Tip:
Highlight text to annotate it
X
"แกรี่ ยูรอฟสกี : นักสู้เพื่อความยุติธรรม"
"นักปฏิบัติการต่อต้านอุตสหกรรมจากขนสัตว์ 4 คนถูกจับกุม"
"นักปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเรียกรองสิทธิคุ้มครองสัตว์ ปฏิญาณตนว่าจะสู้ เรียกร้องสิทธิให้กับสัตว์ จนวันตาย"
"สัตว์ถูกจบเป็นทาสให้กับละครสัตว์"
"นักปฏิบัติการร่วมกันประท้วงนอกค่ายละครสัตว์"
"เรียกร้องสิทธิด้วยความศรัทธาในความยุติธรรม"
"จะยืนหยัดต่อสู้แม้จะต้องยืนอยู่คนเดียว"
"นักปฏิบัติการเรียกร้องสิทธิให้กับสัตว์ ถูกล่ามไปกับพ่วงละครสัตว์"
"Yourofsky ล่ามตนกับรถขนส่งของร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนสัตว์"
"นักปฏิบัติการเรียนกร้องสิทธิสัตว์จะไม่ทนต่อความโหดร้าย"
"ผู้ชนะ หรือ อาชญากร?"
"นักปฏิบัติการเรียกร้องสิทธิสัตว์ก่อจลาจลทำลายธุรกิจร้านค้าขายขนสัตว์"
"นักปฏิบัติการจะอุทิศชีวิตเพื่อสิทธิสัตว์"
"ผมพร้อมที่จะเข้าคุก"
ฝ่าฝืนกฎหมาย เกิดขึ้นมาตลอด ตั้งแต่จากพระเยซูคริสต์ จนถึง Nelson Mandela,
Rosa Parks และแม้กระทั่ง Martin Luther King ก็ฝ่าฝืนกฏหมายบางข้อ
กฎหมายบางอย่างก็ควรจะฝ่าฝืน หากมันจะนำมาซึงการเปลี่ยนแปลงในทางบวกที่สำคัญ
ขอต้อนรับวิทยากรของเราในวันนี้ ผู้สำเร็จการศึกษา ในคณะวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอกแลนด์
และปริญญาวิทยุกระจายเสียงจาก Specs Howard School of Broadcase Arts
Gary Yourofsky ผ่านพ้นประสบการณ์แล้วนกต่อนัก มากยิ่งกว่า คนหลายคนจะสามารถทำได้ในชีวิต
เขาได้รับการจับกุมมานานกว่าสิบครั้ง
และใช้เวลา 77 วันในศูนย์คุมขังรักษาความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งหมดนี้ ทำเพื่อการต่อสู้เพื่อสิทธิสัตว์
แกรี่ได้บรรยายในหลายร้อยโรงเรียนทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา
รวมทั้ง The University of Connecticut, รัฐมิชิแกนและโบว์ลิงกรีน,
ชาร์ลอตต์ มอนต์โกเมอร์ นักเขียนเจ้าของหนังสือ Blood Relations: Animals, Humans, and Politics ได้เขียนยกย่องเกี่ยวกับแกรี่ หนึ่งบท ในหนังสือของเธอ
กรุณาต้อนรับวิทยากรระดับชาติ, Gary Yourofsky
สวัสดีครับทุกท่าน
ผมชื่อแกรี่ ยูรอฟสกี้
กรุณาใช้เวลาสักครู่และจดที่อยู่อีเมลของผมและเว็บไซต์ของผม ในกรณีที่คุณต้องการติดต่อผมในภายหลังจากนี้
วันนี้เราจะพูดคุยเกี่ยวกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ที่ถูกลืมของโลก :
สัตว์ต่างๆ
และการเสพติดที่เก่าแก่ และยากต่อการบำบัดที่สุดของโลก:
การอุปโภค บริโภค เนื้อสัตว์
ฉันตั้งใจจะท้าทายระบบความเชื่อของคุณในวันนี้ ดังนั้นบางส่วนของคำพูดของผมอาจจะฟังดูรุนแรง,
แต่ให้ฉันเริ่มต้นด้วยการปฏิเสธอย่างรวดเร็ว :
ผมไม่ได้มาตั้งตัวเป็นศัตรูของคุณ
มุมมองของผมที่จะแสดงในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องสะท้อนมุมมองของอาจารย์หรือสถาบันการศึกษานี้ของคุณ
ฉันไม่ได้พยายามที่จะนำคุณออกจากศาสนาของคุณ
ไม่มีศาสนาใดบังคับคุณให้กินเนื้อสัตว์!
กฏทองแห่งการอยู่ร่วมโลกกันคือ :"ปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา"
และสัตว์ ก็มีคุณสมบัติเป็น"ผู้อื่น"! ไม่ใช่แค่มนุษย์
และกฏการอยู่ร่วมโลกอีกข้อคือ"เจ้าจะฆ่าผู้อื่น"!
ทั้งสี่ที่สำคัญที่สุด กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกละเลยมากที่สุดในคำสอนของทุกศาสนา
ไม่มีเครื่องหมายดอกจันที่อยู่ถัดจากคำบัญชาบอกว่า :
"ตราบใดที่คุณไม่ได้เดินบนทั้งสี่ มีขนเต็มตัว หรือมีงวง มีครีบ และหายใจด้วยเหงือก."
คุณสามารถมีสังคม เพื่อนฝูง มีส่วนร่วมทางการเมือง และมีความรักชาติได้,
ยังคงดูรายการโทรทัศน์ที่คุณชื่นชอบและฟังเพลงที่คุณชื่นชอบ
แม้ว่ามันจะเป็นเพลงที่แต่งโดย Ted Nugent (นักกีต้าชื่อดังที่สนับสนุนกีฬาล่าสัตว์)
ผมจะแทรกมุกตลกแดกดัน แต่ความจริงตลอดทั้งการพูดนะครับ
กรุณาอย่าเกรงใจที่จะหัวเราะกับมุกแดกดันของผม
ผมขอแค่อย่าหัวเราะ เมื่อผมพูดถึงเรื่องซีเรียสจริงจังก็พอ
และผมจะใช้เวลา ประมาณ 65 อาจจะ 70 นาที
หากคุณมีข้อสงสัย กรุณารอจนถึงช่วงถามตอบ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณครึ่ง ถึง หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ผมพูดจบนะครับ
ในขณะเดียวกันผมมีคำถามเชิงโวหารบางอย่างสำหรับคุณ
เป็นทาส -- เจ้าของ, เหยื่อ, กำไร, การถูกข่มเหง-- ถูกละเว้นไปจากมนุษยชาติเท่านั้นหรือ?
มีแค่เพียง คนผิวดำ ชาวยิว และหญิงและเด็ก เท่านั้นหรือที่สามารถตกเป็นเหยื่อความโหดร้ายเหล่านี้?
มีวัว ควาย ที่ถูกกดขี่ ใช้งานเยี่ยงทาสมั๊ย?
แล้ว หมู, ไก่, ไก่งวง, ปลา, แกะ ล่ะ?
หากไม่เรียกสิ่งที่ทำกับพวกเค้าอยู่ว่า เป็นการทารุณทาสแล้ว เรียกว่าอะไร? ชีวิตไร้ค่า?
การเป็นทาสสามารถมีเหยื่อที่เป็นได้ทั้งมนุษย์หรือสัตว์ ใช่หรือไม่?
มหาสมุทร, ป่าไม้, แผ่นดิน ก็เป็นเหยื่อของการจับจอง ตั้งตนเป็นเจ้าของด้วยไม่ใช่หรือ?
และ โรงฆ่าสัตว์ล่ะ?
โรง เพื่อ ฆ่า สัตว์ = โรงฆ่าสัตว์
คุณคิดจริงหรือว่า ว่ามีสิ่งที่เรียกว่า "การฆ่าด้วยความเมตตา"อยู่ในโลก?
แล้วความหมายของคำว่า "เมตตา" มันคืออะไรกัน?
นอกเหนือจากการล่วงละเมิดทางจิตใจ และการทารุณกรรมทางกาย ตัดเฉือน อวัยวะและการฆาตกรรม,
คุณคิดว่าอะไรมันเกิดขึ้นกับสัตว์ที่อยู่ภายในโรงฆ่าสัตว์หรือ?
คุณคิดว่าพวกเขาได้รับ ลูบท้องและ ถูกตีก้นเพียงเท่านั้นหรือ?
และถ้าคุณยังคิดว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่า "การฆ่าอย่างมีเมตตา",
ผมอยากรู้ว่าคุณเชื่อว่ามีการ "ข่มขืนด้วยความเมตตา" ด้วยหรือไม่?
หรือการทำร้ายเด็ก "ด้วยความเมตตา"
การตกเป็นทาส "ด้วยความเมตตา"
หรือไม่ก็ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ "อย่างมีมนุษยธรรม"?
ว่าแล้ว ความเข้าใจของความหมายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของคุณคืออะไร?
มันคือการสังหารหมู่มนุษย์ หรือการสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์?
ผมเข้าใจมาตลอดว่ามันคือ การสังหารผู้บริสุทธิ์ ...
ซึ่งนี่ก็นำเราไปถึง การสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้บริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุด :
ทุกปีในอเมริกา
เราฆาตกรรม สัตว์บกหนึ่งหมื่นล้านชีวิต และ สัตว์ทะเลอีกว่า เกือบสองหมื่นล้านชีวิต
ไม่ได้ทำไปเพื่อการอยู่รอด หรือ การยังชีพ หรือการป้องกันตัวเอง
คนที่รับประทานเนื้อสัตว์ชีสนมและไข่ ... เหตุผลหลักมี 4 ประการ:
นิสัยการกิน
ประเพณี และ ธรรมเนียม
ความสะดวกสบาย
รสชาติ
ฉันต้องการที่จะกำหนดคำที่อาจจะใหม่เพื่อให้คนบางคนตอนนี้... นั่นคือ การกินเจ
มันขึ้นอยู่ที่นั่นบนหน้าจอ : V - E - - G - A - N คนถือเจ
vegans คล้ายๆกับมังสวิรัติ คือไม่กินเนื้อสัตว์ใด ๆ ของสัตว์บกหรือทางทะเล
คนถึอเจ แตกต่างมังสวิรัติ, ตรงที่
เรายังละเว้นจากการกินชีส, นม, ไข่น้ำผึ้งหรือผลิตภัณฑ์สัตว์ใด ๆ ก็ตาม
นอกจากนี้เรายังไม่ได้สวมใส่สกินสัตว์, ขนสัตว์ไม่มี, ขนสัตว์, หนัง, ผ้าไหม
ผมขอบอกก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นคนถือเจตั้งแต่เกิด
ฉันกินเนื้อสัตว์ชีสนมและไข่ มาก่อนเป็นเวลา 25 ปี
ผมเคยสวมใส่รองเท้าหนัง, เข็มขัดและเสื้อเหมือนคนอื่น ๆ
จริงๆแล้ว 20 ปีก่อน ผมมีเสื้อโค้ทขนสัตว์แท้ เป็นของตัวเองด้วย
ผมแค่อยากบอกว่า ผมเข้าใจวิถีชีวิตของคุณ.. ผมเองก็เคยใช้วิถึชีวิตนั้นมาก่อน
และสำหรับคนที่เกี่ยวข้องในทางการเมือง ...
ผมข้อแจ้งไว้ก่อนล่วงหน้าเลยนะครับ
ฉันไม่ได้เป็นนักนิยมประชาธิปไตย, อนาธิปไตยหรือฮิปปี้ ที่มีตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยลายมัดย้อม
ฉันไม่ได้เป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมหรือลัทธิฟาสซิสต์
ผมเป็น นักปฏิบัติการเรียกร้องสิทธิ
รากคำ คำว่า "ปฏิบัติการ"
ฉันถูกสั่งห้ามเข้าประเทศ จาก 5 ประเทศและถูกจับกุม 13 ครั้ง,
ทั้งหมดจากการกระทำต่างๆ จากความเมตตา และเพื่อต่อสู้ในนามของพี่น้องสัตว์โลกของผม,
หากคุณต้องการอ่านเพ่มเติม อ่านได้ที่เว็บไซต์ของผมนะครับ
และวันนี้ฉันชอบที่จะให้โอกาสที่จะทำสิ่งที่เป็นจริงและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง!
ผมทราบนะครับว่าหลายๆ ท่านต้องการที่จะมีส่วนร่วม
แต่การที่คุณติดสติ๊กเกอร์ "อยู่ร่วมกันด้วยสันติ" ไว้ท้ายรถ
หรือการใส่สร้อยข้อมือ "พระเยซูจะทำอะไร"
หรือ แม้กระทั่งใส่เสื้อยืด "แต่สันติภาพ ความรัก และความหวัง"
ไม่ได้เรียกว่า "การมีส่วนเกี่ยวข้อง"
ผมทราบและเข้าใจว่าเราทุกคนต่างก็มีหนทางชีวิตของตนเอง
เรามีทั้งความชอบและไม่ชอบแตกต่างกันไป
เราต่างมีเชื้อชาติ และสัญชาติที่แตกต่างกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีเหมือนๆกันก็คือ เราต่างรักสันติ
ความเมตตา และ การสร้างสันติภาพ ในการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมโลก
หลักเกณฑ์ทางการเมืองและความเชื่อทางศาสนา ที่บอกว่าสัตว์ต่างๆเป็นทรัพย์สินของเรา เป็นเรื่องเหลวไหล
พวกเขาไม่ได้เป็นสิ่งของ หรือทรัพย์สินของใครทั้งนั้น พวกเค้าไม่ได้เป็นนักโทษ ไม่ได้เป็นสินค้าของใช้ .... พวกเค้ามีความรู้สึกนึกคิด
วิธีการมองสัตว์ต่างๆด้วยหลักปรัชญาแบบ คาร์ทีเซียน
ที่มองเห็นสัตว์ต่างๆเป็นเพียงแค่เครื่องจักรกล ไร้ชีวิตจิตใจนั้น
เป็นความคิดที่ล้าหลัง และ..ขอพูดตรงๆนะครับว่า ไร้สติแบบเต็มๆ
เหตุผลง่ายๆเลย ถ้าเราเข้าใจว่า สัตว์ต่างๆสามารถมองด้วยตา
ฟังด้วยหู
ใช้จมูกดมกลิ่น
ใช้ปากในการกิน
ใช้ขาเพื่อเดิน
หรือปีกเพื่อบิน
ใช้ครีบว่ายน้ำ
ใช้อวัยวะสืบพันธุ์ เพื่อขยายจำนวนพันธุ์
ลำไส้เพื่อย่อยสลายอาหาร
ผมมักจะงงว่า ทำไมหลายคนถึงคิดว่าเค้าไม่สามารถใช้สมองที่มีอยู่ในการคิด
ในการรู้สึก
มีการนึกคิด เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง และกับตนเอง ได้
หรือผมควรเข้าใจว่า สัตว์เหล่านี้มีร่างกายที่ทำงานเหมือนคนได้ทุกส่วน
ยกเว้นแค่สมอง เท่านั้นหรือ
คำโกหกพวกนั้น มันช่างงี่เง่า
การโฆษณาชวนเชื่อ โดยกลุ่มคนที่ต้องการทำร้ายสัตว์นั้น มันช่างแยบยลนัก
ลองนึกถึงครั้งสุดท้าย ที่คุณดูทีวีแล้วเห็นโฆษณาที่ชักชวนให้คุณหันมาบริโภคเห็ดหอมเป็นอาหาร นั้นมันเมื่อไหร่กันครับ
มีโฆษณาที่โชว์คนเดินร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ชวนกันไปกินเห็ดหอม
หรือไม่ก็ถั่วงอก มีมั๊ยครับ
ชวนกันกินเมล็ดกินัว มีมั๊ย...
หัวไชเท้าล่ะครับ
ราสเบอรรี่
เต้าหู้?
คุณไม่ได้เห็นโฆษณาแบบนั้นบนทีวี ... สิ่งที่คุณเห็นกลับเป็นอะไร
ทานเนื้อสัตว์ หมูหัน ทานชีส
ใสชีสบนเนื้ออันโอชะ ดับเบิ้ลชีส เพิ่มชีส ....
ใสชีสเพิ่ม เสริมรสกับเนื้อสันของคุณดีมั๊ย
ดื่มนมกันเถอะ ... ทานไข่ให้มากขึ้นนะ
แล้วสิ่งที่คุณเห็นโปรยปรายท่ามกลางโฆษณาเหล่านั้นคืออะไร
รู้สึกอ่อนเพลียหรือ?
ต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็ง .. หรือหมอโรคหัวใจ...?
ยาลดคอเลสเตอรอล.. ยาลดความอ้วน
เครื่องดื่มเพิ่มพลังงานต่างๆมั๊ย
เพ็บโท บิสมอล (ยาลดกรดในกระเพาะ)ซักหน่อยมั๊ยครับ...
คุณโดนหลอกลวงมาตลอด...
พวกนี้กำลังฆ่าคุณ ...ในขณะเดียวกันที่เค้าฆ่าสัตว์ ... และทำลายโลกและสิ่งแวดล้อม...
เค้าจับคุณใส่แผ่นปิดตาซะแน่นเลย
แต่วันนี้ครับ .. ผมขอคุณเพียงสิ่งเดียว..การเปิดใจกว้าง..
ผมจะเอาแผ่นปิดตาแน่นๆอันนั้นออกให้คุณเอง
จุดมุ่งหมายของผมมีเพียง เชื่อมโยงคนกับสัตว์อีกครั้ง
ปลุกความรู้สึก ความรู้สึกสำนึกคิดดั้งเดิมของเรา ที่ถูกสังคมกดฝังให้หายไปอย่างเจตนา
เหตุผลที่ผมใช้คำว่า "เชื่อมโยง อีกครั้ง" ก็เพราะว่า คุณทุกคนในห้องนี้
เคยเป็นคนที่เชื่อในสิทธิเสรีภาพของสัตว์ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
คุณเคยเป็นเพื่อนแท้ ผู้รักสัตว์
ตอนนั้นคือเมือพวกคุณยังเป็นเด็กอยู่
พวกเค้าเคยทำให้เราหัวเราะ ขำ มีความสุขแค่ไหน
พวกเค้าทำให้เราเบิกบานขนาดไหน
จำได้ไหวว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเรา เราจะยอมทำทุกอย่างในโลก ที่จะทำให้สัตว์เหล่านี้มีความสุขเช่นกัน
เราจะยอมทำทุกอย่างที่จะปกป้องพวกเขาจากการทารุณกรรม
หรืออย่างน้อย... เราจะรับรู้ว่าการทารุณกรรมที่พวกเค้าได้รับมันเป็นสิ่งที่ผิด!!
ยกตัวอย่างนะครับ..ถ้าเป็นตอนนั้น..มีใครทำร้ายสัตว์ต่อหน้าเราตอนเรายังเด็ก
เราจะร้องไห้เสียใจเพียงใด
เพราะเราเคยเข้าใจว่าอะไรผิดอะไรถูก เราเคยรู้ว่าควรปฏิบัติต่อสัตว์เหล่านั้นอย่างไร
จนกระทั่งเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่ง สั่งสอนเราให้เข้าใจผิดไป
คุณเชือสิ เราถูกสั่งสอนให้เพิกเฉยต่อการทรมานที่สัตว์เหล่านี้ได้รับอยู่
เราถูกสอนให้ล้อเลียน หาข้ออ้างให้เพิกเฉย ความทุกข์ทรมานของพวกเขา
เห็นว่าการมีชีวิตของเขานั้นเป็นเรื่องตลก ไร้ค่า
ผมอยากจะขอร้องให้คุณพิจารณาให้ดี ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ และวันถัดๆไป
มันเกิดเรื่องบ้าๆอะไรขึ้น
ใครกันที่สอนให้เราใจร้าย ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ใครกันสอนให้เราคิดเป็นอื่นไปจากเพื่อนสัตว์โลกเหล่านี้
สิ่งมีชีวิตไร้เดียงสาเหล่านี้เค้าทำอะไรให้เรา
ผมเชื่อนะว่าคุณกับผมเห็นด้วยเหมือนกันตอนนี้ว่า..
ความเกลียดชังในคราบของความบริสุทธิ์นั้นเป็นพฤติกรรมที่เราจดจำและถูกสั่งสอนมา
การเหยียดสีผิว การข่มชี่ทางเพศ การรังเกียจเพศตรงข้าม การรังเกียจชนเผ่าชาวยิว การเกลียดชังผู้หญิง
ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกสั่งสอนทั้งหมด เด็กๆ อายุ 2 3 หรือ 4 ขวบเล่นกันอยู่ที่สนามเด็กเล่น
คุณคิดหรือว่าเค้าสนใจว่าเพื่อนที่เล่นอยู่ข้างๆ ศาสนาอะไร เชื้อชาติ สีผิวอะไร
ผมไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ว่าความเกลียดชังนั้น โดยแท้จริงคือสิ่งที่โดนปลูกฝัง
เพราะฉะนั้น การเหยียดลักษณะทางพันธุกรรม ก็ไม่ต่างกัน
นี่ก็อีกคำศัพท์ใหม่ ที่ผมได้เสนอขึ้นบนกระดานนี้นะครับ คำนี้อยู่ใต้คำว่า Vegan
คำว่า 'เผ่าพันธุ์' และเพิ่มคำว่า 'นิยม' เข้าไป
และผมก็ต้องการที่จะให้นิยามของคำนี้ จากมุมมองที่ เห็นเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมว่า
การที่มนุษย์คิดว่าตนมีสิทธิในการฆาตกรรม และ การจับสัตว์โลกสายพันธุ์อื่น มาเป็นทาส นั้นเป็นเรื่องที่ผิด
เพียงเพราะว่าเราหลงคิดเอาเองว่าสายพันธุ์มนุษย์ของเรามันวิเศษกว่าสายพันธุ์อื่น
หรือเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น
หลงคิดว่า มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีความสำคัญ ที่มีค่าควรคำนึงถึง
ช่วยบอกด้วยละกัน..ถ้าผมคิดผิด
แต่ไม่ใช่ไอ้กระบวนการคิดแบบนี้หรอกหรือ..
ที่เป็นพื้นฐานของทุกรูปแบบของการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
หนึ่งในกลุ่มพูดและคิดว่าพวกเขาพิเศษกว่าคนกลุ่มอื่น,
และพวกเขาดำเนินการเอาเปรียบ พวกเขา กดขี่ข่มเหงพวกเขา ปฏิเสธสิทธิของพวกเขาที่จะเป็นอิสระ
ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างกับว่าเขาเป็นสิ่งของ เป็นทาสพวกเขา
และในกรณีอื่น ๆ อีกมากมาย ก็สังหารพวกเขา โดยเจตนา และมีการไตร่ตรองล่วงหน้าและกระทำไป โดยไม่มีการถูกลงโทษ
คุณต้องเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมาก เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมว่า...
มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ที่จะเลือกปฏิบัติหรือ เลือกกระทำกับคนอื่น การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการกระทำในรูปแบบใดก็ตาม
คนมักจะพูดว่าการเหยียดเชื้อชาติเป็นความชั่วร้าย
แล้วการที่คุณเป็นพวกสายพันธุ์นิยม มันโอเคหรือ
การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเป็นสิ่งชั่วร้ายบนรากฐานของมัน ... หรือไม่
เราจะเลือกต่อต้านการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเป็นบางกรณีเหรอ .. มันทำอย่างนั้นไม่ได้
ตอนนี้ ผมอยากจะร้องขอ ความเห็นใจ จากคุณ
และที่ผมใช้คำว่า 'ความเห็นใจ' ผมหมายถึง ให้คุณลองจินตนาการว่าคุณตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับสัตว์เหล่านี้สิ
แล้วลองมองความลำบากของพวกเขา จากมุมมองของสัตว์เหล่านี้
จากมุมมองของผู้เป็นเหยื่อ
เมื่อคุณได้ตรึกตรองถึงคำว่า อยุติธรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดกับมนุษย์หรือสัตว์
กรุณาพิจารณาจากมุมมองของเหยี่อด้วย
เพราะถ้าคุณไม่ได้เป็นเหยื่อ ก็อย่าได้ด่วนสรุปมันจากมุมมองของคุณฝ่ายเดียว
เพราะเวลาที่คุณไม่ได้เป็นเหยื่อ อะไรๆ มันก็ดูจะง่ายเสียเหลือเกิน ที่จะหาเหตุผลมาสนับสนุนข้ออ้างที่แสนโหดร้ายนั้น
ไม่ว่าจะเป็นความอยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมกัน, การตกเป็นทาส, และแม้กระทั่งการฆาตกรรม
แต่เมื่อคุณเหยื่อ,
อะไรๆ ก็ดูจะแตกต่างจากอีกมุมหนึ่งใช่มั๊ย
อีกสักครู่ คุณจะได้รับชมวีดีโอคลิป ใช้เวลา 4 นาที่
เราจะพาคุณไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเป็นประจำในโรงฆ่าสัตว์
ผมขอร้องให้คุณดูวีดีโอคลิปโดยไม่เบือนหน้าหนี หรือปิดตา
ก็เพราะถ้าคุณเลือกที่จะกินเนื้อ, ชีสนมและไข่,
ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุด คุณก็สมควรจะได้เห็น และรับทราบถึง ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่คุณก่อขึ้น
แต่ถ้าคุณทนดูวิดีโอนี้ไม่ได้ และเลือกที่จะปิดตาหรือเบือนหน้าหนี
คุณควรถามตัวเองแล้วหล่ะว่า...
ถ้ามันไม่ดีพอสำหรับตาของฉัน แล้วมันดีพอสำหรับกระเพาะอาหารได้ยังไง?
เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ!
ถ้าต้องทำร้ายมัน ก็จงทำร้ายมัน
ทุบตีลูกหมู ให้จมไปกับดิน
ผิดเองที่โตไม่เร็วพอ..
การฆ่าปลาโลมา ใน เมืองฟูโตะ, ญี่ปุ่น
โรงฆ่าสัตว์ในรัฐไอโอวา
เครื่องกิโยติน
การเล็มปากไก่ไม่ให้แทะ
การตัดอัณฑะ
ไม่มียาชา
การบังคับห่านให้กินเพื่อตับจะได้โต
ลูกไก่เพศชายที่โดนบดทั้งเป็น
ไก่งวงถูกฆ่าด้วยชะแลง
เมื่อพวกเขาไม่เติบโตอย่างรวดเร็วพอ
ฟาร์มสัตว์ Sasha Sanctuary
Big Red
"Lorenzo"
วัวที่มีความสุข
พวกเขาไม่ได้มาจากแคลิฟอร์เนีย!
การตัดเขาออก
ฟาร์มสัตว์ Sasha Sanctuary
ให้โอกาสความรักอีกสักครั้ง
คุณเคยสงสัยว่าทำไม McDonald และ Burger King และ Wendy's ไม่เคยแสดงให้คุณเห็นภาพเหล่านั้นในโฆษณาทางโทรทัศน์ของพวกเขา?
แต่พวกเขาโชว์รอยยิ้ม ตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ต่างๆ ของสัตว์ ว่ากำลังร้องเพลงและเต้นรำและเล่น,
โกหกคุณเห็นๆ
ล้างสมองคุณ
โปรแกรมความคิดให้กับคุณ
ให้เลิกสนใจกี่ยวกับสิ่งที่ตามธรรมชาติแล้วคุณจะแคร์
สิ่งที่คุณจะเห็นใจ
ณ วินาทีนี้ ขณะนี้ ที่บนทางหลวงในสหรัฐอเมริกา,
มีรถบรรทุกไม่น้อยกว่า 5,000 คัน ที่เป็นเหมือนค่ายกักกัน
รถบรรทุกที่เราได้สร้างขึ้น
ภายในรถบรรทุกเหล่านี้มีสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์... กำลังหวาดกลัว
วัวและสุกรและไก่ ...
ค่ายกักกันในรูปรถบรรทุกเหล่านี้เดินทางไปยังการโรงฆ่าสัตว์
ที่เราสร้างขึ้นทุกทั่วอเมริกา
เมื่อรถบรรทุกถึงจุดหมายปลายทาง สัตว์เหล่านั้นหวาดกลัวเสียจน
พวกเขาไม่ยอมเดินออกจากรถบรรทุก
พวกเขาไม่ได้โง่นี่ครับ (!)
พวกเขารู้ว่าถึงชะตาชีวิตตัวเอง
พอไม่ยอมเดิน..คนงานก็จะใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า
ช็อตบังคับให้พวกเขาเดินลงจากรถ ไปสู่ความตายของตัวเอง
หรือถ้าสัตว์ที่มีขนาดเล็กพอที่จะใช้คนอุ้มได้เช่นไก่,
คนงานก็จะคว้างแล้วก็เขวี้ยงพวกเขาไปในโรงฆ่าสัตว์
สัตว์มีชีวิตที่บริสุทธุ์เหล่านี้ โดนแขวนคว่ำหัวห้อยลง
ยังรู้สึกตัวเต็มๆ
พูดง่ายๆคือ
พวกเขาโดนฝืนใจให้เดินเข้าไปในที่ที่
พวกเขาจะออกมาหลังจากโดนสับเป็นร้อยชิ้น
แต่คุณรู้มั๊ย ว่าสิ่งที่บ้ามากเรื่องนี้คืออะไร...
คนที่กินเนื้อสัตว์
พวกคนกินเนื้อที่เดินไปเดินมา ใช้ชีวิตอย่างกับว่าพวกเขาไม่ได้เป็นภัยกับผู้อื่น
ทำอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะอิ่มท้องด้วยอาหารที่มาจากความทรมานและความตายของผู้อื่น
ถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไง ถ้าวันที่คุณลืมตาดูโลก
มีคนวางแผยว่าวันประหารของคุณจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไรซะแล้ว
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคุณเกิดเป็นวัว, หมู, ไก่หรือไก่งวงบนโลกนี้
ผมว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด
นี่หรือ สัตว์ประเสริฐ ผู้ซึ่งมีความเข้าใจว่าอะไรผิดอะไรถูก
สัตว์เหล่านี้ ยังไม่ได้ทำอะไรให้เราเดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย พวกเค้าสมควรได้รับการลงโทษและความโหดร้ายเหล่านั้นหรือ
ผมอยากให้คุณรับทราบถึงสิ่งที่ผมนำเสนอให้คุณในวันนี้..
เมื่อคุณเดินออกไปจากห้องประชุมนี้ หลังจากที่ผมพูดจบ
คุณรู้ตัวมั๊ย ว่านี้เป็นครั้งแรกที่คุณจะมีโอกาสได้มีส่วนร่วม ในการยุติการสังหารหมู่อันโหดร้ายนี้
แทนที่คุณจะเลือกกลับไปแค่พรรณนาถึงความน่าสงสาร ความน่าสมเพช และรำพึงรำพันถึงทุกปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลกนี้
ผมอยากจะเล่าให้ฟังนะ..ว่าอะไรมันน่าผิดหวังมากหลังจากได้เดินทางไปทั่วประเทศแล้ว
ทำการบรรยาย กว่า 250 ครั้งต่อปี ให้กับนักเรียน นักศึกษากว่า 7500 คน
มันน่าผิดหวังคือ หลายคนดีแต่พูด
ผมได้สังเกตว่า คนส่วนใหญ่ พูดเก่งมาก เวลาคุยกันเรื่องการสร้างสันติภาพ ความเห็นอกเห็นใจ
จริงๆนะ คนชอบที่จะคุยให้ผมฟัง
ไม่เคย ทำให้ผมดู
ชอบเล่ากันนักว่าพวกเขาหน่ะรักสันติ มีศีลธรรมเพียงไหน
เพียงเพราะความเชื่ออะไรก็ตามที่พวกเขามี
หรือรักสันติเพราะสิ่งที่ทำให้เขาเศร้า
"แกรี่, ฉันเชื่อในพระเจ้า! และฉันเชื่อว่าในเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมสวดมนต์อธิษฐานตลอดเวลา"...
"และการเกิดแผ่นดินไหวที่ ... หนึ่งในชิลีและเฮติ ...น่าเศร้าใจเหลือเกิน"
เออ.. แน่หล่ะมันเศร้า
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่การรู้สึกเศร้าเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม หรือ'การเชื่อมั่นใน'บางสิ่งบางอย่าง
มันทำให้โลกนี้ดีขึ้น
และฟังนะครับ ผมไม่ได้พยายามตั้งตนข่มท่านเวลาที่ผมพูดแบบนี้
ผมแค่ไม่ใช่นักการเมือง
ผมไม่ได้เป็นศิลปินพล่าม
ผมไม่ทราบวิธีการ เกลี้ยกล่อมผู้คน คุณก็พอจะทราบแล้ว
มันเกินความสามารถผมเกินไป
ผมเพียงหวังว่าคุณเล็งเห็น ความซื่อสัตย์และความจริงใจของผมในวันนี้
และผมก็ไม่ใช่นักขายครับ
ผมไม่มีหนังสือที่จะขายคุณหลังจากที่การบรรยายของผมเสร็จสิ้น
ไม่มีดีวีดีสารคดี
คอลเล็กชั่นสารคดีให้สะสม
ผมไม่ต้องการเงินของคุณ
ผมไม่ต้องการที่อยู่อีเมลของคุณ,
และผมไม่ต้องการที่อยู่ของคุณ
เก็บไว้เถอะครับ
ผมมาที่นี่เพียงเพื่อจะให้คุณรับรู้ เรื่องเลวร้ายที่สุดและความโหดร้าย ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกวันบนโลกใบนี้ ...
ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่สนใจ ไ่ม่แคร์
แต่เมื่อคุณกลับมานั่งชิลในห้องนั่งเล่นของคุณแล้วเริ่มบ่นประณามความโหดร้ายที่อื่น ๆ ...
นั่นเค้าเรียกว่า ปากว่าตาขยิบแบบเต็มๆ
นั่นคือความหมายของ"คนพูดเก่ง."
ซึ่งผิดกับการกินเจ..ซึ่งการกินเจคือโอกาสที่จะทำให้คุณสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นดีแต่พูด
นี่เป็นโอกาสของคุณเพื่อแสดงคนอื่น ๆเห็นว่า คุณมีศีลธรรม คุณสงบจริงๆ
นี่เป็นโอกาสในการปฏิวัติตัวเอง..
เพื่อที่เมื่อคนลาจากโลกไปนี้ไป
คุณจะไปอย่างบุคคลที่ทิ้งร่องรอยความเสียหายน้อยที่สุด
จากการ
ไม่กินเนื้อสัตว์
แล้วเหตุผลที่ดีของคุณที่จะไม่สร้างความเสียหายให้น้อยที่สุดกับคนอื่นมันคืออะไร
ในความไม่สะดวก?
ไม่แยแส?
ไม่สนใจ?
ความเห็นแก่ตัว?
ผมไม่ได้อยู่ในโลกแห่งจินตการครับ
ผมทราบดีว่าสัตว์พวกนี้กำลังทุกข์ทรมาณ และโดนเข่นฆ่า เพราะพวกเราแชร์พื้นที่บนโลกนี้อยู่กับเขา
เราสร้างบ้านบนแหล่งอาศัยของเขา
เราก่อให้เกิดมลพิษในสภาพแวดล้อมของพวกเขา
ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขา
เรามีเหตุผลอะไรที่จะต้องเพิ่มความทุกข์ทรมานให้กับพวกเขาอีก?
และเพิ่มความโหดร้ายและความตายที่พวกเขาได้รับอยู่แล้ว โดยการรับประทานพวกเขาอีกหรือครับ
มันก็ไม่ต่างไปจากการทาเกลือบนแผลสดของคนอื่นเลย คุณว่ามั๊ย
98%!
ผมขอ ย้ำ
98% ของสัตว์ที่กำลังถูกทำร้ายและถูกฆ่าตายบนดาวเคราะห์นี้
เกิดขึ้นเพราะมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์นมและไข่
นี่เป็นเหตุผลหลักของความโหดร้ายทั้งหมด
และในอเมริกาตั้งแต่แรกเกิดจนตาย,
ชั่วชีวิตคนกินเนื้อหนึ่งคน ได้คร่าชีวิตสัตว์บกจำนวนกว่า 3000 ชีวิต และ สัตว์น้ำอีกนับไม่ถ้วน
นี่คือสถิติของ USDA
และพวกเขาดูเหมือนจะคิดว่าคนจำนวนมากกินสัตว์,
เพราะเราถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าคนทุกคนเป็นสัตว์กินเนื้อ,
เราเป็นสัตว์กินเนื้อ สถิติก็ไม่น่าตกใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น..
คุณจะทราบว่าทางสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์ ที่จริงแล้ว เรากินพืชเป็นอาหาร 100% ?
สัตว์ กิน พืช ... ครับ
ความยาวของลำไส้ของเรา มีความยาวประมาณ 7-13 เท่าของความยาวของลำตัวของเรา
เป็นความยาวเดียวกันกับลำไส้ ของสัตว์มังสวิรัติบนโลกนี้
เป็นลำไส้ขนาดที่ยาวมากๆ
แต่ความยาวของลำไส้ของสัตว์กินเนื้อ เช่น
ไฮยี, โคโยตี้, หมี เสือ และสิงโตนั้น
มีีความยาวเพียง 3 ถึง 6 เท่าความยาวของลำตัวของพวกเขา
พวกเขามีทางเดินลำไส้ระยะสั้นเพื่อให้พวกเขาสามารถผลักดันอาหาร หรือเนื้อสัตว์ที่เน่าเปื่อยผ่านระบบย่อยอย่างรวดเร็ว
รวมถึงโปรตีนจากสัตว์ คอเลสเตอรอล ไขมันอิ่มตัว จากเนื้อสัตว์เหล่านั้น
มันจะอธิบายได้ว่า ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้
ผมขอย้ำ ... มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สำหรับสัตว์กินเนื้อที่แท้จริงเหล่านั้น ที่จะเกิดปัญหาหลอดเลือดอุดตัน
ปัญหานี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับสัตว์กินเนื้อ
คุณว่าอะไรเป็นฆาตรกรมือหนึ่งที่คร่าชีวิตมนุษย์ที่เลือกทีจะบริโภคเนื้อสัตว์ ชีส นมไข่
โรคต่างๆที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันไงครับ
โรคที่เกิดจากการอุดตัน หรือ เปราะของหลอดเลือด
มนุษย์และสัตว์กินพืชอื่น ๆ
เรามีเหงื่อไหลผ่านทางรูขุมขนของเรา เพื่อระบายอุณภูมิความร้อนของร่างกาย
เราจะไม่หอบเช่นสุนัขและแมวและสิงโต เพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง
เราไม่มีกรงเล็บ เพราะกรงเล็บเปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร
เรามีเอนไซม์ย่อยอาหารคาร์โบไฮเดรตในน้ำลายของเรา,
เป็นลักษณะพิเศษของสัตว์กินพืชเท่านั้น
ซึ่งก็หมายความว่าเราควรจะรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตเช่นผักและผลไม้เป็นอาหาร
ฟันของเรา
กว้าง, สั้น, ทื่อ, แบน,
เช่นเดียวกับฟันของสัตว์กินพืชอื่น ๆ
และก่อนที่ใครสักคนยกมือแย้งผมว่า อ้าว แกรี่ แล้วเขี้ยวหล่ะ
สัตว์กินพืชส่วนใหญ่ก็มีเขี้ยวครับ
แล้วก็มีฟันกราม และฟันล่างหน้า
มันจะเป็นไปได้สำหรับพวกเขาและเราที่จะกินผลไม้เช่นแอปเปิ้โดยไม่ต้องฟันเหล่านั้น
ขากรรไกรล่างของเรามีการเคลื่อนไหวไปจากซ้ายไปขวา ในเคี้ยวบด
แบบนี้
เราเคี้ยวบดเวลาเรารับประทานอาหาร
ถ้าคุณเคี้ยวบดในลักษณะแบบนี้ .. อย่างเช่นที่คุณทุกคนทำอยู่,
คุณเป็นสัตว์กินพืช
ปากของสัตว์กินเนื้อ เท่านั้นที่สามารถเคี้ยวอาหารในลักษณะขยับขึ้นและลง,
ในแนวตั้ง การเคี้ยวเป็นแบบ ฉีกและกลืน
ไม่มีการเคี้ยวด้านบดแบบเลื่อนไปทางด้านข้าง
เอางี๊ครับ แฟร์ๆเลย
ผมท้าว่าถ้ามีใครในนี้ที่เชื่อจริงๆว่าตัวเองเป็นสัตว์กินเนื้อ
ผมจะท้าให้คุณพิสูจน์เลยว่าผมพูดผิด หลังคลาสนี้ ..
ผมท้าให้คุณออกไปข้างนอก หากระรอกสักตัวในมหาวิทยาลัยนี้
เจอกระรอกแล้วทำงี๊ครับ
เอาสองขาของสัตว์กินเนื้อของคุณนั่น
วิ่งไล่ล่ากระรอกนั่นให้ได้ .. ล่าจับเค้าด้วยสองมือเปล่าและปากของคุณ
ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยหรืออาวุธใดๆ แม้แต่กรง
ห้ามขี้โกง เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะเป็นสัตว์กินเนื้อจอมปลอมในเกมส์นี้
และเมื่อคุณทำฆ่ากระรอกตัวนั้น ด้วยปากที่งับมัน
คุณก็สามารถกินกระรอกได้เลยครับ
กินทุกอย่าง ขน ตา จมูก ใบหน้า เท้า, หาง, ทวารหนัก, อวัยวะภายใน, เลือด,
และอย่าลืมสมองมันด้วย
คุณไม่ได้สิทธิในการเลือกกินเฉพาะส่วน
ทำให้สุกก็ไม่ได้ครับ
เพราะถ้าคุณยืนยันว่าคุณคือสัตว์กินเนื้อจริงๆ
ผมก็อยากที่จะเห็นคนกินเนื้อดิบ ทานใ้ห้เกลี้ยงเหลือแต่กระดูกเลย..
ทำให้ได้วันแล้ว วันเล่า
คำท้าทายทำที่สองครับ
หาเด็กเล็กอายุ 2 ขวบ วางเขาลงบนเปลเด็ก
ในเปล มี 2 สิ่ง มีกระต่ายเป็นๆหนึ่งตัว กับแอปเปิ้ล 1 ลูก
ถ้าหากเด็กกินกระต่ายกระต่ายและเล่นกับแอปเปิ้ล,
กรุณาอีเมล์มาหาผมด้วย
เพราะผมจะกลับมาที่นี่ ซื้อรถคันใหม่ ให้คนทุกคนในห้องนี้
รถเบนซ์ หรือ บีเอ็ม คุณว่ามา แต่งเบาะหนังให้ด้วยอ่ะ..
เอางี๊ ถ้าครั้งต่อไป ผมมาที่ โรงเรียนเทคนิคจอร์เจีย แห่งนี้ ในกรณีที่คุณพิสูจน์คำท้าท้ายของผมได้ ผมจะกินแซนวิชสเต็ก ต่อหน้าคุณทุกคน,
เพิ่มฮ็อตดอก รสพริก เสริมชีสด้วยอ่ะ
ไอศครีมอีกถัง และก็เนื้อย่างอีกซักถุงนึงด้วยอ่ะ
ผมจะเอาเนื้อย่าง จิ้มไอติม แล้วกินมันอย่างงั้นด้วย
ตอนนี้ฉันจะไม่กลั้นใจพูดสัญญาเหล่านั้นครับ
ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ทำ, ผมพูดคำไหนคำนั้น
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถและจะไม่เกิดขึ้น,
เพราะมนุษย์เรามี
สัญชาตญาณในการล่าเนื้อเป็นอาหารเท่ากับ ศูนย์
เรามีสัญชาตญาณของสััตว์ล่าเนื้อ เป็น ศูนย์ ...ตั้งแต่ เราเกิด, เป็นเด็กและเติบโตขึ้น
เราทุกคนเกิดมาเป็นสัตว์กินพืช
เราเพิ่งได้รับรสชาติของเนื้อชีสนมและไข่
หลังจากที่สิ่งเหล่านั้นถูกบังคับลงลำคอของพวกเราในช่วงวัยเด็กของเรา
สิ่งที่ผมกำลังร้องขอให้คุณทำเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติของเราอยู่แล้วครับ
กินสิ่งที่มาจากแผ่นดิน
วิตามินเกลือแร่ที่ทุกคนและธาตุอาหารที่มีอยู่ โปรตีนแคลเซียมเหล็ก, โพแทสเซียมทั้งหมดวิตามินบี,
คุณได้รับสารอาหารพวกนั้นครบถ้วนอยู่แล้ว.. ไม่ต้องไปพึ่งเนื้อสัตว์
คุณได้สารอาหารเหล่านั้นจากสัตว์ หลังจากที่สัตว์เหล่านั้นกินสารอาหารเหล่านั้นจากพืช
คนกินวัวหลังจากที่วัวกินหญ้าที่มาจากดิน
เราขุนมันให้อ้วน และให้อาหารมัน
ส่วนใหญ่มาจากข้าวโพด, ข้าวสาลี, ข้าวโอ๊ต และถั่วเหลือง
จากนั้นเราให้ข้าวโพด, ข้าวสาลี, ข้าวโอ๊ตและถั่วเหลืองอีก มากขึ้นอีก
ยัดมันลงลำคอของสุกรและไก่และไก่งวง
หยุดเถอะครับ หยุดกรองสารอาหารที่คุณควรได้รับผ่านร่างกายผู้อื่น
มันไม่สมควร และไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
คุณไปรับสารอาหารจากแหล่งที่มาเหล่านั้นได้โดยตรง, ผลไม้, พืชตระกูลถั่วผักถั่วเมล็ดพืช, ธัญพืช ต่างๆ
สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเป็นอันตรายต่อคุณ และไม่สามารถทำให้เกิดโรค
และที่สำคัญ มันไม่ทำร้ายชีวิตใครด้วย!
แต่การที่คุณบริโภคสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเดินบนพื้นดิน โบยบินบนอากาศ หรือแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล
นั่นแหละ คือสิ่งที่ผิดปกติ
คุณคิดว่าโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เกิดมาจากอะไรกันล่ะ ?
บรอคโคลิ?
หน่อไม้ฝรั่ง? กะหล่ำปลี, คะน้า, บลูเบอร์รี, ราสเบอร์รี, สตรอเบอร์รี,
ลูกพีช, ลูกท้อ, องุ่น, กล้วย, อโวคาโด, หัวหอม, มะเขือเทศ, แตงกวา, ผักโขม?
และถ้าเกิดมีใครยังตะหงิดๆ เกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นว่า
เชื้ออีโคไล, แซลโมเนลลา นั้นปนเปื้อนมากับพืชผัก ...
จำไว้ให้ดีว่ามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่เป็นแหล่งของเชิ้ออีโคไล และแซลโมเนลลา นั่นก็คือ
ขี้! ขี้คน หรือ ขี้สัตว์ เท่านั้น!
ผักโขมขี้ไม่ได้!
บรอคโคลีไม่ขี้!
ถั่วก็ไม่ขี้!
เลิกโทษว่าเชื้ออีโคไล และแซลโมเนลลา มาจากผลผลิตจากพืชผักสักทีเถอะ
นั่นมันความผิดของสังคมบริโภคเนื้อต่างหาก!
ทำไมน่ะเหรอ? สิ่งมีชีวิตที่บริโภคเนื้อนั้นต้องการบริโภคสัตว์บกจำนวนพันล้านตัว
ทำให้เกิดกระบวนการผลิตขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับจำนวนสัตว์เหล่านั้น
จำไว้เสมอว่านี่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับพระเจ้า และไม่เกี่ยวกับการวิวัฒนาการอีกต่อไปแล้ว
นี่มันคือธุรกิจแขนงหนึ่ง
นี่คือ Smithfield, ConAgra, Perdue, McDonalds, Burger King, Wendy's, KFC
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเรียนวิขาการปศุสัตว์ในมหาวิทยาลัย
ดังนั้นเมื่อมีการผลิตสัตว์บกเพื่อเป็นอาหารจำนวนมาก
พวกเขาจึงต้องใช้ปุ๋ยคอกกว่าล้านล้านตัน
แล้วปุ๋ยพวกนั้นก็ไหลไปตามทางน้ำ และไหลลงสู่พืชไร่
พูดอีกอย่างก็คือ เชื้อที่อยู่ในมูลสัตว์เหล่านั้นกำลังถูกลำเลียงไปสู่พืชไร่
แต่โรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ, หัวใจวาย, ชัก โรคมะเร็งส่วนใหญ่
มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็วลำไส้ใหญ่, มะเร็งทรวงอก, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งรังไข่
มะเร็งที่ไต, โรคเบาหวาน, โรคกระดูกพรุน, ความดันเลือดสูง, โรคอ้วน, โรคหอบหืด
4 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้
อาจจะมีสาเหตุอื่นเกี่ยวข้องด้วย
ผมไม่ได้บอกว่าการหลีกเลี่ยงสาเหตุหลักเหล่านี้จะป้องกันคุณจากโรคร้าย
การสูบบุหรี่, ดื่มสุรา, ความเครียด, สารเคมี, ฟรุคโตสจากคอร์นไซรัป, ทวิงกี้ส์ ...
ผมรู้ว่ามีสาเหตุอื่นๆ อีก ที่จะทำให้เกิดความเจ็บป่วย
แต่เหตุผลหลัก 4 ข้อนี้จะพบได้ในเนื้อสัตว์, ชีส, นม และไข่
คลอเลสเตอรอล
ไขมันอิ่มตัว
กรดไขมัน
โปรตีนสัตว์
และผมจะพูดข้อสุดท้ายให้ฟังอีกที ข้อที่ไม่มีใครอยากได้ยิน "โปรตีนสัตว์"
แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่คุณเปลี่ยนมาถือเจ
คลอเลสเตอรอลของคุณจะลดลงอยู่ในระดับปกติ
คลอเลสเตอรอลเกิดจากการทานเนื้อสัตว์, ชีส, นม และไข่ เท่านั้น
ร่างกายของคุณจะผลิตคลอเลสเตอรอลด้วยตัวเอง แต่คลอเลสเตอรอลแบบนั้น คือสิ่งที่ดีต่อร่างกายอยู่แล้ว
แต่หากคุณยังนำคลอเลสเตอรอลเพิ่มเข้าไปอีก มันก็จะกลายเป็นคลอเลสเตอรอลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายไป
การเปลี่ยนมาถือเจจะมาสามารถขจัดไขมันอิ่มตัวได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์
และกรดไขมันยังจะถูกกำจัดได้โดยธรรมชาติอีกด้วย
จำไว้ว่า 2-9 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อสัตว์ทุกประเภท และ นมทุกชนิดทำให้เกิดกรดไขมันอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าคุณยังจะสามารถขจัดไขมันสัตว์ได้อีกด้วย
นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไม 1 ใน 3 ของคนที่ทานเนื้อสัตว์จึงเป็นโรคมะเร็งกันอยู่เรื่อยๆ
อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหลักของโรคกระดูกพรุน
เคยคิดกันบ้างไหมว่าถ้าร่างกายของคนบริโภคโปรตีนสัตว์เข้าไป
จะทำให้เลือดของเราเป็นกรดโดนทันที
แต่เลือดของเราไม่สามารถคงความเป็นกรดได้นาน มิฉะนั้นเราอาจตายได้
ดังนั้นร่างกายของเราจึงหาทางเปลี่ยนความเป็นกรดในเลือดให้กลายเป็นกลางโดยทันที
ผมมีทั้งข่าวดี และข่าวร้าย
เอาข่าวดีก่อนละกัน
ร่างกายของเราต้องหาทางเปลี่ยนความเป็นกรดให้กลายเป็นกลาง
ส่วนข่าวร้ายก็คือ
วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือ
ฟอสเฟต
ฟอสเฟตสามารถพบได้ในที่ที่เดียวของร่างกายมนุษย์
นั่นก็คือกระดูก!
ก็อย่างที่รู้กันว่ากระดูกของเราประกอบไปด้วยสองสิ่ง
แคลเซียม, ฟอสเฟต ที่เชื่อมต่อกันและกัน
เมื่อร่างกายของเราดูดแคลเซียม และฟอสเฟตของจากกระดูก
นำฟอสเฟตมาเปลี่ยนความเป็นกรดในเลือด ส่วนแคลเซียมนั้นออกมาทางการปัสสาวะ
ในทุกการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสังคมที่บริโภคโปรตีนสัตว์นั้น
มีความเสี่ยงที่สุดในการเกิดโรคกระดูกพรุน, กระดูกหัก และมะเร็ง
ในขณะที่สังคมที่บริโภคเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยกว่า
คนที่ถือเจ, มังสวิรัติ, ฮินดู, พุทธศาสนิกชน, เชน, ผู้ถือนิกายราสตาฟาเรียน, ผู้ถือนิกายเซเว่นเดย์ แอดเวนทิสทส์
จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน, กระดูกหัก และมะเร็งน้อยกว่า
และเราก็จะไม่มานั่งอภิปรายในช่วงถาม-ตอบ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการศึกษาทางการแพทย์ด้วย
หลายครั้งมีคนรู้มาก่อนว่าผมจะมาบรรยายในชั้นเรียน
เขาจะใช้หาข้อมูลเรื่องการศึกษาจากอินเตอร์เน็ต
ปรินท์ออกมาแล้วรอช่วงถาม-ตอบ
"นี่ คุณYourofsky ผมมีข้อมูลทางการศึกษาที่มันตรงข้ามกับสิ่งที่คุณพูดวันนี้ทั้งหมดเลย"
"แล้วยังไงต่อ?"
อืม.. แล้วมันยังไงต่อล่ะทีนี้...
คุณไม่ต้องไปหาการศึกษาทางการแพทย์มาให้ผมดูหรอกว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนเสียชีวิต
สำหรับการบันทึก...
อัตราส่วน2 ต่อ1 แสดงให้เห็นว่าเนื้อสัตว์, ชีส, นม และไข่ นั้นเป็นเหตุให้เกิดโรคหลักๆ ทุกโรค
เราต่างก็รู้ว่าการศึกษาทางการแพทย์ก็สามารถเป่าหูเราได้
โยนมันทิ้งไปให้หมดเลย คุณไม่ได้ต้องการมันหรอก
สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือตระหนักถึงสังคมที่เราอาศัยอยู่นี่ สังคมที่กินเนื้อสัตว์, ชีส, นม และไข่เป็นอาหาร
ในครอบครัวของคุณและเพื่อนของครอบครัวคุณสักกี่คนที่ป่วยไปแล้ว? หรือมีกี่คนที่ตายจากโรคเหล่านี้ไปแล้ว?
ผมไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากมัน
คุณปู่ของผมเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย คุณย่าของผมเสียชีวิตด้วยโรคลมชัก
ลุงแจ๊คของผมเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย
และเมื่อ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์ตอนประมาณเที่ยงคืน
ว่าคุณพ่อของผมเพิ่งเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวาย
คุณแม่ ท่านเป็นโรคหอบหืด
พ่อเลี้ยงของผมเป็นโรคหัวใจ ต้องทานยา 7 เม็ด ก่อนอาหารเช้า
ป้าและลุงรวมสี่คนของเพื้อนซี้ผมดาเรน เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน
แฟนเก่าของเขาริต้า เป็นโรคมะเร็งทรวงอกเมื่อเธออายุ40 และกำลังจะตาย
เพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอีกว่าแฟนคนปัจจุบันของเขาไดออน ตรวจพบมะเร็งในรังไข่
และเมื่อวานนี้แฟนของผมเพิ่งทราบว่าคุณพ่อของเธอเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
นนอกจากอากาศที่เราใช้หายใจ และน้ำที่เราใช้ดื่มแล้ว เรามีอะไรที่เหมือนกันอีก?
เนื้อ, ชีส, นม และไข่
ผลผลิตจากสัตว์ทุกๆวัน
ผมรู้และไม่ประหลาดใจ ถ้าคุณจะโทษมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
แต่คุณจะโทษมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ว่าเป็นเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและลมชักได้ด้วยเหรอ?
โรคเบาหวาน, กระดูกพรุน โรคอ้วนล่ะ?
มา ผมจะชี้มุมมองใหม่ให้คุณดูว่าอะไร และสาเหตุไหนคือฆาตกรตัวจริง
ผมกำลังจะให้คุณดูว่าใครกันแน่ที่โกหก ปลิ้นปล้อน และหลอกหลวงพวกคุณอยู่
มาเริ่มกันที่ข้อตกลงในอุตสาหกรรมโคนม..
ถ้ามันเป็นการกระะรรมที่ไม่เป็นธรรมต่อผม ช่วยบอกผมที
สืบเนื่องมาจากตัวของอุตสาหกรรมโคนมเอง
เหตุผลหลักในการก่อตั้งก็คือ นำแคลเซียมมาให้คุณ
ดี มีแค่นั้นเหรอ?
"กินชีสหน่อยสิ" .มาดื่มนมวัวกันเถอะ"
"กระดูกแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง" "นมดีต่อสุขภาพ"
"เอานมปะ?"
ไปดูใน USDA เถอะ
ในอเมริกา ที่นี่ เราบริโภคนมมากที่สุดในโลก
จะกินแค่แซนวิชเฉยๆ ยังไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีชีส
เราใส่ชีสเข้าไปในทกุซอกทุกมุมของอาหารทุกชนิด
ใส่ในแป้งพิซซาด้วยเดี๋ยวนี้!
โรยบนสลัดด้วย
คุณกินไม่ได้หรอกถ้าสลัดไม่ได้ใส่ชีสลงไปด้วย
แล้วถ้าบังเอิญโชคดีคุณได้สลัดที่ไม่มีชีส คุณจะพูดกับพนักงานเสิร์ฟว่าอะไร?
"เอ่อ.. ขอโทษนะคะ ขอเนื้อไม่ก็เธาซันด์ ไอร์แลนด์ได้ไหมคะ?"
"ช่วยใส่อะไรก็ได้จำพวกนม ลงบนผักของฉันหน่อยได้ไหมคะ?"
ในสังคมนี้ เป็นที่ที่ทุกคนยึดติดอยู่กับชีส
ยึดติด!
มันเหมือนกัญชา
ยาอี
มอร์ฟีน
และยาพิษ
คนส่วนใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะตระหนักถึงอาหารหนึ่งมื้อของตัวเองเสียด้วยซ้ำ
ขอสักวันหนึ่ง ไม่ก็ครั้งหนึ่งในชีวิต
ที่ไม่มีชีส
ที่จริงถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมมังสวิรัติถึงไม่ใช่คนถือเจ..
ชีส!
ชีสบนมันฝรั่งอบ
ชีสบนบรอคโคลิ
ชีสบนทุกอย่างที่เห็น
ขนาดคนที่แพ้นมก็ยังกินชีส
แล้วผมก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมาพูดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาอาจจะหลีกเลี่ยงการกินนมวัวแบบจังๆ
แต่โปะดับเบิ้ลชีส บนเปปเปอโรนีพิซซาต่อหน้าต่อตา
ไม่มีการลังเลใจ ใส่เข้าไปเต็มที่
แล้วเราก็รับเอาผลผลิตจากสัตว์เหล่านี้เข้ามาในพฤติกรรมการกินของเรา
ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ!
เอาล่ะ ลองตั้งใจคิด แล้วมองไปรอบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
กิจวัตร
ธรรมเนียม
ความสะดวกสบาย
รสชาติ
ใช่ ผมรู้ว่ทำไมคนเขาถึงกินมัน ผมเองก็กินเนื้อมากว่า 25 ปี
เราไม่ได้กินแบบนี้เพราะต้องการอยู่ในจริยธรรมและมีสุขภาพดี
เห็นได้ชัดเลย
แล้วเราก็ไม่ได้กินแบบนี้เพราะต้องการช่วยสิ่งแวดล้อมด้วย
คิดใช้คณิตศาสตร์ดู คูณไม่ต้องเป็นไอสไตน์ก็รู้ว่าผลออกมาว่าอย่างไร
อีกแล้ว มลพิษทางสิ่งแวดล้อม
มลพิษทางอากาศ
มลพิษทางน้ำ
การตัดไม้ทำลายป่า
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก...
สาเหตุหลักมาจากการทำปศุสัตว์
ผมอยากจะกลับมาพูดถึงประเด็น 'รสชาติ' เพราะตัวผมเองก็คิดเหมือนกันว่ารสชาติของเนื้อมันเยี่ยมยอดไปเลย
ไม่ต้องตกใจถ้าผมจะบอกว่า
จดลงไปเลยว่า
ผมรักรสชชาติของเนื้อสัตว์
ผมรักมัน!
ชีส...
ผมรักมัน!
นมวัวแล้วก็ไข่...
ผมก็รักมัน!
แต่เพราะความรู้สึกผิด
ผมไม่ได้เลิกทานของพวกนั้นเพราะว่าเรื่องรสชาติ
ผมหยุดเพราะจริยธรรม
ศีลธรรม
ความเหมาะสม
ความเมตตาและเข้าอกเข้าใจในสรรพสัตว์ที่อยู่ร่วมกับผมบนโลกใบนี้
สิ่งที่เยี่ยมที่สุดของการถือเจก็คือ
มันไม่ง่ายเลย!
คุณอาจจะหาสิ่งที่มีกลิ่น รสชาติ เนื้อผิวที่เหมือนเนื้อ เหมือนชีส หรือนม แทนที่จะกินมันจริงๆ
นอกจากตัวคุณเองแล้วไม่มีใครต้องทุกข์ทรมานและตายไปเพราะอาหารเย็นของคนอีกต่อไป
มีคนผลิตสินค้าต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบของเจทั้งนั้น
ไม่ว่าจะทำมาจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี หรือข้าว ไม่ก็พืช
ผมอยากจะให้คุณดูว่ามีสินค้าจำพวกนั้นเยอะแยะแค่ไหน แม้ว่าผมจะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับบริษัทเหล่านั้นก็ตาม
ปีมัน
คุณรู้ไหมว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ ในอเมริกามาจากอุตสาหกรรมโคนม
เพราะหลังจากช่วงอายุ 3-7 ปี แม่วัวจะผลิตน้ำนมได้น้อยลง ... ไปเลย โรงฆ่าสัตว์
ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งจริงๆแล้ว วัวนั้นมีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 18 ถึง 25 ปี
แม่วัวก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเมียอื่นๆ
ที่ผมพูดประเด็นเรื่องสัตว์ ผมไม่ได้กำลังพยายามพูดดูถูกพวกคุณ
แต่เป็นเพราะว่าคนเราไม่คิดว่าสัตว์นั้นมีอะไรเหมือนๆ กับเรา มีอารมณ์และความรู้สึกที่เหมือนเรา
สัตว์ลูกลูกด้วยนมตัวเมียต้องตั้งครรภ์ก่อนถึงจะผลิตน้ำนมได้
ทุกๆ ปี วัวทุกๆ ตัว ในทุกๆ ฟาร์มโคนมถูกข่มขืน!
เครื่องกลเหล็กแท่งยาวถูกสอดเข้าไปเพื่อฉีดอสุจิของวัวตัวผู้เข้าไปในช่องคลอดของวัวตัวเมีย
หรือบางครั้งพวกเขาก็ใช้มือเปล่าๆ ในการทำขั้นตอนดังกล่าว
เพื่อทำให้มีน้ำนมอยู่ตลอด
ซึ่งหลังจากที่แม่ตัวให้กำเนิด ลูกวัวก็ถูกแยกออกไป
ขอบอกอะไรอย่างหนึ่ง
เสียงกรีดร้องที่เลวร้ายที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา และผมได้ยินเสียงมากับหูของผมเอง
เมื่อผมเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ประมาณ15 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นเหมือนคนอื่นทั่วไป
ผมไม่ได้คิดว่ามันร้ายแรงขนาดนั้น ผมเคยคิดว่าคนอื่นๆ เขาก็พูดเกินไปอย่างนั้น
แต่แทนที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
ผมได้เข้าไปดูจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมใช้เวลา 6 สัปดาห์ที่โรงฆ่าหมู ธอร์น แอปเปิ้ล วัลเล่ย์ ในดีทรอยท์ ปี1993
ผมเคยบุกรุกเข้าไปในห้องทดลองวัจัยสัตว์ ผมเคยบุกรุกเข้าไปในฟาร์มขนสัตว์
ผมได้มีโอกาศไปที่หลังเวทีของคณะละครสัตว์ของทุกคณะ และการแสดงโคบาลทุกคณะที่เคยมาจัดแสดงที่มิชิแกน
เป็นการกรีดร้องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา
แม่วัวในฟาร์มโคนม
เมื่อเธอร้องโหยหวนทั้งวันทั้งคืนเพียงขอให้นำลูกของเธอคืนมา
สิ่งเดียวที่ผมจินตนาการออกก็คือ ผู้หญิงในห้องนี้ก็จะกรีดร้องโหยหวยแบบเดียวกัน
หากมีคนพรากลูกที่คุณเพิ่งคลอดออกมา ไปจากคุณ
แล้วทำไมพวกเขาถึงพรากลูกๆ ไปจากแม่ของพวกมัน?
ก็เพราะว่าอุตสาหกรรมนมวัวเห็นว่า การที่จะมีลูกวัวตัวน้อยๆ คอยดูดนมจากแม่ของพวกเขานั้นมันไม่เอื้อต่อผลประโยชน์ของพวกเขา
เพราะพวกเขาต้องใช้นมเหล่านั้น เพื่อขายให้กับคุณแทน
คุณมักได้ดื่มนมเสมอ ในขณะลูกวัวบางตัวไม่
และแม่วัวก็ผลิตนมเพื่อเหตุผลเพียงข้อเดียวเท่านั้น
ในช่วงถาม-ตอบ ที่เรากำลังจะเขาสู่นั้น
คุณจะถามอะไรผมก็ได้ ที่อยากถาม
ผมไม่ใช่นักการเมือง จะถามอะไรก็ได้ มีบางคนเข้าไปเยี่ยมชมในเวบไซต์ก่อนที่ผมจะมาบรรยายที่นี่
วัวผลิตนมเพื่อลูกวัว และเพื่อลูกวัวของพวกมันเท่านั้น
แค่นั้นจริงๆ! ตลอดไป! อย่างถาวร! ไม่มีข้อโต้แย้ง, ไม่มีอภิปรายต่อใดๆ ทั้งสิ้น
พวกมันไม่ได้ผลิตนมมาเพื่อให้ทารกช้าง...
ทารกอุรังอุตัง
ทารกเม่น, ทารกกระต่าย,
ทารกหนู, ทารกคน, วัยรุ่น หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่
ร่างกายของเราไม่ได้ต้องการอะไรในนมวัวเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับที่ร่างกายของเราไม่ได้การจากนมยีราฟ
นมม้าลาย และนมแรด, นมฮิปโปโปเตมัส, นมอูฐ, นมกวาง
นมม้า, นมหมู, นมหมา, และนมแมว
นมประเภทเดียวเท่านั้นที่เราต้องการคือนมจากอกของแม่เราตอนที่เราเกิดมา และก็มีแค่นั้น!
และหลังจากที่เราหย่านมแล้ว เราก็ไม่ต้องการนมอีกแล้วแม้แต่หยดเดียว
ไม่มีสัตว์จำพวกไหนบนโลกนี้ที่ต้องดื่มนมหลังจากหย่านมแล้วหรอก
แต่ถ้าคุณอยากจะเพิ่มอาหารประเภทนม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารของคุณเหมือนผมล่ะก็
ผมจะบอกข่าวดีให้
นมถั่วเหลือง, นมข้าว, นมอัลมอนด์, นมพืช, นมมะพร้าว, นมข้าวโอ๊ต, นมซาเฮลนัท
ผมรับประกันเลยว่าคุณจะต้องชอบรสใดรสหนึ่งของนมแบบมังสวิรัติทั้ง 7 ชนิด นั้นแน่ๆ