีก็คือว่า ถ้าคุณให้พวกมันรู้ว่ามีปุ่มสีแดง
และปุ่มสีแดง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอาหาร
และนกพิราบและหนู ไม่ได้ต้องการกดมัน
แต่ปุ่มสีแดงจะกำจัดปุ่มสีเขียวทั้งหมด
เมื่อปุ่มสีม่วงโผล่มา พวกมันกด ปุ่มสีแดงก็จะโผล่
ถ้าหนูหรือนกพิราบกดมัน
สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นก็คือ การยั่วยวนจะไม่เกิดขึ้น
คิดว่ายังไงครับ พวกมันจะกดมั้ย
พวกมันกดล่ะครับ
ก็ไม่ทุกครั้งหรอก แต่พวกมันกดค่อนข้างบ่อย
และผมคิดในแง่ดีนะว่า ถ้าพวกมันทำได้
รู้มั้ย -- บางที -- พวกเราก็น่าจะทำได้ด้วย
(เสียงหัวเราะ)
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ
นี่เป็นนาฬิกาที่นักศึกษาคนหนึ่งที่มีเดียแลปออกแบบขึ้น
มันเรียกว่า คล๊อกคี (Clocky) มันมีล้อใหญ่ๆสองล้อ อย่างที่คุณเห็นในภาพ
และเมื่อเสียงสัญญานดังขึ้น มันก็จะเริ่มวิ่งไปรอบห้อง
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อคุณเข้านอน ในใจของคุณ คุณคือคนที่
จะตื่นตอนหกโมงเช้า แล้วออกไปวิ่ง
ก่อนที่จะไปทำงาน หรือไปเรียน
เมื่อคุณตื่นตอนหกโมงเช้า คุณไม่ใช่คนเดิมแล้ว (เสียงหัวเราะ)
คุณเป็นคนที่จะนอนจมจ่อมต่อไปบนเตียง จนกระทั่ง 8.30 รู้มั้ย
แล้วก็คิดว่าจะออกไปวิ่งใหม่พรุ่งนี้ (เสียงหัวเราะ)
เจ้านาฬิกานี่กำจัดปัญหานี้ เพราะถ้าคุณตั้งเวลาปลุกมันไว้คืนก่อน
เช้าวันถัดมา คุณจะต้องตื่น
นาฬิกาจะไปซ่อน ใต้โต๊ะตัวไหนซักตัว
มันวิ่งพล่านไปทั่ว ไม่มีทางเลยที่จะไม่ตื่น
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นไอเดียที่น่าสนใจจริงๆ
แต่ไม่เคยถูกนำออกมาใช้ทางการค้า
แต่ผมชอบมันมาก มันเรียกว่า "งีบแล้วเสีย"
มันคือนาฬิกาปลุก ที่เชื่อมต่อเข้ากับบัญชีเงินฝากของคุณ --
(เสียงหัวเราะ)
-- และคุณเชื่อมมันไว้กับองค์กรการกุศล ที่คุณเกลียดอีกด้วย
(เสียงหัวเราะ)
ทุกๆวินาทีที่นาฬิกาเดินไป
จนกระทั่งถึงเวลาที่คุณปิดมัน
เงินของคุณจะถูกโอนไป ให้กับองค์กรการกุศลที่คุณเกลียด (เสียงหัวเราะ)
ลองคิดดูสิครับ ว่าการงีบด้วยเงื่อนไขแบบนี้จะเป็นอย่างไร
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ "สติ๊คค" (Stikk)
สติ๊คค เป็นเว็บไซต์ที่เจ๋งจริงๆ
มันอนุญาตให้คนสร้างข้อตกลงในการควบคุมตนเอง
ระหว่างพวกเขากับคนอื่นๆ
คนที่เขาชอบและไม่ชอบ องค์กรต่างๆ...
คุณสามารถควบคุมจำนวนเฟสบุ็คที่จะดู
และจำนวนอีเมล และปริมาณสิ่งที่รับประทาน
และสิ่งอื่นๆแทบทุกชนิด
เว็บไซต์ที่น่าสนใจอีกเว็บหนึ่งคือเว็บนี้
มันเป็นซอฟต์แวร์ที่คนสามารถดาวน์โหลดไปไว้ในคอมพิวเตอร์ได้
และพวกเขาจะมอบมันให้กับคนอื่น และมันจะแจ้งให้คนเหล่านั้นทราบ
เมื่อไรก็ตามที่คนๆนั้นแอบดูเว็บโป๊ออนไลน์
(เสียงหัวเราะ)
มันยังบอกคนอื่นด้วยนะ ถ้าหากคุณยกเลิกการติดตั้งซอฟต์แวร์นี้
แล้วอะไรคือประเด็นล่ะ
ประเด็นก็คือ การยั่วยวนเกิดขึ้นได้ทุกแห่งหน
พวกเราเป็นสิ่งที่ถูกออกแบบให้คิดถึงช่วงชีวิตที่ยืนยาวได้
และนั่นเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามาก
มันคือปัญหาเช่นเดียวกับ ปัญหาของอดัมและอีฟ
และมันคงจะดี ถ้าพวกเราสามารถออกแบบ
อุปกรณ์ของตนเองที่จะเอาชนะปัญหานี้
มันคงจะดี ถ้าเราทั้งหมด สามารถแก้โจทย์ได้ เช่นเดียวกับทางออกของยูลิสซิส
ปัญหาก็คือ เราทำไม่ได้ทั้งหมด มันไม่ง่าย มันไม่เรียบง่ายเลย
โชคดีที่ ผมคิดว่ามีข่าวดีเกี่ยวกับมัน
นั่นคือ เราสามารถสร้างกลไกอื่นๆ
เราสามารถประดิษฐ์สิ่งของ เช่น คล็อคคี เราสามารถสร้างเว็บ เช่น สติ๊คค
เราสามารถสร้างส่วนติดต่อและกลไก ที่จะช่วยเหลือผู้คน
เพื่อที่จะเอาชนะ และใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการในระยะยาว
ผมขอยกซักตัวอย่างหนึ่ง เช่นนี้ ที่เราได้ทำการทดลอง
ผลออกมาว่า ในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ ไม่เคยมีใครเลยที่ตื่นขึ้นมา
แล้วพูดว่า "วันนี้ ผมรู้สึกอยากจะส่องลำไส้จัง"
(เสียงหัวเราะ)
พวกคุณบางคนรู้ความรู้สึกนี้ดีกว่าคนอื่น
และผลก็คือ สิ่งที่คนทำ
ถ้าพวกเขาต้องตื่นขึ้นมาวันนี้ แล้วถูกส่องกล้องตรวจลำไส้คือ
พวกเขาจะหาเรื่องอย่างอื่นมาทำน่ะสิ
"โอ้ ที่ทำงานงานยุ่งมากเลย"
"ผมรู้สึกป่วยๆนะ"
และทุกคนก็ไม่มีความสุข ระบบให้บริการสุขภาพก็ไม่คล่องตัว
คนก็ไม่สบาย และนี่มันไม่ดีนัก
คิดดูว่าผมได้บอกกลไกทางออกแบบยูลิสซิสให้กับคุณแล้ว
ผมบอกแล้วนะครับ
"ดูสิ ผมกำหนดตารางนัดสำหรับคุณ สำหรับการตรวจลำไส้ ในวันที่ 15 ธันวาคม
และผมมีทางเลือกให้คุณตอนนี้ เขียนเช็คให้ผม 500 ดอลล่าร์
ถ้าคุณมาตรงเวลา ผมจะคืนเงินให้คุณ
แต่ถ้าคุณไม่มา ผมจะริบเงินนี้ซะ"
ทีนี้ อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าคุณเขียนเช็คให้ผม นั่นเป็นเพราะคุณยอมรับว่า ในวันที่ 15 ธันวาคม
คุณจะตื่นและไม่พร้อมที่จะมาตามนัด แต่คุณก็รู้ด้วยว่า
คุณจะรู้สึกแย่ที่ต้องเสียเงินก้อนนี้
และถ้าหากคุณให้เงินผมมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น
ที่จะไม่มาตามนัด
และมีกลไกอื่นอีกมากมายที่เป็นเช่นนี้
และมีโอกาสมากมาย ที่เปิดให้ผู้คนสร้างเงื่อนไขโดยพื้นฐาน
ที่จะบังคับให้เราปฏิบัติตัวในระยะยาว ตามที่เราต้องการปฏิบัติ
และนั่นคือสิ่งที่มันเป็น สิ่งที่มันเกี่ยวข้องทั้งหมด
ผมคิดว่ามีอะไรฟรีอยู่บ้าง
คุณเคยได้ยินประโยคนี้มั้ย
"ไม่มีอะไร ที่ได้มาฟรีๆ"
และประโยคที่ว่า "ไม่มีอะไรได้มาฟรี" มาจากพื้นฐานแนวคิดที่ว่า ทุกคนมีความพอเหมาะพอดี
ทุกคนได้ทำในสิ่งที่มีเหตุมีผล
แต่ถ้าพวกเราไม่ได้กำลังทำสิ่งที่มีเหตุผลรองรับอยู่ล่ะ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเราผิดพลาดอย่างเป็นระบบ
แล้วถ้าเราลำเอียงอย่างเป็นระบบ
มันหมายความว่า มันมีวิถีทาง มีกลไก
มีสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อให้ทุกคนดีขึ้น
เราทำให้ตัวบุคคลหนึ่งดีขึ้นได้
เราก็ไม่ต้องยุ่งกับระบบดูแลสุขภาพ
เราสามารถเอาความสัมพันธ์และสิ่งอื่นออก
ซึ่งจะเป็นความหวังครั้งใหญ่ ของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม
ด้วยการเข้าใจว่าผู้คนต่างผิดพลาด
เราสามารถทดลองและคิดวิธีการซ่อมแซมโลกได้
ขอบคุณครับ
(เสียงปรบมือ)