Tip:
Highlight text to annotate it
X
ชีวิตของเราในโลกนี้เป็นเหมือนเงา
- กษัตริย์ดาวิด
คุณรู้ไหมว่าวันหนึ่งมีกี่นาที?
หนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบ
คุณรู้ไหมว่าหนึ่งสัปดาห์มีกี่ชั่วโมง?
หนึ่งร้อยหกสิบแปด
สำหรับผมแล้วมันน่าสนใจ
ที่่ว่าคนรวยก็ไม่สามารถซื้อชั่วโมงเพิ่มได้
นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถประดิษฐ์นาทีใหม่ได้
คุณไม่สามารถเก็บเวลาไว้ใช้อีกวันหนึ่งได้
คุณมีเวลาน้อยวันนี้
คุณว่า "ฉันอยากจะเก็บมันไว้สำหรับวันพรุ่งนี้"
คุณไม่สามารถทำได้
คุณนับวันเวลาของคุณไหม?
คุณตระหนักไหมว่าแต่ละวันนั้นสำคัญแค่ไหน?
ช่วงเวลาที่มีความหมาย
ช่วงเวลาแห่งชีวิต
ทุกอย่างลงเอยที่ช่วงเวลานี้
สำหรับการแข่งขันซุปเปอร์โบว์ลสี่สิบสอง
วันนั้นเราเป็นรอง
เป็นการแข่งขันที่หลายคนคิดว่าจบแล้ว
ตั้งแต่ก่อนที่จะเล่น
นอกจากว่าทีมไจแอนท์จะกลับมาเล่น
ทีมที่ไม่เคยแพ้นั้นยังยืนหยัดในการสร้าง
ประวัติศาสตร์ของซุปเปอร์โบว์ล
ผมรู้ว่าผมว่างอยู่ แต่ก็คงจะว่างไปอีกไม่นาน
ให้แมนนิ่งเริ่มเล่น กลับไปขว้าง--วิ่งถือลูก
เมื่อผมมองไปข้างหลัง มันง่ายมากที่จะเห็นผม--
เขากำลังจะถูกจับ เขากำลังจะถูกรุม
ไม่ ไม่ เขาผ่านไปได้
เหลือเชื่อจริงๆ!
ช่วงเวลาแห่งการสงสัย
ผมจำได้ถึงครั้งแรก
เมื่อผมเริ่มสนใจอย่างจริงจัง
กับความคิดเรื่องการเป็นนักมายากล
นั่นคือเวลาที่ผมรู้
ว่าผมจะทำได้ดี
มันเป็นสิ่งที่สนุกที่สุดในโลกสำหรับผม
ผมมักจะชอบคำถามมากกว่าคำตอบ
และสิ่งที่มายากลทำก็คือ มันบังคับคุณ
ไปยังสถานที่แห่งคำถาม, และมันดึงพรมของความจริง
จากใต้คุณออกไปยังที่ที่เสมือนว่าคุณกำลังอยู่
ในสถานที่ที่คุณไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ช่วงเวลาแห่งการค้นพบ
ฉันจำได้ว่าตอนอายุสิบสี่ปี ได้บันทึกเสียงเพลงแรกของฉัน
ที่จริงแล้วคุณแม่ของฉันช่วยบันทึกเสียงให้
คุณแม่มีอุปกรณ์บันทึกเสียง
เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจมาก ที่ได้ยินเสียงที่ตัวเองบันทึกไว้
ฉันไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย
ว่าฉันจะยึดอาชีพนักดนตรี
ฉันไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง
และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์
- กษัตริย์ซาโลมอน
ในฐานะนักมายากล คุณจะช่างสงสัย
และคุณตระหนักว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นส่วนใหญ่
เบื้องหลังแล้วเป็นของปลอมหรือไม่จริง
ความคิดเรื่องพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพ ดูเหมือนโง่
เมื่อผมพูดกับผู้คนที่ไปคริสตจักร
ผมจำได้ว่าผมคิดว่าพวกเขากำลังหลงกล
ของมายากลง่ายๆ
เหมือนมีพ่อมดแห่งออสอยู่หลังฉาก
กำลังควบคุมทุกสิ่งอยู่
ผมโตขึ้นมาด้วยความเข้าใจ
ถึงวิธีที่จะทำให้คนเชื่อว่าบางอย่างเป็นความจริง
ทั้งๆที่มันไม่จริง
ผมเป็นอาจารย์แห่งการหลอกลวง
ผมมีทักษะของนักต้มตุ๋น
แต่ผมเริ่มถามตัวเองด้วยคำถามเรื่องพระเจ้า
ผมว่า, "พระเจ้า ถ้าพระองค์มีจริง,
"แล้วผมต้องการให้พระองค์ นำผมกลับมาหลังม่าน
"ผมต้องการให้พระองค์ แสดงให้ผมรู้ว่าจะทำอย่างไร
"ผมต้องการให้พระองค์ทำให้ผมรู้ว่า นี่คือความจริงแท้ที่ผมไม่สามารถเมินเฉยได้
ผมจะไม่ลืมวันที่ผู้ชายคนนี้ เดินเข้ามาในห้องของผม
และพูดว่า, "คุณมอนโร ผมไม่ทราบว่า
จะบอกคุณยังไงดี ว่าคุณเป็นมะเร็ง"
ผมพูดว่า, "อะไรนะ?!"
เขามองผมและบอกว่า,
"คุณมอนโร เราไม่สามารถรักษาโรคนี้ของคุณได้
ภรรยาของผมและผม...
เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่
พระเจ้าข้า พระองค์อยู่ที่ไหน?
ผมคิดว่าพระองค์ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คิด
ผมแต่งงานมาได้ 5 ปี
ผมเพิ่งจะมีลูกสาววัย 3 ขวบ กับลูกชายตัวน้อยวัย 2 ขวบ
และผมต้องการใช้เวลามากกว่านี้ กับครอบครัวของผม
ผมต้องการเวลามากกว่านี้
ดาวน์สามและห้า
แมนนิ่งเป็นคนเริ่มเล่น แรงกดดันจากภายนอก
เขาก้มมองสนามแต่พวกนั้นก็รุมล้อมเขา!
และเขาก็ขว้างออกไป
ไทรีรับได้!
เขาทำได้ยังไง?
ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!
นิวยอร์คไจแอนท์
เลือกผมในรอบที่หกของการคัดตัวปี 2003
และนั่นคือทุกสิ่งที่ผมแสวงหา
ผมมีสิ่งที่ท้าทายยิ่งใหญ่ตอนอยู่มหาวิทยาลัย
การได้ลงสนาม, การได้รับการยอมรับ
และเดี๋ยวนี้ คุณรู้ไหม ผมรู้สึกว่าในที่สุดก็ได้มา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงสำหรับผมในฐานะดาวรุ่ง
ผมยินดีในทุกช่วงเวลานั้น
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า
เงินจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้
ผมพบว่าเงินกลับทวีความชั่วร้าย
ที่อยู่ในชีวิตของผม
มันเพียงแค่ให้ผมได้สิ่งของมามากขึ้น
สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด
ถ้าผมมีผู้หญิง มันก็ทำให้ผู้หญิงชอบผมมากขึ้น
ผมชอบดื่มสุรา
และเดี๋ยวนี้ผมสามารถ หาสุราที่ผมต้องการมาดื่มได้
ขณะที่ในอดีต ผมอาจจะไม่มีกัญชา
เดี๋ยวนี้ผมสามารถซื้อกัญชามาได้เท่าที่ต้องการ
ผมเป็นคนหนึ่งในที่สาธารณะ
แต่เป็นอีกคนหนึ่ง ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ส่วนตัว
การต่อสู้เรื่องอัลกอฮอล
เป็นมากกว่าการดื่มเพื่อความบันเทิง
เป็นการสูญเปล่า และหัวเราะไม่หยุด
ผมเป็นเพียงคนเมา
ถึงขนาดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
มีบางครั้งที่ผมไม่รู้ตัวว่าไปอยู่ในสถานที่
ที่ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นบนเตียงแบบเปลือยเปล่า
และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนก่อน
ผมสูบกัญชาทุกวันตอนเริ่มเป็นนักกีฬา
ผมเริ่มที่จะไม่เพียงแต่สูบกัญชา
ผมเริ่มขายกัญชาด้วย
ผมไม่เคยลืมเสียงไซเรน เมื่อดูจากกระจกมองหลังของผม
ทั้งเสียงและใจของผมที่วูบลงในช่วงเวลานั้น
ถูกสั่งใ้ห้ลงมาจากรถ
และถูกค้นรถ
และค้นเจอกัญชาครึ่งปอนด์
เป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำในชีวิตของผม
นับเป็นครั้งแรก
ที่ผมถูกถูกจำขังในคุกที่ฟอร์ตลี
ผมตระหนักว่าตัวเองแตกสลาย
ผมแตกสลาย
และไม่รู้จะหันไปหาใครนอกจากตัวเอง
ดูภายนอกคุณดูดี
แต่ลึกๆข้างในคุณกำลังแสวงหา
บางสิ่งที่คุณยังหาไม่เจอ
มันต้องมีบางอย่างนอกเหนือจากนี้ในชีวิต
เมื่อฉันเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เราต้องตีนถีบปากกัด
แม่ของฉันเลี้ยงลูกสองคน มาตามลำพังเมื่ออายุ 18 ปี
เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อฉันอายุ 10 ขวบ
ลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อายุ 3 ขวบ
และเป็นเหมือนน้องชายเล็กของฉัน
ถูกพ่อเลี้ยงของเขาตีจนตาย
ฉันจะวางใจในพระเจ้าได้อย่างไร
ที่ทรงยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น
มันทำให้ฉันตกอยู่ในภาวะหดหู่ และลงเอยที่การสมาคม
กับคนที่มีปัญหาชีวิตคล้ายฉัน
และในที่สุดก็ไปข้องแวะกับยาเสพติด
และตกอยู่ในภาวะหดหู่ต่อไป
เมื่อฉันอายุ 16 ฉันเป็นคนที่ ไม่เชื่อพระเจ้าอย่างเปิดเผย
และแสวงหาอย่างจริงจังเกี่ยวกับศาสนาต่างๆ
และยังรู้สึกว่างเปล่าในทุกสิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติดหรือเซกซ์
หรือแม้แต่ในความคิดลึกซึ้งและปรัชญา
ดูเหมือนว่าทุกอย่างทิ้งฉันให้ว่างเปล่า
และเมื่อไม่มีอะไรในชีวิต
ที่จะมาทดแทนความว่างเปล่า
ฉันจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
มีบางครั้ง
ฉันต้องร้องไห้จนหลับไปตอนกลางคืน
ฉันวางแผนจะฆ่าตัวตาย
ฉันไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ฉันเหนื่อยที่จะตื่นขึ้นมาอีก
และฉันคิดว่า, "ฉันไม่อยากทำอย่างนี้อีกต่อไป"
เพียงเพื่อจะตื่นขึ้น
โดยหวังว่าจะไม่ตื่น
วันที่ฉันวางแผนจะฆ่าตัวตาย
ฉันกลับจากโรงเรียนมาบ้านเร็วกว่าปกติ
และคุณยายก็ไม่น่าจะอยู่บ้าน
และท่านก็เหมือนจะรู้
รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ท่านมองฉันและพูดว่า
"หนูมีบางอย่างผิดปกติ หนูต้องไปคริสตจักร"
นั่นคือที่สุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันอยากจะไป
ฉันเกลียดคริสเตียน ฉันเกลียดคริสตจักร
ฉันบอกว่า "ไม่มีทางที่ฉันจะไปคริสตจักร"
และเราก็เริ่มเสียงดังใส่กัน
ฉันจำได้ว่าฉันพูดว่า
"ถ้าคุณยายจะหยุดพูดแล้วหนูจะไป"
และเมื่อเสร็จแล้วฉันจะฆ่าตัวตาย
คนนับล้านพูดว่า
"ฉันจะทำยังไงถึงจะพ้นจากความกดดันในชีวิต?"
ความกดดันเหล่านั้นใหญ่หลวงนัก
เรามีเทคโนโลยีที่จะประหยัดเวลาได้
แต่เรามีเวลาน้อยลง
ความตึงเครียดในบ้าน
ปัญหาในที่ทำงาน ปัญหาสุขภาพ
ทำให้มาถึงจุดจบ
เราอยากตะโกนใส่ชีวิต เราอยากหนีจากชีวิต
แอดไล สตีเฟนสัน กล่าวไว้่ว่า
"ไม่ใช่วันเวลาในชีวิตของคุณ
แต่ชีวิตในวันเวลาของคุณต่างหากที่สำคัญ"
คุณมีเวลามากมาย แต่เพื่ออะไร?
สิ่งที่แตกสลายในหัวใจและชีวิตของคุณ
สามารถรื้อฟื้นขึ้นใหม่ได้ในพระคริสต์
ถ้าคุณวางความเชื่อและความมั่นใจในพระองค์
พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
พระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายเพื่อคุณ
พระองค์ทรงประสงค์จะชี้นำในชีวิตของคุณ
พระองค์อยากให้คุณมีสันติสุข ความยินดี และความมั่นใจ
ว่าถ้าคุณตายคุณจะได้ไปสวรรค์
แต่ก่อนอื่น จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
คุณต้องหันกลับ
ซึ่งพระคัมภีร์เรียกว่า กลับใจ
กลับใจใหม่
เมื่อผมอยู่ในคุก
ผมรู้จริงๆว่ามันสุดกำลังของผมแล้ว
ผมตระหนักว่าผมอายุ 24 ปี
เป็นผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีของ NFL
เป็นดาวรุ่งแห่งปีของทีมนิวยอร์คไจแอนท์
และผมได้ทุกอย่างที่คนเราอยากจะได้
แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
นอกจากความเสื่อม ความตาย และความผิดหวัง
และชีวิตผมแตกสลาย
ผมแตกสลาย
และคุณรู้ไหม ผมตระหนักว่า
ไม่มีใครที่ผมจะหันไปหาได้นอกจากตัวเอง
และในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
ผมรู้แค่ว่าผมต้องการบางสิ่งมากกว่านี้
ผมร้องออกมาอย่างหมดหวังว่า
พระเจ้า ผมรู้เพียงว่าผมต้องการพระองค์
และในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากที่ผมถูกจับ
ผมก็ได้ไปนั่งห่อตัวอยู่แถวหลังสุดในคริสตจักร
ร้องไห้คร่ำครวญต่อพระเจ้า
ผมไม่อาจต่อต้านความรักของพระเจ้าได้อีกต่อไป
เมื่อผมรับเอาการอภัยโทษของพระเจ้า ผมรู้ว่าผมเป็นคนใหม่แล้ว
เดี๋ยวนี้พระเยซูคริสต์เป็นความจริงในชีวิตผม
ไม่ใช่เป็นเพียงเทพนิยาย
ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ปั้นขึ้นมาในความคิด
การอภัยโทษบาปคือสิ่งที่ช่วยให้ คนเราเป็นอิสระได้จริงๆ
และผมได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทันที
ผมรู้ว่าผมได้สัมผัสความรัก
ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตผมไปชั่วนิรันดร์
และผมรู้ว่าจะไม่มีวัน
ที่ผมจะกลับไปสู่อดีต
ฮา ฮา ฮา
ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร?
คุณเป็นเหมือนหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่
แล้วก็จางหายไป
- ยากอบ 4:14
เวลานั้นหมดลงไปเรื่อยๆ
เรามีเวลาเหลืออยู่อีกเท่าไร?
ผู้เขียนสดุดีร้องทูลว่า
ขอให้พระเจ้าระลึกว่าเวลาของเรานั้นสั้น
"วันเวลาของข้าพระองค์ เป็นเหมือนเงาที่จะจางหายไป
"และข้าพระองค์ก็เหี่ยวลงเหมือนหญ้า
"แต่พระองค์ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
และการระลึกถึงพระองค์จะมีอยู่ทุกชั่วชาติพันธ์ุ"
ลองคิดดูสิ--พระเจ้าจะทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
แต่ในโลกนี้
เราเป็นเหมือนเงาที่จะจางหายไป
เราทุกคนจะต้องตาย
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่คุณเกิดมา คุณก็กำลังตายไป
เรามีเวลาเหลืออยู่อีกเท่าไร?
แพทย์โรคมะเร็งมองผมแล้วพูดว่า
"คุณมอนโร เราไม่สามารถรักษาโรคของคุณได้
"แต่มีบางอย่างที่เราจะลองดู
"คือการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก
"ปัญหาในร่างกายคุณก็คือเม็ดเลือดขาวของคุณ
"ผลิตเม็ดเลือดขาวขึ้นมาเรื่อยๆ
"ร่างกายของคุณหลอกตัวเอง
มันเล่นกลกับตัวเอง"
หมอบอก, "สิ่งที่เราต้องทำ
"ก็คือเราต้องทำลายระบบของคุณทั้งหมด
"และสิ่งที่เราหวังก็คือจะค้นพบ
"ใครบางคนในโลกนี้
"ที่มีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับคุณที่สุด
"ที่จะสร้างระบบภูมิต้านทานของคุณขึ้นใหม่
"เป็นระบบของเลือดใหม่ถอดด้าม
"เราจะเปลี่ยนเลือดที่สมบูรณ์ของคนอื่น
มาให้คุณเพื่อคุณจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไป"
พระเจ้าตรัสว่าโดยปราศจากการหลั่งเลือด
ก็จะไม่มีการอภัยโทษ
จะต้องมีตัวแทนสำหรับคุณ
ที่จะมารับการพิพากษาแทนคุณ
ความตายที่คุณต้องได้รับ
และตัวแทนนั้นคือพระเยซูคริสต์
ผมคิดในใจว่า " เวลาของผมใกล้จะหมดแล้ว
ผมกำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง"
มันยากสำหรับผม
ตอนนี้เพทันอายุ 3 ขวบ
และกาวินพึ่งจะ 2 ขวบ
ลูกน้อยสองคนของผม...
สิ่งนี้จะเอาชีวิตพ่อเร็วเกินไปไหม, พ่อรักลูก
พวกเขาเริ่มขบวนการทำคีโมที่แสนจะเลวร้าย
ซึ่งมีเป้าหมาย
ไม่เพียงแต่ทำลายมะเร็งในร่างกายผม
แต่เหมือนจะทำลายผมไปด้วย
มันคือนรก เป็นการตายอย่างช้าๆ
ผมกลัวจริงๆ
ผมพยายามที่จะไม่กลัว
แต่ผมยังกลัวอยู่
ผมพยายามที่จะเข้มแข็ง เพื่อภรรยาและครอบครัวของผม
แต่ผมก็กลัวมาก
เรารอฟังข่าว
จากโครงการผู้บริจาคไขกระดูกแห่งชาติ
มีคนลงทะเบียนแล้ว 7 ล้านคน
ในฐานข้อมูล
แต่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะเข้ากับผมได้อย่างสมบูรณ์
เป็นของผู้หญิงอายุ 19 ปี
เขาบอกว่า "คุณมอนโร การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกของคุณ
กำหนดไว้ วันที่ 23 เมษายน
คุณกำลังจะได้วันเกิดใหม่
เขาบอกว่า "คุณจะเป็นเหมือนทารกในท้องแม่
"อีกครั้งหนึ่ง
พวกพยาบาลจะฉลอง การเกิดใหม่ของคุณในโรงพยาบาล
ผมเคยได้ยินคำนั้นมาก่อนเหมือนกัน
ในคริสตจักรที่ผมเคยไปร่วม
ที่ว่าผมกำลังจะเกิดใหม่
ผมจะไม่มีวันลืม วันนั้น 23 เมษายน
พวกเขาเอาถุงเลือดเข้ามาในห้องของผม
และทุกคนต่างก็หวังในเวลานั้น
ว่าร่างกายของผมจะยอมรับ ชีวิตใหม่, เลือดใหม่นั้น
ผมนั่งที่นี่วันนี้ ปลอดมะเร็ง 100%
และเมื่อพวกเขาตรวจเลือดผมวันนี้
พวกเขาจะเห็นผู้หญิงอายุ 19 ปี
พวกเขาเห็นเธอ เห็นโครโมโซม XX
ทำให้ผมระลึกถึงข้อพระคัมภีร์ใน กาลาเทีย 2
ที่ว่า "ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่มีชีวิตอยู่ต่อไป
"แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ภายในข้าพเจ้า
ชีวิตที่ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในเวลานี้.. ดำเนินโดยความเชื่อ"
เธอช่วยชีวิตผม
จริงหรือ? มันดีจริงๆ
เธอช่วยชีวิตผม; ผมเกือบตายเพราะโรคลิวคีเมีย
เธอเป็นผู้บริจาคไขกระดูก
เธออยู่นั่น
Hi!
ยอห์น 17:3 กล่าวว่า
"นี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือการได้รู้จักพระองค์(พระเจ้า)
"และพระเยซูคริสต์ผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา"
ผมแน่ใจเต็มที่ถึงคำกล่าวของพระเยซู
ในฐานะของคนช่างสงสัยและนักมายากล
ผมรู้ว่าพระเจ้าแห่งจักรวาล
ทรงนำผมกลับไปข้างหลังม่าน
ดังที่ผมได้ทูลขอต่อพระองค์
มะเร็งคือวิธีที่ทรงกระทำผ่านชีวิตผม
และก็มีมะเร็งฝ่ายวิญญาณด้วย
ที่กำลังกัดกินอยู่ภายใน
และเราทุกคนกำลังโหยหา
เราทุกคนกำลังขอให้มีใครสักคนเข้ามา
ช่วยเราจากสภาวะนั้น
พระเจ้าทรงมองที่จิตใจของคุณ
และทรงเห็นว่าคุณมีโรคหัวใจฝ่ายวิญญาณ
และโรคหัวใจฝ่ายวิญญาณนั้นเรียกว่าบาป
เราทุกคนเป็นคนบาป
ซึ่งหมายความว่าเราได้ ละเมิดกฏหมายของพระเจ้า
เราไม่เชื่อฟังพระเจ้า
เรากบฏต่อพระเจ้า
และเนื่องจากที่เรากบฏต่อพระองค์
เราก็จะต้องเผชิญกับการพิพากษา
อ๋อ ใช่ จะมีการพิพากษาที่ตามมา
จะมีวันหนึ่งที่คุณจะต้องยืนต่อหน้าพระเจ้า
ในวันพิพากษาใหญ่
และคุณจะต้องถวายรายงานเรื่องชีวิตของคุณ
และคุณจะต้องถวายรายงาน
กับสิ่งที่คุณกระทำต่อพระเยซูคริสต์
ในคืนนี้
เพราะจะต้องมีการพิพากษา
แต่การพิพากษาของพระเจ้ายังประกอบด้วย
ความรักและพระเมตตาของพระองค์
ค่ำคืนนี้ พระองค์ทรงยินดีที่จะให้อภัยคุณ
คืนนี้ พระองค์ทรงยินดีที่จะให้โอกาสคุณ
ไม่ว่าคุณจะผลาญเวลาไปมากแค่ไหนในอดีต
คุณยังคงมีวันพรุ่งนี้
ฉันนั่งอยู่แถวหลังของคริสตจักร
ห่อตัวอยู่ในเก้าอี้ พร้อมกับกอดอก
แล้วนักเทศน์เริ่มพูด
และทุกสิ่งที่เขาพูดแทงใจฉัน
เหมือนฉันเป็นคนเดียวในห้องนั้น
แล้วเขาก็หยุดพูดกลางคัน และกล่าวว่า
"มีวิญญาณของการฆ่าตัวตายอยู่ในห้องนี้
"และพระเจ้าอยากให้คุณรู้ว่าพระองค์ทรงรักคุณ"
ฉันขนหัวลุก
สิ่งนี้ทำให้ฉันตื่นกลัว
ฉันต้องออกไปจากที่นี่
ฉันลุกขึ้นและตรงไปที่ประตู
หลังจากที่โบสถ์เลิกแล้ว
ผู้ชายคนหนึ่งจับแขนฉันไว้
เป็นชายชราผมขาว และเขาพูดว่า
"พระเจ้าอยากให้ผมพูดกับคุณ
"และพระองค์อยากให้คุณรู้ว่าถึงแม้ว่า
"คุณไม่เคยรู้จักพ่อในโลกนี้
"พระองค์จะทรงเป็นพ่อของคุณที่ดีกว่า
พ่อในโลกนี้จะเป็นได้"
พระองค์ตรัสว่า "พระองค์ทรงเห็นคุณ
เมื่อคุณนอนร้องไห้จนหลับไป"
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น มันทำให้ฉันตื่นตัว
เพราะฉันมักจะร้องไห้จนหลับไปทุกคืน
ตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบ
ถ้าฉันไม่ร้องไห้ ฉันจะหลับไม่ได้
แต่เขาบอกว่า "พระองค์ทรงเห็นคุณ
"เมื่อคุณนอนร้องไห้จนหลับไป
"และพระองค์ทรงรักคุณมาก และทรงส่งพระเยซูพระบุตรของพระองค์
"มาตายและหลั่งโลหิิต บนไม้กางเขนเพื่อรับความเจ็บปวด
"ที่คุณได้รับมาไว้ที่พระองค์เอง
เพื่อคุณจะไม่ต้องเจ็บปวด"
เขาพูดว่า "คุณอยากจะให้ พระองค์รับความเจ็บปวดไปจากคุณไหม?
เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อสิ่งนี้"
และฉันว่า "ลองดูได้"
เขาบอกว่า "ขอให้ผมอธิษฐาน เผื่อคุณในเรื่องนี้ได้ไหม?"
ฉันตอบว่า "คุณลองดูก็ได้"
"ฉันไม่ได้เชื่อเรื่องนี้จริงๆ หรอก
แต่ฉันรู้ว่ามีบางอย่างที่ประหลาด กำลังเกิดขึ้นตอนนี้"
แล้วเขาก็วางมือบนไหล่ฉัน
และเริ่มอธิษฐานทำนองนี้ว่า
"พระเจ้า ขอพระองค์กางพระหัตถ์
โอบรอบลูกสาวของพระองค์
ให้เธอรู้ว่าพระองค์ทรงรักเธอมากเพียงใด"
ชั่วชีวิตฉัน ฉันแสวงหาบางสิ่ง
เพื่อเติมเต็มความโหยหาในใจ
และทุกครั้ง ฉันกลับจากไป อย่างว่างเปล่ามากกว่าเดิม
และในช่วงเวลานั้น
มีบางอย่างที่คุณอธิบายไม่ได้
ที่คุณจะต้องเผชิญ--
เมื่อฉันรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ต่อหน้า
พระเจ้าแห่งจักรวาล
และสิ่งที่ฉันสังเกตุเห็นอันดับแรก
ก็คือว่า พระเจ้าองค์นี้ทรงบริสุทธิ์ และน่าเกรงขาม
ส่วนฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
พวกคุณบางคนอาจคิดว่าตัวเองเลวเกินกว่า
ที่จะมาหาพระเจ้า
ได้ทำหลายอย่าง และไปไกลสุดกู่
พระเจ้าไม่ได้รอที่จะพิพากษาคุณ
พระเจ้าไม่ได้รอที่จะกล่าวหาคุณ
พระเจ้าทรงรักคุณ
พระองค์ส่งพระบุตรมา สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อคุณ
มาหลั่งพระโลหิตของพระองค์เพื่อคุณ
พระองค์ประสงค์จะกางพระหัตถ์ โอบรอบคุณและยอมรับคุณ
พระองค์จะรับคุณไว้ ให้อภัยคุณ และรักคุณ
และเป็นเพื่อนของคุณ
พระเจ้าองค์นี้ทรงบริสุทธิ์และน่าเกรงขาม
ถ้าพระองค์จะบอกให้ออกไป มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
มันจะเป็นความยุติธรรมสำหรับฉัน ฉันรู้ดี
แต่สิ่งที่แสนประหลาดก็คือ พระองค์ทรงนำฉันมาใกล้
และรับฉันไว้ในอ้อมพระหัตถ์
และตรัสว่า "เรารักเจ้าอย่างที่เจ้าเป็น
"เราไม่แปลกใจกับสิ่งเหล่านี้เลย
"และถ้าเจ้ายอม เราจะทำให้เจ้าเป็นคนใหม่"
"ฉันขอบพระคุณพระองค์ ที่ทรงมองฉันแตกต่างจากที่เป็น
พระองค์ไม่ได้ทรงหันหน้าหนี
แต่ยังคงมองเราอยู่ด้วยความรัก
โดยปราศจากความรักของพระองค์
น่าฉงนที่จะคิดว่าพระเจ้าเป็นพระบิดา
ขอบคุณพระองค์ที่ไม่เคยเลิกหวังในตัวฉัน
เมื่อฉันมองไปที่สิ่งอื่นไม่ใช่พระองค์
พระองค์หลั่งพระโลหิต และสิ้นพระชนม์เพื่อจะได้อยู่กับฉัน
ทำไมพระองค์จะต้องทำอะไรอย่างนั้น
เพื่อคนอย่างฉัน
พระเยซูสิ้นพระชนม์แทนฉัน
เพราะฉะนั้น ทั้งหมดที่ฉันจะทำได้ก็คือเชื่อ
และพูดว่า "โปรดเปลี่ยนฉัน ทำให้ฉันเป็นคนใหม่"
ในโรมบทที่ 6 กล่าวว่า
"ค่าจ้างของความบาปคือความตาย
"แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์
โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา"
ใน 1 เปโตร กล่าวว่า
"พระองค์ทรงรับแบกบาปของเราไว้ ในพระกายของพระองค์บนต้นไม้นั้น
"เพื่อว่าเราจะตายต่อบาปได้
และดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม"
ลองคิดดูว่า พระองค์ต้องบาป
พระเยซูคริสต์ ผู้บริสุทธิ์ ผู้ดียอดเยี่ยม
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ผู้บริสุทธิ์ที่สุดที่เคยมีชีวิตอยู่
พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่จะต้องบาป
พระองค์ไม่เคยรู้จักบาป
พระองค์จะต้องรับผิด ในช่วงเวลาของการล่วงประเวณี
พระองค์ต้องรับผิดของการโกหก, การนับถือรูปเคารพ
พระองค์ต้องรับผิดของสิ่งที่น่าเกลียด และสกปรกทุกอย่าง
ที่คุณคิดได้
เพราะความบาปของคุณได้เทมาที่พระองค์
โดยทางพระคริสต์เราจึงสามารถ
ได้ความสัมพันธ์พื้นฐานแห่งชีวิตกลับคืนมา
คุณว่า "แล้วเราต้องทำอย่างไรล่ะ คุณบิลลี่?"
ประการแรก คุณต้องกลับใจ จากความบาปของคุณ
อัครทูตเปโตรกล่าวว่า
"จงกลับใจเสียใหม่ และจงหันกลับ
เพื่อความบาปของท่านจะถูกลบล้างออกไป"
การกลับใจใหม่หมายความว่าอย่างไร?
การกลับใจใหม่หมายความว่า คุณมาหาพระเจ้าและพูดว่า
พระเจ้า ข้าพระองค์เสียใจ ข้าพระองค์ทำบาป
เราทุกคนมีความผิด เราทุกคน
ทุกคนที่เกิดมามีความผิด
คุณกลับใจใหม่หรือยัง? คุณแน่ใจไหม?
หมายความว่าไม่เพียงแต่ที่คุณบอกว่า "พระเจ้า ข้าพเจ้าเสียใจ"
แต่หมายความว่าคุณขอพระองค์ ช่วยให้หันออกจากความบาป
ให้เปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณ
ให้ขจัดนิสัยเดิมที่ไม่ควรทำเหล่านั้น
แล้วคุณต้องมาด้วยความเชื่อ
"ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็หามิได้"
คำว่า"ความเชื่อ" หมายความว่า คุณวางใจอย่างสิ้นเชิง
พระคัมภีร์กล่าวไว้ใน โรม 4
"คนที่ไม่ได้อาศัยการประพฤติ
"แต่เชื่อในพระองค์ผู้ทรงให้ คนอธรรมเป็นคนชอบธรรมได้
ความเชื่อของเขาทรงถือว่าเป็นความชอบธรรม
ผมต้องมีความชอบธรรมถึงจะเข้าไปสวรรค์ได้
แต่ผมไม่มีเลย
บิลลีี่ เกรแฮมเป็นคนบาปคนหนึ่ง
ผมไม่มีความชอบธรรมของตัวเอง
ผมมาด้วยความชอบธรรมขององค์พระเยซูคริสต์
พระคัมภีร์กล่าวว่า
"ท่านทั้งหลายรอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ
ไม่ใช่ด้วยการกระทำเพื่อไม่ให้ใครอวดได้"
ถ้าคุณสามารถหาหนทางไปสวรรค์ด้วยตัวเองได้
คุณก็จะไปสวรรค์แล้วอวดกับทุกคน
ถึงสิ่งที่คุณทำ
ฉันเป็นคนดีจริงๆ ฉันมาที่นี่ได้ด้วยตัวเอง
แต่คุณไปที่นั่นได้เพราะพระคริสต์เท่านั้น
ความจริงที่ว่าเวลานั้นสั้น
ทำให้เราต้องทำบางอย่างเดี๋ยวนี้
เพราะพระคัมภีร์บอกไว้ใน 2 โครินธ์ 6:2
"บัดนี้เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน"
ไม่ใช่พรุ่งนี้, วันนี้
วันนี้ ถ้าท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
อย่าให้ใจของท่านแข็งกระด้าง
คุณสามารถทำให้ใจของคุณแข็งกระด้างได้
คุณได้ยินข้อความอย่างนี้ และมันอาจเป็นอันตรายมาก
เพราะคุณจะทำใจของคุณให้แข็งกระด้าง
และครั้งต่อไปที่คุณได้ยินข่าวประเสริฐ
ใจของคุณจะแข็งขึ้น แข็งขึ้น และแข็งขึ้น
จงมาหาพระคริสต์เดี๋ยวนี้
ถ้าหากว่าจะมีเพียงเสียงกระซิบในใจของคุณ
ว่าคุณจำเป็นต้องมา
ให้คุณมาและพูดว่า "พระเจ้าข้า ขอถวายตัวทั้งสิ้นแด่พระองค์ในคืนนี้
ข้าพเจ้าอยากจะแน่ใจว่า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะพบพระองค์"
ขอให้มาเดี๋ยวนี้
ถ้าคุณอยากจะรับเอาพระคริสต์
คุณสามารถอธิษฐานเหมือนที่ฉันทำ
หรือเหมือนที่ผมทำ
เหมือนที่ผมทำ
พระเจ้าที่รัก ข้าพเจ้าเป็นคนบาป
ข้าพเจ้าเสียใจสำหรับความบาปของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าต้องการหันจากความบาปของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ เป็นพระบุตรของพระองค์
ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์ตายเพื่อความบาป ของข้าพเจ้าและพระองค์ทรงให้พระเยซูคืนพระชนม์
ข้าพเจ้าต้องการที่จะวางใจในพระองค์ ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
และติดตามพระองค์ผู้ทรงเป็นองค์เจ้านาย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พระเยซู, ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าขอถวายชีวิตแด่พระองค์
และข้าพเจ้าขอถวายชีวิตแด่พระองค์
ข้าพเจ้าขอถวายชีวิตแด่พระองค์
โปรดเสด็จเข้ามาในชีวิตของข้าพเจ้า
และเติมเต็มข้าพเจ้าด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
และข้าพเจ้าอธิษฐานในพระนามพระเยซู
เอเมน
เอเมน
เอเมน
ทุกคนที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
จะรอด
- โรม 10:13